ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
1524565492138_บทคัดย่อ พรศักดิ์.docx 1524565517995_บทสรุปผลงาน พรศักดิ์.docx

ชื่องานวิจัย การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะ การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้

ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ปีการศึกษา 2559-2560

ชื่อผู้วิจัย นายพรศักดิ์ ทิพย์วงษ์ทอง

ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2559-2560

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 2) เพื่อศึกษาคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้โดยส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ของครู โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 4) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 และ 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีต่อการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยนักเรียน ปีการศึกษา 2559 จำนวน 333 คน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 335 คน ครู ปีการศึกษา 2559 จำนวน 92 คน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 103 คน ผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2559 จำนวน 333 คน ปีการศึกษา 2560 จำนวน 335 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2559 และ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มี 2 ลักษณะ รวมทั้งสิ้น 6 ฉบับ ได้แก่ 1) แบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 4 ฉบับ 2) แบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ระดับสถานศึกษาครอบคลุม 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนทุกระดับชั้น และแบบบันทึกผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559 และปีการศึกษา 2560 จำนวน 2 ฉบับ มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือทุกฉบับ ได้แก่ ความเชื่อมั่นระหว่าง .879-.790 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS Version 19 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

สรุปผลการวิจัย

1. ผลการศึกษาระดับคุณภาพการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 พบว่า

ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความคิดเห็นต่อการพัฒนาอยู่ในระดับมาก ( = 3.80, S.D. = .15) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.87, S.D. = .11) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มครู ( = 3.75, S.D. = .23) ส่วนกลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.74, S.D. = .13) อยู่ในระดับมาก เช่นกัน

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีความคิดเห็นต่อการพัฒนาอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, S.D. = .15) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.66, S.D. = 0.13) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มนักเรียน ( = 4.63, S.D. = .17) อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนกลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.59, S.D. =.13) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน แสดงว่าปีการศึกษา 2560 มีค่าเฉลี่ยพัฒนาสูงกว่าปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีค่าพัฒนา เท่ากับ +0.84 สอดคล้องตามสมมติฐาน

2. ผลการศึกษาคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 พบว่า

ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 3.86, S.D. = .12) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.87, S.D. = .11) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ครู มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.85, S.D. = .14) อยู่ในระดับมาก

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมมีคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62, S.D. = . 09) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.62, S.D. = .09) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ครูมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.61, S.D. = .11) อยู่ในระดับมากที่สุด แสดงว่า ปีการศึกษา 2560 มีค่าเฉลี่ยพัฒนาสูงกว่าปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีค่าพัฒนา เท่ากับ +0.76 สอดคล้องตามสมมติฐาน

3. ผลการศึกษาพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ โดยส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ ของครู โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 พบว่า

ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินความคิดเห็นต่อพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู อยู่ในระดับมาก ( = 3.63, S.D. = .28) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.64, S.D. = .25) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มนักเรียน ( = 3.62, S.D. = .25) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความคิดเห็นต่อพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.68, S.D. = .24) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.74, S.D. = .13) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มผู้ปกครอง ( = 4.63, S.D. = .24) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน แสดงว่าปีการศึกษา 2560 มีค่าเฉลี่ยพัฒนา สูงกว่าปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีค่าพัฒนา เท่ากับ +1.05 สอดคล้องตามสมมติฐาน

4. ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560 พบว่า

4.1 ผลสัมฤทธิ์ระดับสถานศึกษา

ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย GPA 2.92 เมื่อพิจารณาแยกเป็นระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) พบว่า ระดับระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) มีค่าคะแนนเฉลี่ย GPA 2.87 ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) มีค่าคะแนนเฉลี่ย GPA 2.97

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย GPA 2.98 เมื่อพิจารณาแยกเป็นระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) พบว่า ระดับระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) มีค่าคะแนนเฉลี่ย GPA 2.88 ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) มีค่าคะแนนเฉลี่ย GPA 3.08 แสดงให้เห็นว่า ปีการศึกษา 2560 มีค่าพัฒนาสูงกว่า ปีการศึกษา 2559 สอดคล้องตามสมมติฐาน

4.2 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา พบว่า

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2559 มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 39.00 ปีการศึกษา 2560 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 34.02 โดยภาพรวมค่าคะแนนเฉลี่ยลดลง – 4.98 เพื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีค่าพัฒนาสูงสุด เท่ากับ +1.44 นอกจากนั่นลดลงทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มีค่าเฉลี่ยลดลงน้อยที่สุด เท่ากับ -1.47 ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์มีค่าเฉลี่ยลดลง มากที่สุด เท่ากับ -3.41

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2559 มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 32.38 ปีการศึกษา 2560 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 31.42 โดยภาพรวมค่าคะแนนเฉลี่ยลดลง -0.95 เพื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างประเทศ มีค่าพัฒนาสูงสุด เท่ากับ +1.62 นอกนั้นค่าเฉลี่ยลดลงทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้โดยกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษามีค่าเฉลี่ยลดลงน้อยที่สุด เท่ากับ -0.65 ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ มีค่าเฉลี่ยลดลงมากที่สุด เท่ากับ-3.20 แสดงให้เห็นว่า หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560 มีค่าคะแนนเฉลี่ยลดลง ไม่เป็นไปตามสมมติฐาน

5. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีต่อการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ของนักเรียน โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2559-2560

ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก ( = 3.66, S.D. = .17) เมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจสูงสุด ( = 3.77, S.D. = .11) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ( = 3.70, S.D. = .17) อยู่ในระดับมาก ส่วนกลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.56, S.D. = .15) อยู่ในระดับมาก

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.76, S.D. = .18) และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจสูงสุด ( = 4.81, S.D. = .14) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ( = 4.75, S.D. = .45) อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนกลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.70, S.D. = .20) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าปีการศึกษา 2560 มีค่าเฉลี่ยพัฒนาสูงกว่าปีการศึกษา 2559 โดยมีค่าพัฒนา ภาพรวมเท่ากับ +1.10 สอดคล้องตามสมมติฐาน

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะเพื่อนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้

1. ข้อค้นพบที่เป็นจุดเด่นในการพัฒนา แหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนคือ ผู้บริหารสถานศึกษาจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนคุณภาพงานให้ประสบผลสำเร็จ ดังนั้นผู้บริหารจึง ควรศึกษาหลักการ แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และนโยบายการจัดการศึกษาและนำไปสู่การปฏิบัติตามบริบทของแต่ละสถานศึกษา

2. สถานศึกษาควรจัดทำแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะ การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียน โดยส่งเสริมให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ตามบริบทของสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม

3. สถานศึกษาควรชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อสร้างความตระหนักร่วมกัน กับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานถึงความจำเป็นและความสำคัญของการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียน มีการกำกับ ติดตาม และเสริมสร้างขวัญกำลังแก่บุคลากร หรือผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเมื่อปฏิบัติงานเกิดผลสำเร็จ หรือมีวิธีการปฏิบัติที่ดี (Good Practices / Best Practices)

ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป

1. ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนใน 3 เรื่อง ดังนี้

1.1 การส่งเสริมการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้

1.2 การส่งเสริมจิตสาธารณะของผู้เรียน

1.3 การเสริมสร้างความเป็นพลเมือง และพลโลกของผู้เรียน

2. ควรวิจัยและพัฒนา รูปแบบการบริหารสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามแนวทาง “ประชารัฐ ร่วมใจ” นำพาเด็กไทยสู่สากล

 

กิตติกรรมประกาศ

รายงานการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะ การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ปีการศึกษา 2559-2560 ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วย ความกรุณาของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความอนุเคราะห์ ช่วยเหลือ แนะนำ และให้คำปรึกษา ดังต่อไปนี้

ขอขอบคุณ ดร. สุรัตน์ ไชยชมพู อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยบูรพา ดร.สมศักดิ์ ทองเนียม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 ดร.สุรชาติ มานิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17 ดร.สุกิจ โพธิ์ศิริกุล ผู้อำนวยการวิทยฐานะเชี่ยวชาญโรงเรียนบ้านค่า ดร.ทวีสิทธิ์ อิสรเดช อดีตผู้อำนวยการวิทยฐานะเชี่ยวชาญ โรงเรียนวัดป่าประดู่ ที่ได้กรุณาเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือในครั้งนี้

ขอขอบคุณ ท่านที่ไม่ได้กล่าวนาม ที่กรุณาให้กำลังใจเพื่อเป็นแรงผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้รายงานมาโดยตลอด

คุณค่าประโยชน์ คุณงามความดีทั้งหลายที่ได้รับจากรายงานการวิจัยในครั้งนี้ ผู้รายงาน ขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทีแด่บิดา มารดา และบูรพาจารย์ที่ได้อบรมสั่งสอน รวมทั้งผู้มีพระคุณทุกท่าน ที่ให้ความรู้ ประสบการณ์ สติปัญญา เป็นเครื่องนำพาชีวิตเพื่อความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาประเทศชาติต่อไป

พรศักดิ์ ทิพย์วงษ์ทอง

โพสต์โดย ผอ.พรศักดิ์ : [25 เม.ย. 2561 เวลา 09:00 น.]
อ่าน [3223] ไอพี : 184.22.42.86
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 3,494 ครั้ง
ผัก ผลไม้… กับมะเร็ง
ผัก ผลไม้… กับมะเร็ง

เปิดอ่าน 11,654 ครั้ง
ผีเสื้อบอกให้รู้มลพิษในแหล่งน้ำ ไม่ต้องไปตรวจ วัดด้วยสารเคมี
ผีเสื้อบอกให้รู้มลพิษในแหล่งน้ำ ไม่ต้องไปตรวจ วัดด้วยสารเคมี

เปิดอ่าน 30,003 ครั้ง
ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด
ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด

เปิดอ่าน 12,418 ครั้ง
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร

เปิดอ่าน 22,009 ครั้ง
ผวาทั้งเอเชีย ข้าวพลาสติกเมดอินไชน่าระบาด กินแล้วอาจถึงตาย
ผวาทั้งเอเชีย ข้าวพลาสติกเมดอินไชน่าระบาด กินแล้วอาจถึงตาย

เปิดอ่าน 9,387 ครั้ง
ออกกำลังหนักช่วงสั้นๆ หนีโรคหัวใจได้ดีกว่าออกกำลังระยะยาว
ออกกำลังหนักช่วงสั้นๆ หนีโรคหัวใจได้ดีกว่าออกกำลังระยะยาว

เปิดอ่าน 8,486 ครั้ง
ผลวิจัยใหม่พบ "ไวไฟ" อันตรายต่อเด็กกว่าผู้ใหญ่
ผลวิจัยใหม่พบ "ไวไฟ" อันตรายต่อเด็กกว่าผู้ใหญ่

เปิดอ่าน 14,528 ครั้ง
อ้างพบธาตุหนักที่สุดมีเลขอะตอม 122
อ้างพบธาตุหนักที่สุดมีเลขอะตอม 122

เปิดอ่าน 18,886 ครั้ง
กินแก้โรค ข้าวสมุนไพรหลากสี
กินแก้โรค ข้าวสมุนไพรหลากสี

เปิดอ่าน 61,697 ครั้ง
ไอเดียทำธุรกิจแบบอินดี้ ทำก่อน รวยก่อน!
ไอเดียทำธุรกิจแบบอินดี้ ทำก่อน รวยก่อน!

เปิดอ่าน 15,359 ครั้ง
ปลุกสมองตื่นตัวด้วย
ปลุกสมองตื่นตัวด้วย 'มื้อเช้า'

เปิดอ่าน 9,193 ครั้ง
"ผลไม้ไทย" อาหารเพื่อสุขภาพและเภสัชโภชนภัณฑ์
"ผลไม้ไทย" อาหารเพื่อสุขภาพและเภสัชโภชนภัณฑ์

เปิดอ่าน 71,405 ครั้ง
พี่หมื่นจัดให้! เพลง บุพเพสันนิวาส English Version  by Tony Wathasilp (โทนี่ อังกฤษศิลป์)
พี่หมื่นจัดให้! เพลง บุพเพสันนิวาส English Version by Tony Wathasilp (โทนี่ อังกฤษศิลป์)

เปิดอ่าน 14,019 ครั้ง
พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

เปิดอ่าน 32,040 ครั้ง
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด

เปิดอ่าน 16,287 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยเปลือกมังคุดพบคุณค่าอื้อ ต้านอักเสบ รักษาเซลล์มะเร็ง
จุฬาฯวิจัยเปลือกมังคุดพบคุณค่าอื้อ ต้านอักเสบ รักษาเซลล์มะเร็ง
เปิดอ่าน 10,148 ครั้ง
ชายวัย 70 ปี เหยียบไข่ 108 ฟองไม่แตก
ชายวัย 70 ปี เหยียบไข่ 108 ฟองไม่แตก
เปิดอ่าน 112,153 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 12 การเล่นที่ผิดกติกาและประพฤติผิด
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 12 การเล่นที่ผิดกติกาและประพฤติผิด
เปิดอ่าน 12,329 ครั้ง
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
เปิดอ่าน 7,732 ครั้ง
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ