ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
นวัตกรรมแจกลูกสะกดคำ ย้ำอ่าน ย้ำเขียน ควบคู่สื่อทำมือ

นวัตกรรมแจกลูกสะกดคำ ย้ำอ่าน ย้ำเขียน ควบคู่สื่อทำมือ

1.ความสำคัญของนวัตกรรม

การจัดการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ฉบับที่ 3 พ.ศ.2553 ได้กำหนดจุดมุ่งหมายไว้ชัดเจน ในมาตรา 8 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัตนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ. 2561 : 5) ซึ่งลักษณะดังกล่าวนั้น ครอบคลุมการพัฒนาการของมนุษย์ทุกด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย สติปัญญา สังคมและอารมณ์ ซึ่งเป้าหมายการพัฒนารอบด้านนี้อาจใช้คำสื่อความสั้นๆ เพื่อให้ได้คนดี มีสติปัญญาและมีความสุข ซึ่งเป็นนิยามของการพัฒนาอย่างสมดุลรอบด้านนั้นเอง

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึก ในความเป็นพลเมืองไทย ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ้งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2561 : 5) จึงกำหนดให้ภาษาไทยอยู่ในกลุ่มทักษะที่เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ซึ่งมีจุดประสงค์จะให้นักเรียน เรียนภาษาไทยเพื่อเป็นเครื่องมือในการใช้ประโยชน์ต่างๆในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การติดต่อสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ความเพลิดเพลินและประกอบอาชีพ การเรียนการสอนภาษาไทยจึงมุ่งให้นักเรียนมีการพัฒนาการทางภาษาทั้งในด้านการฟัง การพูด การอ่านและการเขียนตามวัย เน้นความเข้าใจ รักการอ่าน แสวงหาความรู้และมีเหตุผล (กระทรวงศึกษาธิการ. 2561 : 12)

การเรียนการสอนภาษาไทยในปัจจุบันมิได้มุ่งหวังให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้เพียงอย่างเดียว หากมุ่งหวังให้นักเรียนนำความรู้ ความสามารถไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง สื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ และใช้เทคโนโลยีการสื่อสารได้เป็นอย่างดี รวมทั้งต้องรักษาภาษาไทยในฐานะที่เป็นสมบัติของชาติด้วย การจัดการเรียนการสอนภาษาไทย การแจกลูกสะกดคำเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับผู้เรียน หากครูไม่ได้สอนแจกลูกสะกดคำให้กับนักเรียนในระยะเริ่มเรียนการอ่าน นักเรียนจะขาดหลักเกณฑ์การประสมคำทำให้เมื่ออ่านหนังสือในระดับชั้นเรียนที่สูงจะสบสนอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือผิด ซึ่งเป็นปัญหามากของนักเรียนไทยในปัจจุบัน ผลจากการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ย่อมส่งผลกระทบต่อการเรียนวิชาอื่นๆ เพราะการอ่านเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การอ่านแบบแจกลูกสะกดคำจะช่วยให้นักเรียนประสมคำอ่านและสามารถอ่านหนังสือได้ด้วยตนเองการสอนแจกลูกสะกดคำควรสอนในช่วงที่นักเรียนยังอ่านหนังสือไม่แตกฉานประมาณช่วงชั้นที่ 1 (กระทรวงศึกษาธิการ. 2561 : 39)

แบบฝึกที่ทบทวนความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่นักเรียนได้เรียนมาแล้ว ทำให้เกิดทักษะและเกิดความรู้ความเข้าใจมากขึ้น การฝึกฝนให้เกิดความชำนาญในการอ่าน การเขียน จึงควรฝึกบ่อยๆ ครูควรหาแบบฝึกอย่างเพียงพอ ใช้สื่อที่หลากหลายและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จะเป็นการช่วยให้นักเรียนเกิดความสนใจและเข้าใจในบทเรียนมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้นักเรียนในชั้นเล็กๆ ได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินและสนุกสนาน จากการศึกษางานวิจัยที่ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนในเรื่อง การอ่านและการเขียนแจกลูกสะกดคำ พบว่า แบบฝึกทักษะเป็นสื่อการสอนที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนแจกลูกสะกดคำอาทิงานวิจัยของ ละมูล จันทร์แป้น(2553 : 5) ได้พัฒนาการอ่านและการเขียนแจกลูกสะกดคำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และงานวิจัยของ สติ เรืองสุวรรณ (2550 : 69-74) ที่ทำการศึกษาค้นคว้า เรื่อง ผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านการเขียนและการใช้คำที่มีสระเปลี่ยนรูปและลดรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และงานวิจัยของ อารียา พูนผล (2550 : 65-68) ที่ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำ สระลดรูป เปลี่ยนรูป วิชาภาษาไทยระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งผลการวิจัยทั้งสามเรื่องนี้ พบว่า สอดคล้องกัน คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

จากการประเมินความสามารถในการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโสมน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 ได้คะแนนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเฉลี่ยร้อยละ 75 ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ ร้อยละ 80 (รายงานการประเมินคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนบ้านโสมน. 2560 : 5) จากปัญหาดังกล่าวพบว่า นักเรียน เรียนไม่เข้าใจ อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ถูกต้อง เกิดความเบื่อหน่ายไม่ชอบการอ่านและเขียนหนังสือ ครูผู้สอนจึงได้สร้างแบบฝึกแจกลูกสะกดคำ ย้ำอ่าน ย้ำเขียน ควบคู่ สื่อทำมือขึ้น เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน ครูผู้สอนมีความสนใจที่จะพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การแจกลูกสะกดคำ ย้ำอ่าน ย้ำเขียน ควบคู่สื่อทำมือ เพื่อพัฒนาการอ่านการเขียนให้ถูกต้องและเกิดความแม่นยำในการใช้ภาษาไทยเป็นพื้นฐานในการติดต่อสื่อสารและถ่ายทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมต่อไป

2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน

2.1.วัตถุประสงค์เชิงปริมาณ

2.1.1 เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านแจกลูกสะกดคำ การเขียนคำพื้นฐานของนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโสมน จำนวน 10 คน

2.2.วัตถุประสงค์เชิงคุณภาพ

2.2.1 เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านแจกลูกสะกดคำ การเขียนคำพื้นฐานของนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโสมน ให้มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80

3. ขั้นตอนการดำเนินงาน

นวัตกรรมนวัตกรรมแจกลูกสะกดคำ ย้ำอ่าน ย้ำเขียน ควบคู่สื่อทำมือ ได้นำทฤษฎีของ

ธอร์นไดค์ (Thorndike) ซึ่งได้กล่าวว่าการเรียนรู้คือ การที่ผู้เรียนสามารถสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองและได้รับความพึงพอใจจะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างดีได้ดำเนินการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม กฎการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ (Thorndike) ที่สำคัญ 3 กฎ คือ

1. กฎแห่งความพร้อม หมายถึง ผู้เรียนมีความพร้อมทั้งทางกายใจมีการปรับตัวเตรียมพร้อม

มีความตั้งใจความสนใจ และมีทัศนคติอันจะก่อให้เกิดการกระทำขึ้นภาวะที่สมบูรณ์คือการมีวุฒิภาวะ ผู้สอนจะสอนต้องสำรวจและศึกษาความพร้อมของผู้เรียนเตรียมผู้เรียนให้พร้อมก่อนให้การศึกษาจัดบทเรียนสนองต่อความต้องการของผู้เรียน สอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน

จากกฎแห่งความพร้อม ผู้สอนได้เตรียมความพร้อมให้ผู้เรียน นำเข้าสู่บทเรียนได้แก่

ปริศนาคำทาย เกมบิงโก

2. กฎแห่งการฝึกหัด หลักการสำคัญของการฝึกมีดังนี้

2.1 การฝึกให้กระทำซ้ำสิ่งเดียวกันในสถานการณ์ที่ต่างกันการกระทำซ้ำซากในสิ่ง

เดียวกัน เหมือน ๆ กัน จะทำให้เกิดความเหนื่อยอ่อน รู้สึกขุ่นเคือง และอารมณ์เสีย ดังนั้นในการฝึกเรื่องใดเรื่องหนึ่งควรจะต้องทำแบบฝึกหลาย ๆ แบบ

2.2 ระยะเวลาของการฝึกขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน และสำหรับการฝึกงาน

ทักษะ การฝึกที่มีการพักสลับกันไป ผู้เรียนจะได้มีเวลาวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ผลกของการฝึกก่อนที่จะลงมือฝึกต่อไป ส่วนงานที่เป็นงานสร้างสรรค์ การฝึกติดต่อกันไปโดยไม่หยุดจะมีผลดีกว่า เพราะจะทำให้ความคิดต่อเนื่องกันไป

2.3 ทุกครั้งที่ผู้เรียนตอบสนองได้ถูกต้อง จะต้องให้รางวัล หรือให้สิ่งที่ทำความพอใจแก่

ผู้เรียน การฝึกจะมีผลสมบูรณ์หากผู้กระทำนั้นรู้วัตถุประสงค์และมองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งที่กระทำนั้นด้วย พร้อมทั้งมีความสนใจและตั้งใจอีกด้วยดังนั้นก่อนการฝึกจะต้องสร้างความอยากที่จะฝึกเพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกซ้ำ ๆ ฝึกหลายๆ ครั้ง หรือสามารถเรียนเกินขีด ได้โดยไม่เหนื่อยหน่าย

จากกฎแห่งการฝึกหัด ผู้สอนได้ดำเนินการตามกระบวน ดังนี้

1. ศึกษาเอกสารตำราที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์หลักสูตรเนื้อหาสาระการเรียนรู้ก่อนทำการสร้างแบบฝึกและสื่อทำมือ ตลอดจนให้ผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครูในโรงเรียนเป็นที่ปรึกษาช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบเพื่อหาจุดบกพร่องแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ได้แบบฝึกและสื่อทำมือที่มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบฝึกจะเรียนกิจกรรมจากง่ายไปยาก

(รูปภาพศึกษาเอกสาร)

2. ผลิตสื่อทำมือที่หลากหลายควบคู่ไปด้วยทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ มีความกระตือรือร้นสนุกสนานกับการเรียน ทำให้นักเรียนมีทักษะการอ่านและการเขียนแจกลูกสะกดคำได้ถูกต้องแม่นยำซึ่งส่งผลให้การเรียนของนักเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3.นักเรียนอ่านแบบฝึกทักษะและเรียนรู้จากสื่อทำมือ ซ้ำๆ หลายครั้ง จากแบบฝึกทักษะการเขียนสะกดคำ แบบฝึกอ่านคำคล้องจอง แบบฝึกอ่านคำสระต่างๆ แบบฝึกอ่านคำพื้นฐาน อ่านนิทาน

ซึ่งจะให้ผู้เรียนอ่านทุกวัน จนเกิดทักษะการอ่านและการเขียน

3. กฎแห่งผล ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้

3.1 คนจะเรียนได้ดี ถ้าผลตอบสนองของการเรียนนั้นทำให้ผู้เรียนพอใจ และคนเราจะ

เรียนเลวลงถ้าผลการเรียนนั้นทำให้ผู้เรียนรำคาญใจ รางวัลและความสำเร็จจะช่วยส่งเสริมการแสดงพฤติกรรมมากขึ้นและขจัดสิ่งรบกวนออกไปแต่การทำโทษและความล้มเหลวจะลดการกระทำนั้นลงถ้าจะให้เรียนรู้บางอย่าง จะต้องมีรางวัลให้เมื่อผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ต้องการ

3.2 ถ้าต้องการจะให้พฤติกรรมบางอย่างหายไป เมื่อผู้เรียนแสดงพฤติกรรมนั้นจะต้องมี

การทำโทษการเรียนรู้ขึ้นอยู่กับผลของพฤติกรรมถ้าแสดงพฤติกรรมแล้วนำมาซึ่งความพึงพอใจพฤติกรรมอันนั้นจะถูกเก็บไว้ แต่ถ้าทำแล้วนำมาซึ่งความไม่พึงพอใจ พฤติกรรมอันนั้นจะถูกขจัดทิ้งไป

จากกฎแห่งผล ผู้สอนได้สร้างแรงจูงใจด้วยการให้รางวัล ได้แก่ คำชมเชย ขนม อุปกรณ์การเรียนให้กับผู้ที่อ่านและเขียนได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลให้ผู้เรียนมีความสุขและอยากเรียน

4. ผลการดำเนินงาน/ประโยชน์ที่ได้รับ

จากการใช้แบบฝึกแจกลูกสะกดคำ ย้ำอ่าน ย้ำเขียน ควบคู่สื่อทำมือทำให้นักเรียนมีทักษะการอ่านและการเขียนแจกลูกสะกดคำได้ถูกต้องและแม่นยำขึ้น ส่งผลให้นักเรียนมีผลการเรียนที่สูงขึ้นและยังทำให้นักเรียนมีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน มีความกระตือรือร้นในการเรียน มีเจตคติที่ดีในเรื่องการอ่านการเขียน ส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน ดังนี้

1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโสมน จำนวน 10 คน อ่านแจกลูกสะกดคำ และเขียนคำพื้นฐาน ได้ทุกคน

2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโสมน อ่านแจกลูกสะกดคำ การเขียนคำพื้นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 85

5. ปัจจัยความสำเร็จ

การประสบผลสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมนั้นได้รับการสนับสนุนจากบุคคลดังนี้คือ

1. ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้รับคำแนะนำ และสนับสนุนงบประมาณจากผู้อำนวยการโรงเรียน ให้ขวัญและกำลังในในการสร้างนวัตกรรม

2. คณะครูโรงเรียนบ้านโสมน ได้สนับสนุนในการช่วยผลิตสื่อทำมือ ให้ข้อเสนอแนะจากประสบการณ์ในการสอนจากครูผู้สอนวิชาเอกภาษาไทย คณะครูโรงเรียนทุกคนให้คำปรึกษาช่วยวิเคราะห์ตรวจสอบและแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในการสร้างนวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพ

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านโสมน ช่วยน้องนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

ช่วยผลิตสื่อทำมือ ช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการฝึกอ่านฝึกเขียนแจกลูกสะกดคำ ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่กับน้อง

6. บทเรียนที่ได้รับ

6.1 การสอนการอ่านและการเขียนสะกดคบางครั้ง คำบางคำที่ยากเกินไปสำหรับเด็กที่เรียนช้า เรียนอ่อน ครูควรจะต้องปรับเวลาให้ฝึกอ่าน ฝึกเขียน มากกว่าปกติ และสอนอย่างช้าๆ และหากิจกรรมที่สนุกสนานเพื่อไม่ทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย ทำให้ผู้เรียนมีความสนใจที่จะเรียนมากขึ้น

6.2 ควรมีการฝึกทักษะการอ่านและการเขียนแจกลูกสะกดคำนอกเวลาด้วย เช่น เวลาพักกลางวันและให้ทำเป็นการบ้าน เพื่อให้นักเรียนมีทักษาการอ่านและการเขียนได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

7. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ

จากการสร้างนวัตกรรมแบบฝึกย้ำอ่าน ย้ำเขียน แจกลูกสะกดคำ ควบคู่สื่อทำมือและนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนการอ่านและการเขียนให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วได้นำไปเผยแพร่ในช่องทาง Internet ในเครือข่ายครู ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และนำนวัตกรรมไปใช้ฝึกทักษะการอ่าน การเขียนกับนักเรียนที่เรียนช้า เรียนอ่อน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

โพสต์โดย สุภาพร บุญสิงห์ : [10 ม.ค. 2562 เวลา 23:05 น.]
อ่าน [11271] ไอพี : 101.51.0.228
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 20,897 ครั้ง
เรื่องของไม้ขีดไฟ
เรื่องของไม้ขีดไฟ

เปิดอ่าน 11,555 ครั้ง
ทำไม ห้ามดื่มเหล้าแกล้มทุเรียน ???
ทำไม ห้ามดื่มเหล้าแกล้มทุเรียน ???

เปิดอ่าน 37,985 ครั้ง
รักษาฝ้าให้หายขาดได้หรือไม่? ครีมรักษาฝ้าให้หายขาดมีจริงไหม? เราหาคำตอบมาให้แล้ว!
รักษาฝ้าให้หายขาดได้หรือไม่? ครีมรักษาฝ้าให้หายขาดมีจริงไหม? เราหาคำตอบมาให้แล้ว!

เปิดอ่าน 18,498 ครั้ง
เตรียมตัวให้พร้อม...ผลไม้ไทย ทานอย่างไรให้ดีต่อตัวเอง
เตรียมตัวให้พร้อม...ผลไม้ไทย ทานอย่างไรให้ดีต่อตัวเอง

เปิดอ่าน 24,889 ครั้ง
แก๊สน้ำตา คืออะไร
แก๊สน้ำตา คืออะไร

เปิดอ่าน 783 ครั้ง
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38

เปิดอ่าน 10,410 ครั้ง
Facebook และ Twitter ใช้ยิ่งมาก...สุขภาพยิ่งดีกว่านะ
Facebook และ Twitter ใช้ยิ่งมาก...สุขภาพยิ่งดีกว่านะ

เปิดอ่าน 10,412 ครั้ง
กำจัดเซลลูไลท์ กำจัดผิวเปลือกส้ม
กำจัดเซลลูไลท์ กำจัดผิวเปลือกส้ม

เปิดอ่าน 584,310 ครั้ง
คำราชาศัพท์
คำราชาศัพท์

เปิดอ่าน 31,013 ครั้ง
เคยสังเกต โลโก้ 7-ELEVEn มั้ย..ทำไม n ถึงตัวเล็ก!!
เคยสังเกต โลโก้ 7-ELEVEn มั้ย..ทำไม n ถึงตัวเล็ก!!

เปิดอ่าน 15,699 ครั้ง
รู้ไหมว่า..น้ำพริกตาแดง...ต้านมะเร็งได้
รู้ไหมว่า..น้ำพริกตาแดง...ต้านมะเร็งได้

เปิดอ่าน 14,645 ครั้ง
30 ทริคออมเงิน ประหยัดรายจ่าย ปลดหนี้ก็ง่ายเว่อร์
30 ทริคออมเงิน ประหยัดรายจ่าย ปลดหนี้ก็ง่ายเว่อร์

เปิดอ่าน 49,425 ครั้ง
คุณค่าทางโภชนาการของ "หอยหวาน"
คุณค่าทางโภชนาการของ "หอยหวาน"

เปิดอ่าน 12,462 ครั้ง
ค้นพบโลกใบที่ 2 มีอุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวจนมากเกินไป
ค้นพบโลกใบที่ 2 มีอุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวจนมากเกินไป

เปิดอ่าน 9,872 ครั้ง
วันเด็กปีนี้ ไปเที่ยวไหนดี
วันเด็กปีนี้ ไปเที่ยวไหนดี

เปิดอ่าน 5,436 ครั้ง
PowerPoint ชี้แจงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาที่ 4 – มัธยมศึกษาที่ 6
PowerPoint ชี้แจงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาที่ 4 – มัธยมศึกษาที่ 6
เปิดอ่าน 14,699 ครั้ง
ทำไมราคายางจึงร่วงหล่น?
ทำไมราคายางจึงร่วงหล่น?
เปิดอ่าน 10,044 ครั้ง
เส้นทางสู่ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนของไทย ตอนที่ 1 เจรจา ทูตแห่งการค้าเสรี
เส้นทางสู่ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนของไทย ตอนที่ 1 เจรจา ทูตแห่งการค้าเสรี
เปิดอ่าน 8,486 ครั้ง
ผลวิจัยใหม่พบ "ไวไฟ" อันตรายต่อเด็กกว่าผู้ใหญ่
ผลวิจัยใหม่พบ "ไวไฟ" อันตรายต่อเด็กกว่าผู้ใหญ่
เปิดอ่าน 19,146 ครั้ง
คลิปการ์ตูน ก-ฮ แบบเอาฮา พล็อตเรื่องดี
คลิปการ์ตูน ก-ฮ แบบเอาฮา พล็อตเรื่องดี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ