ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

1. ความสำคัญของผลงานที่นำเสนอ

ในการเรียนการสอนสุขศึกษาและพลศึกษานั้น นักเรียนมีความจำเป็นต้องมีสมรรถภาพทางกายที่ดี เพื่อจะได้มีทักษะพื้นฐานในการมีทักษะกีฬาต่อไป การฝึกซ้อมกีฬาประเภทต่างๆต้องเริ่มต้นจากการปูพื้นฐานด้านการทรงตัว ต้องมีสมรรถภาพทางกายที่ดีเป็นองค์ประกอบและต้องอยู่ในระเบียบวินัยภายใต้กฎกติกาของกีฬาแต่ละประเภท และที่สำคัญต้องมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ยอมรับความสามารถของผู้อื่น กีฬาเป็นยาวิเศษที่สามารถรักษาโรคได้หลายประเภทและยังเป็นภูมิคุ้มกันอบายมุขที่จะชักนำเยาวชนให้เข้าไปหลงงมงาย เนื่องจากในสังคมปัจจุบันมีสิ่งยั่วยุให้เยาวชนหลงผิดเป็นจำนวนมาก การศึกษาต้องบรรจุวิชาการที่มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะชักนำให้เยาวชนไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขเหล่านั้น นั่นคือใช้ดนตรีหรือกีฬาเป็นเครื่องดึงดูดใจให้เยาวชนหันมาเอาดีทางด้านนี้ เป็นกิจกรรมที่ทำยามว่างมีพื้นฐานของบันเทิงและการมีบุคลิกภาพที่ดีอันจะนำมาซึ่งวุฒิทางอารมณ์ที่ดี เราต้องให้เยาวชนฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการทรงตัวที่ถูกต้อง ตั้งแต่เยาว์วัยเพื่อสร้างเสริมบุคลิกภาพให้สง่างาม ถึงแม้ว่าพันธุกรรมจะมีอิทธิพลต่อรูปร่างและบุคลิกลักษณะของคนเรา แต่การฝึกปฏิบัติ การออกกำลังกายและการบริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ก็จะทำให้บุคลิกภาพและสมรรถภาพแตกต่างไปจากพันธุกรรมได้ด้วย ในสถาบันครอบครัว พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องดิ้นรนขวนขวาย เพื่อความอยู่รอดและสุขสบายของสมาชิกในครอบครัว ย่อมไม่มีเวลาให้กับการฝึกทักษะ การทำให้ร่างกายมีสมรรถภาพที่ดีให้กับบุตรหลาน ด้วยเหตุนี้ หลักสูตรการศึกษา จำเป็นต้องบรรจุสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติให้เยาวชนไทยเป็นคนที่มีสมรรถภาพร่างกายที่ดี เพื่อจะได้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพทั้งร่างกายและจิตใจในอนาคต ตลอดจนฝึกทักษะพื้นฐานทางด้านกีฬาให้กับเยาวชนไทย ปลูกฝังให้เยาวชนไทยรักกีฬา และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ หลีกเลี่ยงปัญหาทางสังคมที่จะตามมา โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาสมรรถภาพร่างกายของผู้เรียนให้ดียิ่งขึ้น

จากการได้ทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่ามีนักเรียนสมรรถภาพทางกายต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จึงทำให้เกิดความคิดที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องสมรรถภาพทางกาย การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน

2. จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน

จุดประสงค์

1. เพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางกายโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

2. เพื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบสมรรถภาพก่อนและหลังใช้การละเล่นพื้นบ้าน

เป่าหมายของการดำเนินงาน

1. ได้แนวทางการพัฒนาสมรรถภาพโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน

2. ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังการใช้การละเล่นพื้นฐานสูงกว่าก่อนใช้

3.กระบวนการผลิตผลงาน หรือขั้นตอนการดำเนินงาน

1. ขั้นวางแผนการปฏิบัติงาน

1.1 ศึกษารายละเอียด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

1.2 ศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักเรียนอายุ 7-9 ปี

1.3 ออกแบบกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางกาย

2.ขั้นการทำตามแผน

จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน ดังนี้

2.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน

2.2 ขั้นสาธิต

2.3 ขั้นปฏิบัติจริง

2.4 ขั้นทดสอบ

3. ขั้นตรวจสอบและประเมินผล

3.1 ทดสอบสมรรถภาพทางการก่อนใช้กิจกรรมการละเล่น

3.2 ประเมินพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน

3.3 ทดสอบสมรรถภาพทางการหลังใช้กิจกรรมการละเล่น

3.4 บันทึกผลการจัดการเรียนรู้

3.5 เก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล

3.6 จัดทำรายงานผลการจัดการเรียนรู้

4. ขั้นนำการประเมินมาปรับปรุง

4.1 ปรับปรุงกิจกรรมบางกิจกรรมให้มีความยากง่ายให้เหมาะสมกับผู้เรียน

4.2 ปรับปรุงกิจกรรมที่นักเรียนไม่สามารถปฏิบัติได้

4. ผลการดำเนินการ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ

1. เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาพลศึกษาที่ใช้กิจกรรมที่หลากหลาย

2. ได้การพัฒนาสมรรถภาพทางกายโดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน สำหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

3.ได้แนวทางในการฝึกให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความกระตือรือร้น มีระเบียบวินัย ในการเล่นกีฬา และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

5. ปัจจัยความสำเร็จ

5.1. ผู้บริหารโรงเรียนให้การสนับสนุน ส่งเสริมให้ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย

5.2 บุคลากรในโรงเรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง

5.3 นักเรียนมีความสนใจในการเข้าร่วมกิจกรรมเพราะเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานตื่นเต้น เร้าความสนใจ

ของนักเรียน

5.4 ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการศึกษาโดยใช้วิทยากรจากบุคคลภายนอกและหน่วยงานที่

เกี่ยวข้อง ส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

6. บทเรียนที่ได้รับ

6.1 ทราบสมรรถภาพทางกายของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขุนยวม

6.2 ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถภาพทางกายของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนขุนยวม

6.3 ได้เกณฑ์ปกติสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขุนยวมเพื่อนำมาปรับใช้ในการบริหาร จัดการและวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนพลศึกษาให้ได้มาตรฐาน

6.4 เพื่อเป็นการกระตุ้นและสนับสนุนให้นักเรียนออกกำลังกายกันมากขึ้น

6.5 ผลการวิจัยครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อตัวนักเรียน ผู้บริหารโรงเรียน อาจารย์พลศึกษา และ ผู้ปกครองนักเรียน ได้ทราบถึงสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนักเรียนและหาวิธีการปรับปรุง สนับสนุน การจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

โพสต์โดย สายหมอกก่อนตะวัน : [2 ก.ย. 2560 เวลา 04:22 น.]
อ่าน [4244] ไอพี : 118.172.110.228
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 26,406 ครั้ง
เคล็ดลับสำหรับบ้านไม้ ทำอย่างไรให้ไร้ปลวก
เคล็ดลับสำหรับบ้านไม้ ทำอย่างไรให้ไร้ปลวก

เปิดอ่าน 1,706 ครั้ง
วันไหว้ครู ที่มาและความสำคัญของวันไหว้ครู และพิธีปฏิบัติ
วันไหว้ครู ที่มาและความสำคัญของวันไหว้ครู และพิธีปฏิบัติ

เปิดอ่าน 7,329 ครั้ง
กว่าจะมาเป็น "ไอโฟน" จุดกำเนิดและความบังเอิญ
กว่าจะมาเป็น "ไอโฟน" จุดกำเนิดและความบังเอิญ

เปิดอ่าน 21,687 ครั้ง
แก่นขนุน
แก่นขนุน

เปิดอ่าน 8,542 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 45 ถึงนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จดหมายฉบับที่ 45 ถึงนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 11,745 ครั้ง
อาหารที่ทำให้ดูสวย
อาหารที่ทำให้ดูสวย

เปิดอ่าน 11,690 ครั้ง
ปฏิรูปการเรียนรู้...สู่...ห้องเรียน
ปฏิรูปการเรียนรู้...สู่...ห้องเรียน

เปิดอ่าน 664,980 ครั้ง
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาไทย
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาไทย

เปิดอ่าน 30,462 ครั้ง
ตำนานเมืองสุรินทร์
ตำนานเมืองสุรินทร์

เปิดอ่าน 4,775 ครั้ง
กลิ่นคนแก่คืออะไร? เปิดข้อสงสัยพร้อม 5 วิธีป้องกัน
กลิ่นคนแก่คืออะไร? เปิดข้อสงสัยพร้อม 5 วิธีป้องกัน

เปิดอ่าน 13,831 ครั้ง
กังนัมอะยาย ศึกประชัน เต้นกังนัมสไตล์ ระหว่าง ยาย VS โคโยตี้
กังนัมอะยาย ศึกประชัน เต้นกังนัมสไตล์ ระหว่าง ยาย VS โคโยตี้

เปิดอ่าน 44,668 ครั้ง
เช็ดตัวลดไข้ ใช้ "น้ำอุ่น" หรือ"น้ำเย็น"?
เช็ดตัวลดไข้ ใช้ "น้ำอุ่น" หรือ"น้ำเย็น"?

เปิดอ่าน 11,915 ครั้ง
รับมืออย่างไรเมื่อทำงานพลาด
รับมืออย่างไรเมื่อทำงานพลาด

เปิดอ่าน 155,485 ครั้ง
การอ่านจับใจความสำคัญ
การอ่านจับใจความสำคัญ

เปิดอ่าน 14,442 ครั้ง
วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ
วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ

เปิดอ่าน 10,112 ครั้ง
เกณฑ์คุณลักษณะคุรุภัณฑ์ ปีงบประมาณ 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เกณฑ์คุณลักษณะคุรุภัณฑ์ ปีงบประมาณ 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เปิดอ่าน 9,405 ครั้ง
คุณรู้จริงหรือไม่ กับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
คุณรู้จริงหรือไม่ กับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เปิดอ่าน 17,679 ครั้ง
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
เปิดอ่าน 48,635 ครั้ง
อะโดบีชี้ คนทำงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองว่าเทคโนโลยีสำคัญกว่าสวัสดิการอื่นๆ ในที่ทำงาน
อะโดบีชี้ คนทำงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองว่าเทคโนโลยีสำคัญกว่าสวัสดิการอื่นๆ ในที่ทำงาน
เปิดอ่าน 11,994 ครั้ง
ครีมหอยทาก คืออะไร ทำไมสาว ๆ ฮิตกันจัง
ครีมหอยทาก คืออะไร ทำไมสาว ๆ ฮิตกันจัง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ