ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ชี้การศึกษาไทยกดทับ "ชีวอำนาจ" เด็ก


ข่าวการศึกษา 5 มี.ค. 2561 เวลา 13:42 น. เปิดอ่าน : 5,699 ครั้ง
ชี้การศึกษาไทยกดทับ "ชีวอำนาจ" เด็ก

Advertisement

"สมพงษ์" เผยสังคมไทยเหลื่อมล้ำอันดับ 3 ของโลก ชี้ความเหลื่อมล้ำเป็นวาทกรรมทุกรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาแต่ในทางปฎิบัติไม่เกิดขึ้นจริง แนะสังคม ระบบการศึกษาเลิกกดทับชีวอำนาจเด็ก ลั่นไม่ลดความเหลื่อมล้ำ ปฎิรูปการศึกษา- ไทยแลนด์ 4.0 ไม่มีทางเกิดขึ้น ขณะที่ ป้ามล ฝากรัฐ ปิดเทอม 3 เดือน หาพื้นที่ให้เด็กยากจนมีกิจกรรมทำ พร้อมฝากพ่อแม่อย่าเปรียบเทียบลูก มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย แจง 50% เด็กข้ามเพศถูกรังแก ขาดโอกาสเพียบ ขอครอบครัว สังคมเข้าใจยอมรับ
 
 
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)จัดมหกรรมสร้างเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว "กว่าทศวรรษ พัฒนาครอบครัวอบอุ่น สร้างคุณค่าคน และผลงานของเรา" โดยมี ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านเด็กและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทย ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศทุนนิยมเบิกบาน การศึกษายังขาดคุณภาพ แต่ทุนนิยมกลับโตขึ้นเรื่อยๆ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การยอมรับระบบต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยมากยิ่งขึ้น 
 
"เด็กทุกคนมีสิ่งที่ซ่อนเร้นในตัวเองคือ ชีวอำนาจ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ คิดวิเคราะห์ มีเหตุผล แต่สังคม ระบบการศึกษาของไทยกลับกดทับชีวอำนาจเหล่านั้น สอนให้เด็กต้องคิดตาม ยอมจำนน ติดกรอบ ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นโดยขาดอิสระในการคิด ปัจจุบันเด็กไทยจึงถูกทำหมันเรื่องความคิด ซึ่งถ้าระบบการศึกษา สังคม ปูพื้นฐานให้เด็กได้ปฏิบัติเรียนรู้ เกิดวิธีพลเมืองที่มีคุณภาพ รู้จักดึงพลังชีวอำนาจด้านดีของตนเองออกมาใช้ และลดภาวะกดดันทับชีวิต สิ่งที่ทำให้เด็กไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร อย่างวาทกรรมวิชาการ ความยากจน ระบบการศึกษาค่านิยมอคติ ซึ่งภาวะกดดันเหล่านี้ทำให้เด็กมีความทับซ้อนหลายชั้น  และการจะทำให้เด็กรู้จักใช้ชีวอำนาจด้านดี ต้องเริ่มจากเพิ่มพลังครอบครัว พยายามให้เด็กรู้จักตัวเอง มีความมั่นใจในตัวชีวิต สามารถวิเคราะห์ได้ ว่าตัวเองเป็นแบบนี้เกิดจากอะไร และอะไรที่ทำให้หลุดพ้นสิ่งต่างๆ ได้ ดังนั้น ชีวอำนาจอยู่ในเด็กแต่ละคน ถ้าสังคม ระบบการศึกษาดึงด้านดีออกมาได้ จะช่วยเด็กคิดเป็น คิดบวก อย่าให้เด็กคิดทำร้ายตัวเอง คิดแต่ปมด้อย และต้องรู้จักการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ผู้ใหญ่ต้องฟังเสียงเด็ก และไม่ยัดเยียด เป็นโค้ช และให้คำเสนอแนะแก่เด็ก" ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
 
ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่มีปรัชญาการศึกษาแต่เป็นประเทศที่ชอบการสอบมากๆ โดยจะเห็นได้จากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ที่มีการจัดทดสอบตลอดเวลา ทำให้ระบบการวัดผลเป็นตัวครอบงำระบบการศึกษา เป็นการจัดกลุ่มคนในสังคม ไทยจึงเป็นประเทศที่มีเด็กออกกลางคันจากโรงเรียนค่อนข้างมาก ปีละประมาณ 2-3 แสนคน และการศึกษาเป็นอนุระบบของระบบทุนนิยมและการเมือง เป็นระบบที่ทำตามหน้าที่ในการป้อนคนเข้าสู่ระบบการตลาด ทำให้ไม่มีอำนาจในตัวเอง การศึกษาประเทศไทย จึงปฎิรูปไม่ได้สักครั้งและครั้งล่าสุดก็เช่นกันไม่สามารถปฎิรูปได้ สังคมไทยใน10 ปีข้างหน้า เด็กเกิดน้อยลง ด้อยคุณภาพและสังคมเสื่อม จะกลายเป็นเรื่องการใช้ความรุนแรง ปัญหาในเด็กจะมากขึ้น ถ้าสังคมและการศึกษาไม่มีแนวทางในการดึงชีวอำนาจทางบวกของเด็กให้เกิดขึ้นได้
 
ป้ามล หรือ นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำมีทุกแห่งในโลกนี้ แต่จะทำให้ลดลงได้นั้น ต้องเกิดจากการเข้าถึงโอกาสที่มาจากการออกแบบที่ทำให้คนยากจนเข้าถึงโอกาสและการศึกษาเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่มองถึงปัญหาเด็ก ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอม 3 เดือนกว่าๆ ของเด็ก ที่ไม่มีพื้นที่ให้เด็กยากจนได้มีกิจกรรมดีๆ หรือโอกาสดีๆ ได้ทำ ดังนั้น รัฐบาลควรลงทุนสร้างพื้นที่ กิจกรรมดีๆ ต้อนรับเด็กในช่วงปิดเทอม และต้องมองเห็นเด็กยากจน หรือเด็กด้อยโอกาสร่วมด้วย 
 
"ชีวิตของคนเราไม่มีสูตร การเรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่ได้คิดวิเคราะห์ การเหลียวมองสังคม การทำกิจกรรม จะทำให้เด็กรู้จักรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ และการเลี้ยงลูกไม่ใช่เพียงให้ข้าวให้น้ำ ให้การศึกษาดีเพียงอย่างเดียว ระบบการศึกษา สังคมต้องมีวิธีที่ทำให้เด็กสามารถนำไปใช้ชีวิตจริงได้ ต้องมีพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เหมาะสม เป็นพื้นที่กลางที่ต้องไม่ให้ข้อจำกัดความรู้เดิมเข้ามาสู่ความรู้ใหม่ นอกจากนั้น ระบบการศึกษาต้องมีเครื่องมือ มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับคนเปราะบางในสังคม ขณะที่ครอบครัว ต้องให้เด็กได้เรียนรู้ความล้มเหลวบ้าง อย่าให้เสพเฉพาะความสำเร็จ เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อเขาล้มลงอาจจะรับมือไม่ไหว ที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบเด็ก เนื่องจากทุกครั้งที่พ่อแม่เปรียบเทียบเด็กกับคนอื่น เด็กจะไม่มีแรงกำลังขึ้นที่สูง แต่เด็กจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ" นางทิชา กล่าว
 
ด้าน นายรณภูมิ สามัคคีคารมย์ มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย กล่าวว่า จากการสำรวจของมูลนิธิตั้งแต่ปี 2551-2557 พบข้อมูลว่า 14 คน ถูกฆ่ากันด้วยเหตุแห่งเพศ เนื่องจากเกลียดเพราะเป็นกะเทย  50% ของเด็กที่ไม่ใช่เพศชายและเพศหญิง จะถูกรังแกด้วยเหตุแห่งเพศ และมีปัญหาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะเด็กแสวงหายาต่างๆ เพื่อทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิง เช่น ทานยาคุมกำเนิดมากเกินไปจนเกิดอาการหลอน รวมถึงสิทธิต่างๆ ไม่ครอบคลุม เช่น สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค และมีงานบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้เพราะขาดการยอมรับ สังคมผลักให้ทำงานในบางอาชีพได้ และอัตราการใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กข้ามเพศที่ไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้น ความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นในทุกเพศ จึงอยากให้ทุกคนมองเห็นรายละเอียด อย่าแสดงเจตจำนงว่าเพศไหนยอมรับไม่ยอมรับ โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องเข้าใจและยอมรับคนกลุ่มนี้ ลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและอย่ามองว่าเด็กกลุ่มนี้มีปัญหา  

นางพัดชา พรสกุลไพศาล ผู้ประสานงานศูนย์แสงอรุณ ศูนย์บำบัดยาเสพติดโดยพระกิตติคุณ กล่าวว่า สังคมจะตีกรอบเด็กว่าอะไรควรทำและไม่ทำ ส่งผลให้เด็กบางคนเมื่อมีอิสระในการเลือกก็มักจะใช้ไม่เป็น อย่างตนเติบโตมาในครอบครัว อยู่ในระบบการศึกษาที่ดีมาตลอด ได้ทำงานดี และประสบความสำเร็จอายุยังน้อย แต่เมื่อได้มีโอกาสไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด กัญชา และเฮโรอีน โดยเฉพาะเฮโรอีน มองว่าตัวเองไม่ติด ควบคุมได้ แต่กลายเป็นว่า 13ปี ติดเฮโรอีนอย่างหนักและทำลายระบบชีวิตทั้งระบบ ถูกจับในคดีหลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร เพราะต้องการเงินไปซื้อยาเฮโรอีน ถูกออกจากงานโดยไม่สนใจความทุกข์ของคนในครอบครัว กระทั่งใช้ยามากเกินไปจนเริ่มหลอน และทำให้บ้านไฟไหม้ เริ่มย้อนมองไปที่ครอบครัว ขอเลิกยา และสามารถทำได้ จนมาทำงานจิตอาสา ดูแลบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด ซึ่งสิ่งที่ตนเองผ่านมาได้หมดนั้น เกิดจากความเข้าใจและโอกาสจากครอบครัว รวมถึงสภาพแวดล้อม และสังคมรอบข้าง ดังนั้น การจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้นั้น ต้องมีการออกแบบพื้นที่ให้เด็กได้รู้จักการแก้ไข รับมือกับปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเด็กต้องมีพลังชีวอำนาจด้านบวกของตนเองมาใช้ 

คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ

ชี้การศึกษาไทยกดทับ "ชีวอำนาจ" เด็กชี้การศึกษาไทยกดทับชีวอำนาจเด็ก

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ด่วน! สพฐ.ประกาศสอบบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 รอบทั่วไป

ด่วน! สพฐ.ประกาศสอบบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2567 รอบทั่วไป

เปิดอ่าน 3,624 ☕ 18 เม.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สพฐ.แจ้งการสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567 สมัครสอบทางออนไลน์เพียงรูปแบบเดียว
สพฐ.แจ้งการสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567 สมัครสอบทางออนไลน์เพียงรูปแบบเดียว
เปิดอ่าน 615 ☕ 25 เม.ย. 2567

ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" ปีที่ 18 ปีการศึกษา 2566 (ระดับประเทศ)
ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" ปีที่ 18 ปีการศึกษา 2566 (ระดับประเทศ)
เปิดอ่าน 338 ☕ 25 เม.ย. 2567

การปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมราชการ
การปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมราชการ
เปิดอ่าน 369 ☕ 25 เม.ย. 2567

แนวทางการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินเพื่อประโยชน์การศึกษา โครงการ "สุขาดี มีความสุข"
แนวทางการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินเพื่อประโยชน์การศึกษา โครงการ "สุขาดี มีความสุข"
เปิดอ่าน 709 ☕ 25 เม.ย. 2567

แนวทางปฏิบัติการจัดทำหนังสือราชการ (เรียนดี มีความสุข)
แนวทางปฏิบัติการจัดทำหนังสือราชการ (เรียนดี มีความสุข)
เปิดอ่าน 1,738 ☕ 25 เม.ย. 2567

ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
เปิดอ่าน 2,470 ☕ 24 เม.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

วันปิยมหาราช
วันปิยมหาราช
เปิดอ่าน 9,310 ครั้ง

แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้
แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้
เปิดอ่าน 18,483 ครั้ง

[Clip] เล็กๆ เปลี่ยนโลก : เคล็ดลับง่ายๆ บริหารสมองสองซีก จากการนับเลข 1-10
[Clip] เล็กๆ เปลี่ยนโลก : เคล็ดลับง่ายๆ บริหารสมองสองซีก จากการนับเลข 1-10
เปิดอ่าน 13,819 ครั้ง

สารทเดือนสิบ ประเพณีประจำภาคใต้ ร่วมระลึกถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
สารทเดือนสิบ ประเพณีประจำภาคใต้ ร่วมระลึกถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
เปิดอ่าน 30,829 ครั้ง

อารยธรรมกรีกโบราณ
อารยธรรมกรีกโบราณ
เปิดอ่าน 42,054 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ