การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75
2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียน
และหลังเรียน 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ประชากรในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านไผ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 10 ห้อง กลุ่มตัวอย่าง
ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4 โรงเรียนบ้านไผ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 41 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 14 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.35 ถึง 0.62 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.29 ถึง 0.85 มีความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 และแบบวัดความพึงพอใจ แบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ระหว่าง 0.60 0.87 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test
ผลการศึกษา พบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.09/80.89 แสดงว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีประสิทธิผลในการเรียนรู้เท่ากับ 0.7073 หมายความว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.7073 คิดเป็นร้อยละ 70.73
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
กล่าวโดยสรุป ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในการเรียนรู้
ของนักเรียนทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และนักเรียนมีความพึงพอใจ ดังนั้นมีความ
เหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนให้สูงขึ้น