ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ


บทความการศึกษา 22 มิ.ย. 2558 เวลา 14:20 น. เปิดอ่าน : 28,439 ครั้ง
การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ

Advertisement


การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ

โดย สุกรี เจริญสุข
นสพ.มติชนรายวัน

 

ในปีการศึกษา 2557 ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้กระตุ้นในการเตรียมตัวเพื่อเปิดรับการศึกษาของอาเซียน โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนเวลาเปิดปิดภาคการศึกษาจะช่วยให้มหาวิทยาลัยไทยมีความ ทันสมัยขึ้น กล่าวคือ เปิดภาคการศึกษาแรกปลายเดือนสิงหาคม สิ้นสุดในเดือนธันวาคม และเปิดภาคเรียนที่สองอีกทีกลางเดือนมกราคม และสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม โดยใช้เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมเป็นการปิดภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูการศึกษาของญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา

หากพิจารณาให้ดี ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ไทยเรา ได้แก่ ลาว กัมพูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งมาช้านาน เขาถูกเปลี่ยนระบบการศึกษา เปลี่ยนระบบนับวันเดือนปีปฏิทินเป็นคริสต์ศักราช เปลี่ยนแปลงความเชื่อ ศาสนา ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นระบบฝรั่งไปก่อนแล้ว เพราะถูกบังคับให้เป็นไปตามวัฒนธรรมของผู้ปกครองที่มีอำนาจเหนือกว่า

เหลือ ประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่ยังใช้ระบบดั้งเดิมของตัวเองคือ มีดวงอาทิตย์ดวงเดิม อาศัยแม่น้ำสายเดิม อาศัยพายุไต้ฝุ่นลูกเดิม ใช้ดวงจันทร์มีข้างขึ้นข้างแรมเหมือนเดิม ยังกินข้าวและกับข้าวเหมือนปู่ย่าตายายดั้งเดิม พระก็ยังเข้าพรรษาเวลาเดิม

วันดีคืนดีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยนึกอุตริเปลี่ยนแปลงเวลาเรียนของนัก ศึกษาเพื่อจะให้ใช้ระบบเหมือนฝรั่งเขา โดยเชื่อว่า "ตามเขาว่าเก่ง ทำเองว่าโง่" เมื่อเราโง่อย่างมีหลักการ โดยใช้ความฉลาดในเรื่องโง่ๆ ทำให้การศึกษาชาติตกต่ำและล้มเหลวอย่างเป็นระบบ ไม่สามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองได้ ไม่เชื่อถือแม้แต่ตัวเอง ยอมตามก้นฝรั่งเขา

แม้กระทั่งยอมขัดแย้งกับธรรมชาติและขัดแย้งกับวิถีชีวิตของตัวเอง

ปู่ย่าตายายคนดั้งเดิมนั้นอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับดินน้ำลมไฟ อยู่กับดวงอาทิตย์ อยู่กับดวงจันทร์ อยู่กับต้นไม้ใบหญ้า เขาเรียนรู้ปรับตัวอยู่กับธรรมชาติ แล้วใช้ธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต รู้เวลาน้ำท่วม รู้เวลาแดดร้อน เรียนรู้และปรับวิถีชีวิตว่าจะต้องทำอย่างไร โดยไม่ต้องไปหาความรู้ที่โรงเรียน ครั้นมีมหาวิทยาลัยซึ่งถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นสูงของชาติ กลับไปลบหลู่ไม่เคารพความรู้ของปู่ย่าตายายคนดั้งเดิมเสียสิ้น ยอม "ซื้อความสำเร็จมาใช้" โดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การศึกษาไทยจึงหายนะ

เอาแค่สถาบันอุดมศึกษาเปิดปิดเทอมตามระบบอาเซียน ในขณะที่ระบบประถมศึกษาและมัธยมศึกษายังเปิดปิดเทอมแบบไทยเดิมอยู่ แค่นี้ก็อนาถมากแล้ว ทำไมการศึกษาไทยเด็กไปโรงเรียนแล้วโง่มากขึ้น ทำไมการศึกษาไทยเด็กไปโรงเรียนแล้วจนมากขึ้น ทำไมการศึกษาไทยเด็กไปโรงเรียนแล้วชั่วมากขึ้น ก็เพราะวิธีคิดที่ตามเขาว่าเก่งทำเองว่าโง่ อาศัยความฉลาดในเรื่องโง่ๆ โดยยอมรับความโง่อย่างมีหลักการ โดยสิ้นคิด

เมื่อมหาวิทยาลัยไทยเปิด ปิดเทอมตามระบบอาเซียน แต่ระบบประถมศึกษาและมัธยมศึกษายังเปิดปิดเทอมแบบไทยเดิม อาจจะเป็นเพราะระบบประถมและมัธยมเห็นว่า "อาเซียน" มีฐานะเป็นน้องของพ่อ ซึ่งชื่อว่า "เซียม" (Siam) แน่นอนว่าพ่อนั้นใหญ่กว่าอา จึงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาตามมหาวิทยาลัย จึงเกิดความตลกที่หัวเราะไม่ออกว่า การศึกษาไทยใช้สมองส่วนไหนตัดสินใจกัน

ประถม และมัธยมจัดการศึกษาไปทางหนึ่ง ส่วนอุดมศึกษาก็จัดการศึกษาไปอีกทางหนึ่ง หรือการศึกษาเปิดโอกาสให้มีความหลากหลาย เพื่อทำให้เกิดความเจริญงอกงาม ใครจะเปิดปิดแบบไหน เวลาใด ก็เชิญทำได้ตามสะดวก

ที่ประชุมอธิการบดี แห่งประเทศไทยเป็นกลุ่มคนที่มีอาชีพเป็นอธิการบดีจัดพบปะสังสรรค์กัน เรียกตัวว่า "ที่ประชุม" ซึ่งเป็นที่ประชุมที่ไม่มีกฎหมายอะไรรองรับ เป็นกลุ่มบำบัด (Group Therapy) ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีงานทำ มีอาชีพประชุม เมื่อเลิกประชุมก็จับกลุ่มประชุมต่อ ส่วนหนึ่งก็เป็นกลุ่มที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งนานๆ อีกกลุ่มหนึ่งก็เป็นพวกที่จะหลุดจากตำแหน่ง ทั้ง 2 กลุ่มก็ตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อบำบัดความรู้สึกส่วนตัว สร้างความสำคัญให้กับพวกตัว (อธิการบดีทั้งหลาย) ที่สำคัญก็คือต้องการสร้างอำนาจคานอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ แต่กลุ่มอธิการบดีก็ไม่เชื่อฟัง

การแสดงอำนาจที่เด่นชัดก็คือการเลื่อนเปิดปิดภาคการศึกษา ซึ่งก็กระทำโดยคนในกลุ่มที่ประชุมอธิการบดีนี้

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาก็เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง มีอำนาจ แต่ไม่สามารถชี้นำ ชี้ทิศทาง หรือจะบังคับบัญชาจัดการทำอะไรกับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยได้ เพราะสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษามีความอ่อนแอ ทำหน้าที่เพียงประสานงาน รับรู้ รับทราบ และส่งต่อ มีอำนาจเชิงเสมียน แต่ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการแต่อย่างใด งานทั้งหมดตกอยู่ที่มหาวิทยาลัยและสภามหาวิทยาลัย

เมื่อที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยประกาศเลื่อนการเปิดปิดภาคเรียน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาก็ได้แต่แบ๊ะๆ

เมื่อ วันที่ 7 มิถุนายน 2558 ประธานที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.) แถลงผลการประชุมสัมมนาวิชาการ ที่ประชุมได้เสนอให้ "ยกเลิก" การเปิดปิดภาคเรียนตามประเทศในกลุ่มอาเซียน เพราะส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาอย่างมาก อ้างว่าอากาศร้อน ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เสียค่าไฟสูง เดือนเมษายนมีวันหยุดมาก ทำให้การเรียนการสอนไม่เต็มที่ และเปิดปิดไม่ตรงกับระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

วัน ที่ 16 มิถุนายน 2558 เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษายืนยันไม่ทบทวนการเปิดปิดภาคเรียน ยังคงดำเนินต่อไปตามการเปิดปิดของอาเซียน เพราะอากาศของไทยเดือนไหนๆ ก็ร้อน นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาด้านจราจรได้อีกด้วย ทั้งนี้ได้หารือกับรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วยแล้ว ข้อที่น่าสังเกตก็คือ ใครใหญ่กว่าใคร ใครทำหน้าที่อะไร หรือใครมีอำนาจที่แท้จริงในการตัดสินใจ

ประเทศไทยมีประชาธิปไตยล้น ใครจะตั้งหน่วยงานอะไรก็ได้ น่าสนใจว่า ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ทำอะไร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาทำอะไร ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทยทำอะไร แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการทำอะไร แถมยังมีสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) ซึ่งมีหน้าที่จัดสอบเข้า รับเงินค่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยไทย สภามหาวิทยาลัยต่างๆ ทำอะไรกัน ในที่สุดผู้ปกครองและประชาชนก็สับสน ไม่รู้จะฟังใคร เพราะมีหน่วยงานการศึกษาเต็มไปหมด

การศึกษาไทยตกต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาไม่ทำงาน ทุกคนอยู่แต่ในห้องประชุม ทำงานกับกองกระดาษ คนส่วนใหญ่รู้แต่ไม่ชี้ ปล่อยให้การศึกษาดำเนินไปตามยถากรรม ตกอยู่ในมือของเสมียน มีเสมียนเป็นใหญ่ คอยสร้างหลักการ สร้างระเบียบ ผู้มีอำนาจมีอาชีพประชุม ประชุมเสร็จก็หอบกระดาษเข้าห้องประชุมใหม่ คอยแต่ชื่นชมความเป็นอื่น ไม่ได้ชื่นชมความเป็นฉัน

ในที่สุดการศึกษาไทยจึงโง่อย่างมีหลักการ 

 

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ 


การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการการศึกษาไทยเราโง่อย่างมีหลักการ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

เราสอบไปเพื่ออะไร?

เราสอบไปเพื่ออะไร?


เปิดอ่าน 21,331 ครั้ง
เงินเดือนเป็นความลับ

เงินเดือนเป็นความลับ


เปิดอ่าน 21,311 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

การศึกษาไทยจะเอา "คุณภาพ" หรือ "คุณธรรม"

การศึกษาไทยจะเอา "คุณภาพ" หรือ "คุณธรรม"

เปิดอ่าน 23,292 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ถึงเวลาปลุก “จิตวิญญาณ” ความเป็น “ครู” ก่อนจะไปถึงการศึกษาไทย 4.0
ถึงเวลาปลุก “จิตวิญญาณ” ความเป็น “ครู” ก่อนจะไปถึงการศึกษาไทย 4.0
เปิดอ่าน 74,392 ☕ คลิกอ่านเลย

ถามหาการศึกษา4.0 จะเริ่มต้นเมื่อใด?
ถามหาการศึกษา4.0 จะเริ่มต้นเมื่อใด?
เปิดอ่าน 10,542 ☕ คลิกอ่านเลย

การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น
เปิดอ่าน 16,963 ☕ คลิกอ่านเลย

ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของญี่ปุ่น
ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของญี่ปุ่น
เปิดอ่าน 10,702 ☕ คลิกอ่านเลย

ปฏิรูปการศึกษาหลังยุค รธน.มีชัย โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
ปฏิรูปการศึกษาหลังยุค รธน.มีชัย โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
เปิดอ่าน 11,619 ☕ คลิกอ่านเลย

คอร์รัปชันในระบบการศึกษา...ความท้าทายที่ต้องเดินหน้าสู้
คอร์รัปชันในระบบการศึกษา...ความท้าทายที่ต้องเดินหน้าสู้
เปิดอ่าน 21,722 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

โรงเรียนสุขภาวะตอบโจทย์ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”
โรงเรียนสุขภาวะตอบโจทย์ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”
เปิดอ่าน 15,250 ครั้ง

วิธีเขียนอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
วิธีเขียนอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
เปิดอ่าน 12,729 ครั้ง

บริหารงานอย่างไร จึงจะครองใจลูกน้อง
บริหารงานอย่างไร จึงจะครองใจลูกน้อง
เปิดอ่าน 8,326 ครั้ง

หลักเกณฑ์การคำนวณเงินค่าเสาเข็มฐานรากอาคารเรียนและอาคารประกอบ
หลักเกณฑ์การคำนวณเงินค่าเสาเข็มฐานรากอาคารเรียนและอาคารประกอบ
เปิดอ่าน 19,167 ครั้ง

บางอ้อ : ครูพันธุ์ใหม่ หัวใจไฮเทค
บางอ้อ : ครูพันธุ์ใหม่ หัวใจไฮเทค
เปิดอ่าน 9,322 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ