ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เชิงสืบเสาะแบบร่วมมือ ร่วมกับชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เชิงสืบเสาะแบบร่วมมือ ร่วมกับชุดการเรียนรู้

วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ชื่อผู้วิจัย นางอังคะณา มาตมูล

สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง สังกัดเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด

จังหวัดร้อยเอ็ด

ปีที่วิจัย 2556

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การพัฒนา

รูปแบบการเรียนรู้เชิงสืบเสาะแบบร่วมมือ ร่วมกับชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 6 แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับศึกษา ข้อมูลการพัฒนา

รูปแบบการเรียนรู้เชิงสืบเสาะแบบร่วมมือ ร่วมกับชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้แก่ 1) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542

2) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 3) เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการเรียนรู้ 4) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 35 คน 5) ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนวิทยาศาสตร์ และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 15 คน แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสร้างและการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ในการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา จำนวน 5 คน 2) นักเรียนที่ใช้ในการทดลองใช้เพื่อปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้ เป็นนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง ภาคเรียนที่ 2

ปีการศึกษา 2556 จำนวน 35 คน แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา ผลการทดลองใช้และประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดสระทอง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 35 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ รูปแบบการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแบบประเมิน

ความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ พบว่า ควรมีการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนมีความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณที่ถูกต้อง เร้าความสนใจในการเรียน เน้นการปฏิบัติจริง เรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้ทักษะตามลำดับขั้นตอน พัฒนาแนวการสอนวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

2. รูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า “SIPIMESCAM Model” มีองค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการเรียนรู้ 4) สาระความรู้

5) สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ 6) หลักการตอบสนอง 7) เงื่อนไข ในการนำรูปแบบไปใช้ 8) สิ่งสนับสนุน 9) การประเมินผล มีกระบวนการเรียนรู้ 10 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นกระตุ้นประเด็น (Support Point : S) 2) ขั้นตั้งเป้าหมายแนวคิด (Intend to Concept : I) 3) ขั้นกำหนดประเด็นแนวคิด (Prescribe Point Concept : P) 4) ขั้นสืบค้นแนวคิด (Inquire into Concept : I) 5) ขั้นขยายข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ (Magnify and Outcome Results Data Discretion : M) 6) ขั้นประเมินข้อมูล (Evaluation Data : E) 7) ขั้นเลือกข้อมูลที่เหมาะสม (Select for Choice: S) 8) ขั้นอภิปรายประเด็นข้อมูล (Contend Point Data : C) 9) ขั้นประยุกต์และนำไปใช้ (Apply and Reuse : A) 10) ขั้นสร้างผลงานอย่างมีวิจารณญาณ (Make Work Discretion : M) และมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ พบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) การคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้

เชิงสืบเสาะแบบร่วมมือ ร่วมกับชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.61 , S.D. = 0.63)

โพสต์โดย อังคะณา มาตมูล : [19 ก.พ. 2559 เวลา 04:46 น.]
อ่าน [4120] ไอพี : 112.143.18.101
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,996 ครั้ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง

เปิดอ่าน 16,842 ครั้ง
ความแตกต่างระหว่าง http:// กับ https://
ความแตกต่างระหว่าง http:// กับ https://

เปิดอ่าน 9,673 ครั้ง
เด็กนั่งกลางที่เบาะหลังรถ มีแนวโน้มเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ
เด็กนั่งกลางที่เบาะหลังรถ มีแนวโน้มเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ

เปิดอ่าน 95,766 ครั้ง
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์

เปิดอ่าน 12,414 ครั้ง
10 สัญญาณฟ้องว่าร่างกายเรากำลังขาดสารอาหารชนิดใดอยู่?
10 สัญญาณฟ้องว่าร่างกายเรากำลังขาดสารอาหารชนิดใดอยู่?

เปิดอ่าน 1,293,408 ครั้ง
อริยสัจ 4
อริยสัจ 4

เปิดอ่าน 42,488 ครั้ง
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ

เปิดอ่าน 16,886 ครั้ง
รู้ก่อนสมัครงาน...!! คุณเหมาะกับการทำงานในองค์กรแบบไหน
รู้ก่อนสมัครงาน...!! คุณเหมาะกับการทำงานในองค์กรแบบไหน

เปิดอ่าน 1,586 ครั้ง
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย

เปิดอ่าน 19,196 ครั้ง
เรื่องจริงของสังคมโลก "สังคมก้มหน้า" ดูกันเลยว่าจริงไหม?
เรื่องจริงของสังคมโลก "สังคมก้มหน้า" ดูกันเลยว่าจริงไหม?

เปิดอ่าน 18,343 ครั้ง
บริหารงานอย่างไร จึงจะครองใจลูกน้อง
บริหารงานอย่างไร จึงจะครองใจลูกน้อง

เปิดอ่าน 16,992 ครั้ง
ข้าวโพดสีม่วง ช่วยต้านมะเร็ง
ข้าวโพดสีม่วง ช่วยต้านมะเร็ง

เปิดอ่าน 139,323 ครั้ง
ครูไทย 4.0 (จบ) : โดย ดิเรก พรสีมา
ครูไทย 4.0 (จบ) : โดย ดิเรก พรสีมา

เปิดอ่าน 15,233 ครั้ง
สูตรดีท็อกซ์ทำเองได้! ง่าย ๆ แค่ 7 วัน
สูตรดีท็อกซ์ทำเองได้! ง่าย ๆ แค่ 7 วัน

เปิดอ่าน 16,566 ครั้ง
อาหารอันตรายขณะท้องว่าง
อาหารอันตรายขณะท้องว่าง

เปิดอ่าน 14,197 ครั้ง
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
เปิดอ่าน 11,637 ครั้ง
ความลับของกลดึงกระต่ายออกมาจากหมวก
ความลับของกลดึงกระต่ายออกมาจากหมวก
เปิดอ่าน 12,868 ครั้ง
5 เคล็ดลับทำตอนเช้า ลด "ไขมันพอกตับ" ได้จริง แถมสุขภาพดีขึ้น
5 เคล็ดลับทำตอนเช้า ลด "ไขมันพอกตับ" ได้จริง แถมสุขภาพดีขึ้น
เปิดอ่าน 37,004 ครั้ง
100 สุภาษิตกฎหมาย
100 สุภาษิตกฎหมาย
เปิดอ่าน 22,355 ครั้ง
เส้นทางสายไหม
เส้นทางสายไหม

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ