ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ปวดหลังรักษาอย่างไรดี


ความรู้ทั่วไป เปิดอ่าน : 15,466 ครั้ง
ปวดหลังรักษาอย่างไรดี

Advertisement

อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่งในผู้ป่วยที่มีปัญหาของระบบกระดูกและข้อ โดยมากสาเหตุมักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังส่วนเอวที่ผิดวิธี ทำให้เกิดภาวะเสื่อมหรือเคลื่อนของกระดูกสันหลังหรือหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง

โดยปกติอาการปวดหลังรักษาได้ด้วยวิธีการพักและรับประทานยา ร่วมกับการทำกายบริหารร่างกายที่ถูกวิธี ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 95 อาการจะดีขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถรับการรักษาด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 1-3 ที่ยังคงมีอาการปวดมากหรืออาการไม่ทุเลา ไม่สามารถทำงานได้ หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ขาอ่อนแรง เดินลำบาก กลั้นอุจจาระ-ปัสสาวะไม่ได้ อาการเหล่านี้เป็นข้อบ่งชี้ว่า ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี

ปัจจุบันวิทยาการผ่าตัดกระดูกสันหลังได้รับการพัฒนา ทำให้สามารถทำการรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด หรือผ่าตัดแผลเล็กขนาด 0.9 เซนติเมตร ภายใต้การให้ยาชาเฉพาะที่ โดยไม่ต้องดมยาสลบ ประกอบกับมีการพัฒนากล้องส่องกระดูกสันหลังขนาดเล็ก 6.9 มิลลิเมตร และล่าสุดขนาด 2 มิลลิเมตร ทำให้การผ่าตัดเล็กลงมาก ผู้ป่วยจะได้รับการพักฟื้นสังเกตอาการ 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถกลับบ้านได้

การรักษาอาการปวดหลังด้วยวิธีการฉีดยาระงับปวดบริเวณเส้นประสาทหลังโดยไม่ต้องผ่าตัด

ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีการฉีดยาระงับปวดบริเวณเส้นประสาทหลัง เป็นวิธีที่สามารถทำให้ผู้ป่วยลดอาการเจ็บปวดได้ถึงร้อยละ 70-80 ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งก่อนที่จะเลือกเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้ผลการรักษาดีและพึงพอใจในการระงับความเจ็บปวดจากการทำวิธีนี้ อาจหลีกเลี่ยงการรักษาโดยการผ่าตัดได้ โดยแนะนำวิธีนี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงสูงหากมีการผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยที่ มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจชนิดต่าง ๆ ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยารุนแรงหลายชนิด

อาการที่สามารถเข้ารับการรักษาโดยการฉีดยาระงับปวดบริเวณเส้นประสาทหลัง ได้แก่ มีอาการปวดหลัง, โรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือมีอาการปวดร้าวลงขาทั้งสองข้าง, โรคกระดูกสันหลังเสื่อมทับเส้นประสาทขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือปวดขา ชาขาทั้งสองข้าง, ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง ปวดขาจากโรคต่าง ๆ เช่น เนื้องอก ผู้ป่วยมะเร็งกดทับเส้นประสาท วิธีนี้จะช่วยผู้ป่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้มาก และอาจลดปริมาณยาที่ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดลงได้ รวมทั้งในผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดบริเวณกระดูกสันหลังแล้วอาการดีขึ้นไม่มาก ยังคงมีอาการอักเสบ อาการปวดหลังเหลืออยู่หลังการผ่าตัด

วิธีการฉีดยาระงับปวดบริเวณเส้นประสาทหลังและผลการรักษา

ใช้ยาฉีดเฉพาะที่ ผู้ป่วยไม่ต้องดมยาสลบหรือระงับความรู้สึกทางประสาทไขสันหลัง ใช้เครื่องมือเอกซเรย์นำร่องเพื่อบอกตำแหน่งได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำในห้องผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 20 นาที ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวหรือเดินได้ทันทีหลังการฉีดยาระงับปวดเสร็จ หลังทำวิธีนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ยกเว้นผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง แนะนำนอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 1 วัน ซึ่งผลการรักษา ทำให้มีอาการดีขึ้นภายใน 1-3 วัน หลังได้รับการฉีดยา ซึ่งแพทย์จะใช้เวลาติดตามผลการรักษาต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ ผู้ป่วยร้อยละ 20 ที่อาการยังไม่ดีขึ้นชัดเจน อาจพิจารณาฉีดยาระงับปวดซ้ำได้ เนื่องจากความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัด แต่หากติดตามแล้วอาการปวดหลังไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการ รักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้อง กระดูกสันหลัง หรือผ่าตัดด้วยวิธีอื่นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละราย

การรักษาภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ขาด้วยวิธีการผ่าตัดผ่าน กล้อง

มี 2 วิธี ได้แก่ 1) วิธีไมโครสโคปิค ลัมบาร์ ดิสเซซโทมี่ เป็นวิธีการผ่าตัดที่นิยมแพร่หลายมานานในต่างประเทศและนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 45 นาที แผลผ่าตัดประมาณ 2 เซนติเมตร ไม่ต้องตัดกระดูกสันหลัง สามารถหาช่องเข้าสู่หมอนรองกระดูกสันหลังโดยอาศัยกล้องไมโครสโคป ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้ป่วยสามารถเดินได้หลังผ่าตัดภายใน 12-24 ชั่วโมง ฟื้นตัวได้เกือบปกติ ภายใน 1-2 วัน และกลับบ้านได้เร็ว

2) ฟูลลี่ เอ็นโดสโคปิค ดิสเซซโทมี่ เป็นการผ่าตัดแผลเล็กที่มีแผลผ่าตัดประมาณ 8 มิลลิเมตร ใช้กล้องส่องเข้าในช่องหมอนรองกระดูกสันหลังและตัดส่วนที่กดทับเส้นประสาทออก โดยไม่ต้องวางยาสลบ ระหว่างผ่าตัดเจาะแผลผู้ป่วยจะรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจะบอกอาการและสื่อสารกับแพทย์ได้ตลอดเวลา นับเป็นการผ่าตัดเจาะที่ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูงและได้ผลดี อาการปวดแผลน้อย นับเป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งในปัจจุบัน

ข้อดีของการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทขาด้วยวิธีส่องกล้อง ได้แก่ แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก, อาการปวดน้อยลงอย่างชัดเจน, ฟื้นสมรรถภาพได้เร็วหลังผ่าตัดภายใน 12-24 ชั่วโมง, เสียเลือดน้อยมาก และไม่ต้องรับเลือดจากการผ่าตัด, อัตราการติดเชื้อแผลผ่าตัดน้อยกว่าร้อยละ 1, สามารถผ่าตัดได้โดยใช้วิธีให้ยาชาบริเวณไขสันหลัง, อัตราการเกิดอาการปวดหลังซ้ำจากการผ่าตัดน้อย เพียงร้อยละ 2-7, ความสวยงามบริเวณแผลผ่าตัดดี, มีความปลอดภัยสูง, ภาวะแทรกซ้อนน้อย เนื่องจากมีกล้องขยายสูงในการมองเห็นเส้นเลือดและเส้นประสาททำงานได้ดีและชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาอื่นที่สามารถทำการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องดมยาสลบ ทำให้ผู้ป่วยปัจจุบันสามารถลดอัตราการผ่าตัดด้วยวิธีเปิดแผลได้มากกว่าร้อยละ 90 เช่น วิธีการใช้คลื่นความถี่สูง ช่วยในการผ่าตัดผ่านกล้องขนาด 2 มิลลิเมตร, วิธีนิวคลิโอพลาสตี้ การรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนโดยใช้คลื่นความร้อน.


รศ.นพ.ธเนศ วัฒนะวงษ์
หน่วยกระดูกสันหลัง ภาควิชาออร์โธปิดิคส์
คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์


ปวดหลังรักษาอย่างไรดี ปวดหลังรักษาอย่างไรดี

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

"พระเจ้าเหา" คือใคร ?

"พระเจ้าเหา" คือใคร ?


เปิดอ่าน 29,418 ครั้ง
โยคะดีกับผิว เหมาะกับวัย

โยคะดีกับผิว เหมาะกับวัย


เปิดอ่าน 11,233 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

คืนผิวหน้าสวยด้วยฟักทอง

คืนผิวหน้าสวยด้วยฟักทอง

เปิดอ่าน 14,660 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ประวัติ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ประวัติ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เปิดอ่าน 4,123 ☕ คลิกอ่านเลย

เลี้ยง-เล่นอย่างสร้างสรรค์ “สมาธิสั้น” รับมือได้
เลี้ยง-เล่นอย่างสร้างสรรค์ “สมาธิสั้น” รับมือได้
เปิดอ่าน 54,823 ☕ คลิกอ่านเลย

เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
เปิดอ่าน 88,104 ☕ คลิกอ่านเลย

เปิดโผ 15 อาชีพที่กำลังจะสาบสูญไปในอนาคต
เปิดโผ 15 อาชีพที่กำลังจะสาบสูญไปในอนาคต
เปิดอ่าน 36,594 ☕ คลิกอ่านเลย

SEO กับ SEM คืออะไร...ต่างกันแค่ไหน?
SEO กับ SEM คืออะไร...ต่างกันแค่ไหน?
เปิดอ่าน 15,834 ☕ คลิกอ่านเลย

วิวัฒนาการ ตู้ไปรษณีย์ สู่สัญลักษณ์ที่สุดเมืองไทย
วิวัฒนาการ ตู้ไปรษณีย์ สู่สัญลักษณ์ที่สุดเมืองไทย
เปิดอ่าน 24,317 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

วิธีใช้ "เขียง" ให้ปลอดภัย
วิธีใช้ "เขียง" ให้ปลอดภัย
เปิดอ่าน 3,631 ครั้ง

เงินตราของเวียดนามตอนที่ 1
เงินตราของเวียดนามตอนที่ 1
เปิดอ่าน 14,911 ครั้ง

3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ
3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ
เปิดอ่าน 12,154 ครั้ง

ยาสระผมเข้าตาบ่อย ๆ เป็นอันตรายต่อดวงตามั้ย
ยาสระผมเข้าตาบ่อย ๆ เป็นอันตรายต่อดวงตามั้ย
เปิดอ่าน 30,381 ครั้ง

เข้าใจและยอมรับ... แล้วคุณจะมีความสุข
เข้าใจและยอมรับ... แล้วคุณจะมีความสุข
เปิดอ่าน 13,022 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย


เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

  • IELTS Test
  • SAT Test
  • สอบ IELTS
  • สอบ TOEIC
  • สอบ SAT
  • เว็บไซต์พันธมิตร

  • IELTS
  • TOEIC Online
  • chulatutor
  • เพลงเด็กอนุบาล
  •  
    หมวดหมู่เนื้อหา
    เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


    · Technology
    · บทความเทคโนโลยีการศึกษา
    · e-Learning
    · Graphics & Multimedia
    · OpenSource & Freeware
    · ซอฟต์แวร์แนะนำ
    · การถ่ายภาพ
    · Hot Issue
    · Research Library
    · Questions in ETC
    · แวดวงนักเทคโนฯ

    · ความรู้ทั่วไป
    · คณิตศาสตร์
    · วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    · ภาษาต่างประเทศ
    · ภาษาไทย
    · สุขศึกษาและพลศึกษา
    · สังคมศึกษา ศาสนาฯ
    · ศิลปศึกษาและดนตรี
    · การงานอาชีพ

    · ข่าวการศึกษา
    · ข่าวตามกระแสสังคม
    · งาน/บริการสังคม
    · คลิปวิดีโอยอดนิยม
    · เกมส์
    · เกมส์ฝึกสมอง

    · ทฤษฎีทางการศึกษา
    · บทความการศึกษา
    · การวิจัยทางการศึกษา
    · คุณครูควรรู้ไว้
    · เตรียมประเมินวิทยฐานะ
    · ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
    · เครื่องมือสำหรับครู

    ครูบ้านนอกดอทคอม

    เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

          kroobannok.com

    © 2000-2020 Kroobannok.com  
    All rights reserved.


    Design by : kroobannok.com


    ครูบ้านนอกดอทคอม
    การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

    วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
     

    ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

    เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

    Email : kornkham@hotmail.com
    Tel : 096-7158383

    สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
    คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ