ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?


บทความการศึกษา 15 พ.ค. 2558 เวลา 14:13 น. เปิดอ่าน : 10,066 ครั้ง
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

Advertisement

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

เสียงงอแงแสบแก้วหู บ้างวิ่งพล่านกระโดดโลดเต้น บ้างหยิบฉวยขว้างปาข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว เป็นพฤติกรรมของเด็กๆที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ยันฟุตบาทริมถนน

ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเกิดจากความไร้เดียงสา หรือการปล่อยปะละเลยของพ่อแม่ผู้ปกครอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจแก่คนรอบข้างอยู่ไม่น้อย

เมื่อลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

ไม่นานนี้ เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพเด็กชายตัวกระเปี๊ยกสองคนปีนป่ายขึ้นโต๊ะอาหาร พลางตั้งท่าเล่นปล่อยพลังกันอย่างครึกครื้น โดยผู้ใหญ่ที่มาด้วยนั่งกินข้าวหน้าตาเฉย ไม่คิดจะห้ามปราม ภาพดังกล่าวได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจนเกิดกระแสต่อต้านผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ "ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน" ตีแผ่พฤติกรรมไม่เหมาะสมของเด็กบางคนที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่คนอื่นในที่สาธารณะ โดยพุ่งเป้าไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่ยอมว่ากล่าวตักเตือนลูก

ทุกเหตุการณ์ยากที่จะปฏิเสธว่าเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่กรีดร้องโวยวายในโรงหนัง เขวี้ยงปาข้าวของจนเลอะเทอะในร้านอาหาร กระโดดเล่นบนเตียงสินค้าที่วางโชว์ เปิดม่านเล่นในห้องลองชุด แกะถุงขนมกินกันเอร็ดอร่อยในซูเปอร์มาร์เก็ต เล่นต่อสู้กันเลยเถิดไปโดนคนอื่นได้รับบาดเจ็บหรือข้าวของแตกเสียหาย

พญ.นลินี  เชื้อวณิชชากร กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รพ.มนารมย์ อธิบายว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาคลาสสิกที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์กจึงไม่มีเสียงสะท้อนตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนสมัยนี้

"เด็กแต่ละคนมีความซุกซนแตกต่างกัน บางคนสอนยาก บางคนสอนง่าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ เด็กธรรมดาทั่วไป โดยพื้นฐานแล้วพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกๆมีกิริยามารยาทเรียบร้อยต่อหน้าผู้อื่น แต่บางคนไม่รู้จะรับมืออย่างไรเวลาที่ลูกปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องเหมาะสมเวลาอยู่นอกบ้าน อีกกลุ่มคือ เด็กพิเศษ พวกนี้เวลาออกนอกบ้านอาจควบคุมได้ยากกว่าเด็กทั่วไป เช่น ชอบวิ่งวุ่นวายไปทั่ว หยิบจับขว้างปาข้าวของ ร้องไห้งอแง ปีนป่ายกระโดดโลดเต้น จึงเป็นภาระหนักของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งบางครั้งอาจเกินกว่าจะรับมือไหวจนพลั้งเผลอหลุดหูหลุดตาไป มองในแง่ดี การมีเสียงสะท้อนจากคนในสังคมแบบนี้ ถือเป็นการกระตุกเตือนให้พ่อแม่รู้สึกตัวว่าควรหันมาใส่ใจดูแลสั่งสอนลูกหลานเกี่ยวกับเรื่องมารยาทในสังคม เพราะหน้าที่ของพ่อแม่ไม่ใช่เพียงแต่เลี้ยงดูลูกให้เติบโตแข็งแรง มีการศึกษาที่ดี มีความสุข แต่ต้องปลูกฝังเรื่องกิริยามารยาทด้วย"

พ่อแม่ไม่สั่งสอนจริงหรือ?

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มไปทั่วโลกโซเชียล บ้างก็ว่าเป็นความซุกซนตามธรรมชาติของเด็ก ไม่ควรถือสาหาความ อีกฝ่ายมองว่าผู้มีส่วนทำให้เทพบุตรตัวน้อยกลายเป็นปีศาจจอมกวนก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่สนใจตักเตือนลูกหลานตัวเอง

พรภัทร์ บาเรลลี่ แม่บ้านลูกหนึ่ง มองว่า พ่อแม่ยุคนี้ชอบสปอยล์ลูก ทั้งที่ลูกทำตัวไม่น่ารัก แต่ก็ไม่เคยคิดตักเตือนหรือลงโทษ หนำซ้ำยังให้ท้ายอีกต่างหาก

"อย่าลืมว่าเวลาออกนอกบ้าน เรากำลังอยู่ร่วมกันกับคนอีกจำนวนมากในสังคม และไม่ใช่ทุกคนที่รักเด็ก ในฐานะแม่คนหนึ่งคิดว่าเพจนี้มีประโยชน์มากๆสำหรับคนเป็นพ่อแม่ เพราะทำให้ได้รู้ว่าคนในสังคมเขาคิดอย่างไรต่อพฤติกรรมไม่น่ารักของเด็กที่ผู้ปกครองปล่อยปะละเลย ไม่ตักเตือน ไม่สั่งสอน จนไปละเมิดสิทธิ์ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่น ทุกวันนี้เวลาจะออกไปไหน จะเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ พกขนมพกของเล่นที่ลูกชอบ พอเขาเริ่มงอแงก็เอาออกมาดึงความสนใจ ถ้าเอาไม่อยู่จริงๆจะใช้วิธีอุ้มไปเดินเล่น เปลี่ยนบรรยากาศ สุดท้ายก็ดีขึ้น ขอฝากไปยังคนในสังคมว่าให้ใจเย็นกันสักนิด อยากให้เข้าใจธรรมชาติของเด็กด้วย ถ้าเกินจะทนจริงๆก็ควรใช้วิธีตักเตือนพ่อแม่อย่างสุภาพ แต่ปัญหาก็คือ พ่อแม่บางคนมีทิฐิแรง ไม่ยอมรับผิด โอ๋ลูก ใครจะมาดุด่าไม่ได้ อาจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง"

สุพัตรา สุวรรณบุปผา คุณแม่ลูกสอง เล่าว่า ที่ผ่านมาใช้วิธีให้ลูกโตถึงวัยที่เหมาะสมก่อนพาไปเที่ยวนอกบ้าน เพื่อจะได้ไม่สร้างปัญหาแก่ผู้อื่น และทุกครั้งที่ออกจากบ้านจะกำชับเสมอว่าจะไปไหน พบเจอใคร ต้องทำตัวอย่างไรบ้าง

"ทุกครั้งเวลาจะพาไปเที่ยวห้าง ก่อนออกจากบ้านจะคุยกับลูกก่อนว่าห้ามวิ่งเล่นเอะอะเสียงดังรบกวนคนอื่น หรือไปไกลจากสายตาแม่ ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็จะส่งสายตาดุๆ หรือไม่ก็พูดตักเตือนเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง หน้านิ่งๆ ไม่ตะคอก ไม่ตี ที่สำคัญเมื่อเขาทำผิด ต้องหัดให้เขารู้จักที่จะขอโทษทุกครั้ง"

เคล็ดลับดูแลลูกน้อยไม่ให้ออกลาย

ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่น่าสนใจของ พญ.นลินี กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รพ.มนารมย์

"พ่อแม่ควรฝึกฝนและเรียนรู้เรื่องการดูแลลูกในการออกสู่สังคม ถ้าเป็นเด็กเล็ก อายุ 1-6 ขวบ พ่อแม่ควรสลับหมุนเวียนกันดูแล หรือบางทีก็อาจใช้อุปกรณ์ช่วยด้วย เช่น เป้จูงเด็ก สำหรับเด็กโต อายุ 6-12 ขวบ ควรตั้งกฎกฎิกาก่อนออกจากบ้านว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะก็หมั่นสังเกตภาษากายของคนรอบข้าง เนื่องจากปฏิกิริยาแรกที่บ่งชี้ว่าไม่พอใจจะมาจากการส่งสัญญาณผ่านสีหน้า แววตา ท่าทาง ขณะเดียวกัน คนในสังคมก็ไม่ควรใช้วิธีตำหนิติติงด้วยถ้อยคำรุนแรง อาจรอจังหวะในการใช้วิธีส่งสัญญาณให้พ่อแม่เด็ก หรือเด็กได้รู้ตัว พึงนึกถึงใจเขาใจเราว่าบางครั้งพ่อแม่เด็กอาจไม่ทันระวังตัว หรือพลั้งเผลอก็ได้ สุดท้ายหากจำเป็นต้องตักเตือนเด็ก ควรตักเตือนด้วยประโยคสั้นๆเด็ดขาด ไม่ใช้อารมณ์" 

วรารักษ์ สู่โนนทอง นักเขียนชื่อดัง เธอบอกว่า พ่อแม่ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก เพราะเด็กจะไม่เรียนรู้จากคำบอก หรือคำสั่ง แต่จะเรียนรู้และจดจำจากการปฏิบัติตัวของพ่อแม่

"สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่"ทำตัว"อย่างไร ไม่ใช่พ่อแม่"เลี้ยงลูก"อย่างไร" เพราะลูกจะซึมซับพฤติกรรมของพ่อแม่นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ทุกสิ่งทุกอย่างจะฝังลงไปในตัวเด็ก ฉะนั้นถ้าพ่อแม่ทำกิริยาไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ ลูกซึ่งยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแยกแยะว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ก็จะคิดว่าแบบนั้นสามารถทำได้"

ไม่ว่าจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก หรือการละเลยมองข้ามของผู้ใหญ่ บางครั้งลูกของเราอาจแสดงพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้ผู้อื่นอย่างไม่ตั้งใจ คงหนีไม่พ้นพ่อแม่ที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ตักเตือน ขอโทษ และอบรมสั่งสอนลูกน้อยให้ถูกต้องต่อไป

 

ขอบคุณที่มาจาก โพสต์ทูเดย์ 11 พฤษภาคม 2558


กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?กระแสแอนตี้เด็กแสบ...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร

ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร

เปิดอ่าน 10,973 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
การจัดการเรียนการสอนในยุคโลกดิจิตอล
การจัดการเรียนการสอนในยุคโลกดิจิตอล
เปิดอ่าน 10,128 ☕ คลิกอ่านเลย

การศึกษาประชารัฐ FOCUS ที่พัฒนาครู
การศึกษาประชารัฐ FOCUS ที่พัฒนาครู
เปิดอ่าน 21,692 ☕ คลิกอ่านเลย

ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)
ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)
เปิดอ่าน 8,017 ☕ คลิกอ่านเลย

ถ้าผมเป็น "รมต.ศึกษา"
ถ้าผมเป็น "รมต.ศึกษา"
เปิดอ่าน 14,962 ☕ คลิกอ่านเลย

เคล็ดลับเรียนแล้วรวย
เคล็ดลับเรียนแล้วรวย
เปิดอ่าน 7,582 ☕ คลิกอ่านเลย

กระทรวงศึกษาธิการ ปลดล็อคการศึกษาไทย พลิกฟื้นวิกฤติด้วยนโยบาย "ซ่อม สร้าง ป้องกัน"
กระทรวงศึกษาธิการ ปลดล็อคการศึกษาไทย พลิกฟื้นวิกฤติด้วยนโยบาย "ซ่อม สร้าง ป้องกัน"
เปิดอ่าน 3,194 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ
วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ
เปิดอ่าน 14,431 ครั้ง

สวมแหวนแต่ละนิ้ว เสริมดวงอะไรบ้าง
สวมแหวนแต่ละนิ้ว เสริมดวงอะไรบ้าง
เปิดอ่าน 3,492 ครั้ง

สูตรทำมะนาวดองน้ำผึ้ง
สูตรทำมะนาวดองน้ำผึ้ง
เปิดอ่าน 45,191 ครั้ง

บทความพิเศษ : การศึกษา 4.0 / ดร.โพยม จันทร์น้อย
บทความพิเศษ : การศึกษา 4.0 / ดร.โพยม จันทร์น้อย
เปิดอ่าน 119,571 ครั้ง

กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง
กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง
เปิดอ่าน 14,694 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ