Advertisement
5 สุดยอดมอยส์เจอไรเซอร์ที่หาได้จากในครัว! (Lisa)
บัตเตอร์มิลค์หนึ่งถ้วย อะโวคาโดครึ่งผล น้ำผึ้งสองช้อนโต๊ะเชียบัตเตอร์และน้ำมันมะกอกอีกนิด ทั้งหมดนี้อาจฟังดูเหมือนส่วนผสมสูตรอาหารในครัว ซึ่งรวมกันแล้วอาจจะไม่ได้รสชาติที่ดีนัก แต่ส่วนผสมเหล่านี้อาจนำไปดัดแปลงใช้ได้ระหว่างการปรนนิบัติผิวตอนเช้าหรือตอนเย็น เพราะมันคือมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นยอด ที่จะทำให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่โดยปราศจากสารเคมีและราคาสบายกระเป๋ากว่าสกินแคร์ทั้งหลายในท้องตลาด
ดังนั้น ในครั้งต่อไปที่คุณอยากจัดการกับปัญหาผิวแห้ง คุณอาจจะมุ่งตรงไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแทนแผนกเครื่องสำอาง
1. บัตเตอร์มิลค์
ส่วนของนมสดเข้มข้นที่เหลือจากการทำเนย ที่มีกรดแล็กติก หนึ่งในกรดไฮดร็อกซี่ ที่หากคุณกำลังมองหาโลชั่นบำรุงผิวก็ต้องมองหาส่วนผสมของ Alpha-Hydroxy และ Beta-Hydroxy บนฉลากด้านหลังที่บอกส่วนผสมโดยส่วนผสมเหล่านี้ช่วยขัดผิว ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ออกไปเพื่อเผยเซลล์ผิวที่สดใหม่และชุ่มชื้นออกมาแทน
แต่คุณไม่จำเป็นต้องเอาบัตเตอร์มิลค์มาอาบตัวเพื่อให้เห็นผลหรอก แค่ใช้ผ้าจุ่มลงในบัตเตอร์มิลค์แช่เย็น หรือนมสดไขมันเนยธรรมดาก็ใช้ได้เช่นกัน แล้ววางประคบลงบนผิวแห้งหรือระคายเคืองนานประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก กรดแล็กติกก็จะซึมค้างอยู่ในผิว ซึ่งช่วยให้ผิวดูสดชื่นยิ่งขึ้น
2. เชียบัตเตอร์
มอยส์เจอไรเซอร์สูตรตั้งแต่โบราณกาลสกัดจากเมล็ดถั่วที่อยู่ในผลของต้นเชียที่พบในแอฟริกาเท่านั้น ซึ่งต้องใช้เวลา 15-30 ปีต้นเชียถึงจะให้ผลผลิตออกมา แต่โชคดีว่าคุณไม่ต้องรอนานขนาดนั้นเมื่อใช้เชียบัตเตอร์บำรุงผิว เพราะผิวของคุณจะได้รับความชุ่มชื้นทันทีที่ได้ลองใช้
เชียบัตเตอร์นั้นอุดมด้วยวิตามินเอที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนชั้นไขมันธรรมชาติบนผิวหนังชั้นนอกสุด ที่ไม่เพียงแค่ช่วยเยียวยาผิวแห้ง แต่ยังช่วยรักษาโรคผิวหนังจากอาการแพ้ แก้ปัญหาผิวไหม้จากแดดและแมลงกัดต่อย และยังเต็มไปด้วยวิตามินที่เป็นเพื่อนซี้กับผิวอย่างวิตามินเอฟที่มีกรดไขมันซึ่งช่วยให้เซลล์ผิวเจริญเติบโตได้ดีและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
เมื่อไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากเชียบัตเตอร์ สำคัญมากที่คุณจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เก่าเกินกว่า 18 เดือน เพราะคุณภาพของมอยส์เจอไรเซอร์จะลดลงไปเมื่อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นค้างอยู่นาน ๆ เนื่องจากกรดซินนามิกที่ช่วยดูแลผิวนั้นจะเหลือน้อยลง และจะยิ่งดีหากคุณเลือกเชียบัตเตอร์ที่ไม่ผ่านกระบวนการสกัดด้วยสารเคมีอันตรายที่เรียกว่า Hexane และเลือกเชียบัตเตอร์สกัดล้วน ๆ 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีสารอื่น ๆ เจือปน
3. น้ำมันมะกอก
มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงอาการหัวใจกำเริบ และสู้กับมะเร็งได้หลายชนิด การศึกษายังได้แสดงให้เห็นว่าน้ำมันมะกอกช่วยลดความเสียหายของกระดูก ลดอาการอักเสบ ลดไขมันที่หน้าท้องได้ดี และยังช่วยดูแลเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับคนเป็นเบาหวาน คุณสมบัติเหล่านี้ไม่ได้แค่ช่วยบำรุงร่างกายภายใน แต่ยังดูแลร่างกายภายนอกได้ดีเช่นกัน นั่นคือให้ความชุ่มชื้นกับผิวแห้ง
ชาวกรีกโบราณใช้น้ำมันมะกอกอาบน้ำ แต่คุณสามารถเห็นผลได้โดยแค่ใช้น้ำมันมะกอกทาบาง ๆ ลงบนผิว หรืออาจเลียนแบบชาวกรีกโดยเติมน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลงในอ่างน้ำอุ่นก่อนจะลงไปนอนแช่
ในน้ำมันมะกอกมีสารธรรมชาติที่พบได้ในผิวของเราเรียกว่ากรดไลโนเลอิก กรดไลโนเลอิกตัวนี้ได้สร้างปราการที่เป็นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื้นออกไปจากผิว ความน่าสนใจอยู่ที่ว่ากรดไลโนเลอิกนี้ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ต้องได้รับมาจากอาหารเท่านั้น
การศึกษายังพบว่า น้ำมันมะกอกไม่เพียงแค่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์อันทรงประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยเยียวยาอาการโรคผิวหนังประเภทต่าง ๆ เช่น Rosacea, Psoriasis, Dermatitis และ Eczema ช่วยลดอาการอักเสบและผิวไหม้ ต้องขอบคุณสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงของน้ำมันมะกอกที่ทำให้มันช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนังจากรังสียูวีบีได้ด้วย
4. อะโวคาโด
น้ำมันที่พบในอะโวคาโดนั้นช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม นั่นหมายความว่ามันช่วยหล่อลื่นพื้นที่ระหว่างคอร์นิโอไซต์ เซลล์แบน ๆ ที่อยู่บนผิวชั้นนอก และยังมีสารที่ผิวของคุณสามารถดูดซึมได้อย่างดี
นอกจากนี้ อะโวคาโดยังอุดมด้วยไขมัน วิตามินเอ ดี และอี ที่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้และยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น วิธีนำมาใช้บำรุงผิวก็คือ นำเนื้ออะโวคาโดบดมาทาลงบนผิว ส่วนที่มีปัญหานานประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก
5. น้ำผึ้ง
นอกจากรสชาติหอมหวานอันแสนอร่อย น้ำผึ้งยังมีสารอาหารชั้นเยี่ยมสำหรับผิว คือเป็นสารฮิวเม็กแทนด์ธรรมชาติที่ช่วยดึงดูดโมเลกุลของน้ำลงมายังผิวคุณ ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น และยังมีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และลดอาการผิวหนังอักเสบที่มีส่วนช่วยรักษาบาดแผลได้ด้วย และนี่คงเป็นสาเหตุที่มีการค้นพบน้ำผึ้งในรายการยาตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล
เวลานำมาใช้ ละลายน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำในปริมาณที่เท่ากันจากนั้น เติมน้ำลงไปอีก 6 ช้อนโต๊ะ นำไปทาลงบนผิว รอ 10 นาทีแล้วล้างออก เป็นทางออกหวาน ๆ ของปัญหาผิวแห้ง
ขอบคุณที่มาจาก นิตยสาร Lisa
หนังสือLisa Vol.13 No.31 15 สิงหาคม 2555
Advertisement
เปิดอ่าน 9,950 ครั้ง เปิดอ่าน 10,339 ครั้ง เปิดอ่าน 27,043 ครั้ง เปิดอ่าน 10,762 ครั้ง เปิดอ่าน 11,545 ครั้ง เปิดอ่าน 10,307 ครั้ง เปิดอ่าน 15,623 ครั้ง เปิดอ่าน 15,586 ครั้ง เปิดอ่าน 9,193 ครั้ง เปิดอ่าน 14,514 ครั้ง เปิดอ่าน 16,677 ครั้ง เปิดอ่าน 2,338 ครั้ง เปิดอ่าน 8,555 ครั้ง เปิดอ่าน 2,975 ครั้ง เปิดอ่าน 74,596 ครั้ง เปิดอ่าน 13,002 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 39,173 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,301 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,824 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,209 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,216 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,663 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 8,485 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 9,438 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,470 ครั้ง |
เปิดอ่าน 45,712 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,187 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,242 ครั้ง |
|
|