ชื่อเรื่อง รายงานผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เรื่อง วัสดุมหัศจรรย์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางภาวิณี ตลับนิล ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น
ปีที่ศึกษา 2558
บทคัดย่อ
รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning หรือ PBL) เป็นรูปแบบ การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ (Constructivism) การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับธรรมชาติของวิชา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) หาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา เป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้อง จำนวน 35 คน ได้มาโดยใช้การสุ่มกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ซึ่งเป็นการศึกษาใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre - experimental Design) รูปแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลังการทดลอง (The single group, pretest posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวน 9 แผน มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.52) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ (Multiple Choice) 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.88 และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.85 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการศึกษาพบว่า
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประสิทธิภาพเท่ากับ 82.80 / 86.89
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.6110
3. ผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
4. ผลการวิเคราะห์หาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.11)
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม นักเรียน มีผลสัมฤทธิ์การทางเรียนสูงขึ้น มีความพึงพอใจในการเรียนรู้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในระดับชั้นอื่นให้บรรลุผลได้เช่นกัน โดยเฉพาะการเสริมสร้างให้ผู้เรียน มีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยการคิดอย่างมีเหตุผลมากขึ้น