ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการวิจัยและพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนา

ชื่อเรื่อง รายงานการวิจัยและพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้

ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน

ผู้วิจัย นางสุจิรา ณ พัทลุง

หน่วยงาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1

ปีการศึกษา 2558

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน และเพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน ด้วยวิธีการประเมินความสามารถในการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน ประเมินความพึงพอใจของครูผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน และประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ร่วมกับแนวคิดการออกแบบการสอนเชิงระบบ (Instructional System Design) ขั้นตอนการพัฒนารูปแบบการนิเทศ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูล ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบและพัฒนารูปแบบการนิเทศ ขั้นตอนที่ 3 การนำรูปแบบการนิเทศไปใช้ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการนิเทศ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 จำนวน 25 คน และนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนกับครูคณิตศาสตร์กลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูผู้รับการนิเทศ จาก 25 โรงเรียน ปีการศึกษา 2558 จำนวนทั้งสิ้น 357 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เนื้อหา แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสังเกตการสอน แบบสอบถามความพึงพอใจ และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (content Analysis)

ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครู สู่การพัฒนาผู้เรียน เรียกว่า “AIPDED Model” ประกอบด้วยกระบวนการดำเนินงาน 6 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพและสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ (Assessing : A) ขั้นที่ 2 การเสริมสร้างความรู้ (Informing : I) ขั้นที่ 3 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศ (Doing : D) ประกอบด้วยกระบวนการนิเทศการ 2 ขั้นตอน คือ 1) การสังเกตการสอน 2) การประชุมให้ข้อมูลย้อนกลับหลังการสังเกตการสอน ขั้นที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluation : E) และขั้นที่ 6 การเผยแพร่ขยายผล (Diffusing : D) ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพและสมรรถนะในการทำงาน (Assessing : A) ขั้นที่ 2 การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (Information : I) ขั้นที่ 3 วางแผนการนิเทศ (Planning : P) ขั้นที่ 4 ปฏิบัติการนิเทศ (Doing : D) และขั้นที่ 5 ประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E) ผลจากการตรวจสอบประสิทธิภาพ ของรูปแบบการนิเทศ การสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 คน พบว่า รูปแบบการนิเทศการสอนมีประสิทธิภาพ และผลจากการตรวจสอบประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ของรูปแบบการนิเทศ พบว่า ผลการประเมินความสามารถในการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียนด้านความรู้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจสูงกว่าก่อนการนิเทศอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และด้านการสังเกตการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ครูจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับดี ผลการประเมินความพึงพอใจของครูผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศเพื่อส่งเสริมการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของครูสู่การพัฒนาผู้เรียน พบว่า ครูผู้รับการนิเทศมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ครูผู้รับการนิเทศมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด โดยครูมีความพึงพอใจด้านผลของการนำรูปแบบการนิเทศไปใช้มากที่สุด รองลงมา คือ ด้านองค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศ และด้านกระบวนการนำรูปแบบการนิเทศไปใช้ และผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า คะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการ หลังเรียนของผู้เรียนสูงกว่าคะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01

โพสต์โดย TONNUM : [5 ธ.ค. 2559 เวลา 10:29 น.]
อ่าน [3350] ไอพี : 182.232.42.161
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 249,408 ครั้ง
การกล่าวแสดงความยินดี : Congratulations
การกล่าวแสดงความยินดี : Congratulations

เปิดอ่าน 7,872 ครั้ง
เหลียวหลัง แลหน้า ปฏิรูปการศึกษาพื้นฐานไทย
เหลียวหลัง แลหน้า ปฏิรูปการศึกษาพื้นฐานไทย

เปิดอ่าน 42,212 ครั้ง
สรุปสูตรไฮเพอร์โบลามุมฉาก
สรุปสูตรไฮเพอร์โบลามุมฉาก

เปิดอ่าน 15,638 ครั้ง
วลีเด็ดแห่งปี 2555
วลีเด็ดแห่งปี 2555

เปิดอ่าน 14,083 ครั้ง
ความพอเพียงของสื่อคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียเพื่อการศึกษา
ความพอเพียงของสื่อคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียเพื่อการศึกษา

เปิดอ่าน 18,337 ครั้ง
บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ
บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ

เปิดอ่าน 14,578 ครั้ง
วิธีฝึกสมาธิเพื่อให้เรียนหนังสือเก่ง
วิธีฝึกสมาธิเพื่อให้เรียนหนังสือเก่ง

เปิดอ่าน 10,525 ครั้ง
วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 4,731 ครั้ง
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา คัดเลือก บรรจุ และแต่งตั้งบุคลากร
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา คัดเลือก บรรจุ และแต่งตั้งบุคลากร

เปิดอ่าน 9,801 ครั้ง
"โรงเรียนนิติบุคคล" ปฏิรูปการศึกษา...เกิดขึ้นจริง
"โรงเรียนนิติบุคคล" ปฏิรูปการศึกษา...เกิดขึ้นจริง

เปิดอ่าน 56,704 ครั้ง
ระบบการสอนของเคมพ์ (Jerrold/Kemp)
ระบบการสอนของเคมพ์ (Jerrold/Kemp)

เปิดอ่าน 17,403 ครั้ง
การวัดมุมในระนาบดิ่ง
การวัดมุมในระนาบดิ่ง

เปิดอ่าน 20,270 ครั้ง
รู้ยัง? “5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต” มีอะไรบ้าง
รู้ยัง? “5 ผลไม้ เด่น ที่น่าปลูกในอนาคต” มีอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 19,471 ครั้ง
การศึกษากับมุมมองของคนเวียดนาม
การศึกษากับมุมมองของคนเวียดนาม

เปิดอ่าน 12,779 ครั้ง
จะให้ลูกเก่งเลข ต้องออกกำลัง
จะให้ลูกเก่งเลข ต้องออกกำลัง

เปิดอ่าน 20,725 ครั้ง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง
เปิดอ่าน 12,083 ครั้ง
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
เปิดอ่าน 12,007 ครั้ง
6 เหตุผลน่าแปลกใจ ทำไมถึงนอนไม่หลับ
6 เหตุผลน่าแปลกใจ ทำไมถึงนอนไม่หลับ
เปิดอ่าน 12,418 ครั้ง
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
เปิดอ่าน 20,980 ครั้ง
1-10 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของดาวินชี่
1-10 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของดาวินชี่

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ