ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ตั้งเป้า"ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้"ครบทุกรร.ปีหน้า


ข่าวการศึกษา 4 พ.ย. 2558 เวลา 06:42 น. เปิดอ่าน : 6,102 ครั้ง
ตั้งเป้า"ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้"ครบทุกรร.ปีหน้า

Advertisement

"ดาว์พงษ์" ตรวจการดำเนินนโยบาย "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" วันแรก มีโรงเรียนนำร่อง 4.1 พันโรง ลั่นปีหน้าต้องเตรียมการให้ดี เพราะจะมีโรงเรียนเข้าร่วมจำนวนมาก ตั้งเป้าครบ 3 หมื่นโรงทั่วประเทศ ด้านเลขาฯ สพฐ.เผยตั้งทีมติดตามผลทุกเดือน นักเรียนขานรับบอกสนุกที่ได้ทำกิจกรรม ด้านนายกฯ พอใจผลตอบรับ หวังใช้ครบทุกโรงปีหน้าเช่นกัน
โรงเรียนวัดถนน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สร้างรอยยิ้มความสุขสนุกสนานให้นักเรียน

ที่โรงเรียนอนุบาลปทุมธานี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) เดินทางตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนนำร่องตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ และเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 พร้อมกันทั่วประเทศ

โดย พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเชื่อว่าเด็กจะมีความสุข แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ตนอยากรู้เรื่องผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กว่าจะดีขึ้นหรือไม่ หลังจากที่มีการจัดกิจกรรมตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ทั้งนี้ ตนไม่ห่วงโรงเรียนที่เข้าร่วมนำร่องทั้ง 4,100 โรง เพราะเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมและจะไปได้ดี แต่ห่วงโรงเรียนที่จะเข้าร่วมโครงการในปีหน้าซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องเร่งศึกษาโรงเรียนที่บริบทแตกต่างกัน ทั้งนี้ ตนตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายให้ได้ 1 หมื่นโรงก่อนเบื้องต้น หากขยายให้ครบทั้ง 3 หมื่นโรงทั่วประเทศในปีการศึกษา 2559 ได้ก็จะเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักถึงความพร้อมของครูและโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูจำนวนน้อย อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบการจัดการ แต่ยังคงยึดหลักการที่เด็กจะต้องได้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียน ดังนั้นจึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปดูความพร้อมของโรงเรียน หากโรงเรียนใดที่ครูไม่พร้อม สพฐ.อาจจะต้องมากำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมลงไปช่วย

"การลงพื้นที่ครั้งนี้ทำให้ผมเห็นปัญหาอย่างหนึ่งคือเรื่องของพื้นที่ ถือเป็นข้อจำกัดมากในโรงเรียนที่มีพื้นที่น้อย ก็มอบให้ สพฐ.นำไปศึกษาหาทางออกในการบริหารจัดการกิจกรรมที่ได้รับประโยชน์ ทั้งเฮด ฮาร์ต แฮนด์ และเฮลธ์ ของโรงเรียนพื้นที่น้อยด้วย" รมว.ศธ.กล่าว

ด้าน น.ส.สมทรง รอดแจ่ม ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปทุมธานี กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติ มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองนักเรียนได้ทราบ และได้รับความร่วมมือจากชุมชน โดยโรงเรียนมีเมนูกิจกรรมให้เด็กเลือก จำนวน 150 เมนู อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโรงเรียนได้จัดกิจกรรมให้เด็กอยู่แล้ว ทั้งการสอนภาษาจีน ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ และการประดิษฐ์หุ่นยนต์ ซึ่งเคยได้รับรางวัลระดับประเทศมาแล้ว

ขณะที่นายการุณกล่าวว่า สพฐ.จะมีการติดตามประเมินผลเป็น 2 ส่วนคือ ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและส่วนกลาง โดยจะมีทีมติดตามผลเดือนละครั้งและพัฒนาควบคู่กันไป จากนั้นเดือนเมษายน 2559 ซึ่งปิดภาคเรียนการศึกษา สพฐ.จะสรุปผลปัญหา อุปสรรคและความสำเร็จของโครงการเพื่อนำเสนอ รมว.ศธ.ก่อนที่จะมีการขยายผลต่อไป

ด.ช.ธิติวุฒิ เกตุเนียม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนอนุบาลปทุมธานี กล่าวว่า รู้สึกสนุกที่ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ให้ความสนใจ และก่อนเลือกกิจกรรมก็จะมีตัวอย่างกิจกรรมเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือก สำหรับตารางเรียนในภาคเรียนที่ 2 ก็ไม่ได้ต่างจากภาคเรียนที่ 1 มากนัก เช่น ภาคเรียนที่ 1 เรียนวิชาภาษาอังกฤษ 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ในภาคเรียนที่ 2 เรียนวิชาภาษาอังกฤษ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งลดวิชาภาษาอังกฤษเสริมลง เป็นต้น

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่เริ่มใช้เป็นวันแรก ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนต่างๆ โดย ศธ.จะส่งชุดสมาร์ทเทรนเนอร์ จำนวน 300 ทีม ลงตรวจประเมินผลทั่วประเทศทุกสัปดาห์ ทุกเดือน และทุก 3 เดือน เพื่อนำข้อมูลกลับมาวิเคราะห์ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด และมีสิ่งใดที่ควรปรับปรุงแก้ไขบ้าง ส่วนนายกรัฐมนตรีพอใจที่ทุกฝ่ายให้การตอบรับนโยบายดังกล่าวเป็นอย่างดี และต้องการให้ขยายจำนวนโรงเรียนให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนหากผลประเมินออกมาดี และยังย้ำว่าการเรียนในห้องเรียกว่าเรียนวิชาการ ส่วนเวลาช่วงบ่ายเรียกว่าเรียนรู้ ซึ่งหมายความว่านอกจากการเรียนในห้องด้านวิชาการเพื่อเพิ่มคุณวุฒิแล้ว เราจะต้องเรียนรู้การปฏิบัติควบคู่กับทฤษฎีไปด้วย จะได้ทำงานและจัดระเบียบความคิดให้เป็นระบบ สร้างสรรค์ ความรู้รอบตัว เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพในอนาคต

ที่จังหวัดปัตตานี ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์โรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองปัตตานี 5 โรง ที่ดำเนินตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เป็นวันแรก ปรากฏว่า ไม่ได้เข้าร่วมกับโครงการดังกล่าว เนื่องจากต้องคอยติดตามดูโรงเรียนนำร่องก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทางโรงเรียนเทศบาลพร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบาย ขณะที่จากการสอบถามครูในพื้นที่เปิดเผยว่า การลดเวลาเรียนของโรงเรียนต่างๆ นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเด็กๆ จะได้มีเวลาส่วนตัวในการทบทวนการเรียนที่ผ่านมามากขึ้น โดยเฉพาะการเรียนรู้ภายนอก เช่น เรียนภาษาอาหรับเพิ่ม ซึ่งครูต้องเอื้อประโยชน์และให้เวลากับเด็กด้วย เมื่อเริ่มโครงการนี้ใหม่ ครูต้องติดตาม ต้องเสียสละ ถ้าปล่อยไป เด็กเข้าใจผิด มัวแต่ทำอย่างอื่น เด็กก็จะไม่ได้อะไร. 

 

ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558


ตั้งเป้า"ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้"ครบทุกรร.ปีหน้า

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ด่วน! สพฐ.ประกาศสอบบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 รอบทั่วไป

ด่วน! สพฐ.ประกาศสอบบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 รอบทั่วไป

เปิดอ่าน 3,238 ☕ 18 เม.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
เปิดอ่าน 750 ☕ 24 เม.ย. 2567

คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด
คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด
เปิดอ่าน 292 ☕ 24 เม.ย. 2567

เล็งจัดงบฯ อาหารเช้าให้นักเรียน
เล็งจัดงบฯ อาหารเช้าให้นักเรียน
เปิดอ่าน 338 ☕ 24 เม.ย. 2567

มาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567
มาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567
เปิดอ่าน 5,482 ☕ 23 เม.ย. 2567

การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด สพฐ. (การย้ายกรณีปกติ) ประจำปี พ.ศ. 2567
การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด สพฐ. (การย้ายกรณีปกติ) ประจำปี พ.ศ. 2567
เปิดอ่าน 4,507 ☕ 23 เม.ย. 2567

กฏ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2567
กฏ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2567
เปิดอ่าน 396 ☕ 23 เม.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค
เปิดอ่าน 19,018 ครั้ง

TOEFL คืออะไร
TOEFL คืออะไร
เปิดอ่าน 37,663 ครั้ง

หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
เปิดอ่าน 35,877 ครั้ง

ขั้นตอนการใช้งานระบบลงทะเบียนและติดตามประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา
ขั้นตอนการใช้งานระบบลงทะเบียนและติดตามประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา
เปิดอ่าน 36,160 ครั้ง

ประวัติของแคน อัครเครื่องดนตรีอีสาน
ประวัติของแคน อัครเครื่องดนตรีอีสาน
เปิดอ่าน 117,119 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ