ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม จากการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกของนักเรียนชั้นประถมศึกษ

ชื่อผู้วิจัย อรอนงค์ แก้วเกิด

ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม จากการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม จากการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) 2) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ บูรณาการแบบสอดแทรก ในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา)ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 3) ทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้ บูรณาการแบบสอดแทรก ในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) และ 4)ประเมินผลแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก ในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา)ใช้รูปแบบวิจัย R&D ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน

ขั้นตอน ที่ 1 การวิจัย (Research) : การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ที่นำมาบูรณาการแบบสอดแทรก แนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยในประเทศ งานวิจัยในต่างประเทศ ข้อมูลนักเรียน และการสนทนากลุ่มกับนักเรียน ครู และผู้ปกครอง 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ที่เคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตและสิ่งแวดล้อมมาแล้ว จำนวน 30 คน และ 3) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์ โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 5 คน

ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development) : การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ได้ดำเนินการ ดังนี้

1. ผู้วิจัยได้นำแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกที่สร้างขึ้น ไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน ตรวจสอบความถูกต้องเชิงเนื้อหา ใช้ดุลยพินิจเพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)และปรับปรุงตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

2. นำแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก ไปทดลองสอนกับกลุ่มทดลอง (แบบรายบุคคล, แบบกลุ่มเล็กและ แบบภาคสนาม) และปรับปรุงแก้ไข

3. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก ไปใช้เป็นเครื่องมือในการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่าง

ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย (Research) : การทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้

การดำเนินการในขั้นตอนนี้เป็นการนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ และปรับปรุงแก้ไขแล้วไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบหนึ่งกลุ่มสอบก่อนสอบหลัง(One Group Pretest and Posttest Design) ก่อนเรียน ทำการทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาระหว่างเรียนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก หลังเรียนทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา นำผลคะแนนที่ได้มาหาค่า T-Test และหลังจากนั้นประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก นำผลคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เพื่อหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ

ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development) : การประเมินผลและปรับปรุงการใช้แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก

การดำเนินการในขั้นตอนนี้เป็นการประเมินผลความคงทนของนักเรียน หลังจากเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก ผ่านไป 14 วัน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน ซึ่งเป็นนักเรียนทดลองในขั้นตอนที่ 3 ก่อนเรียนทำการทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาระหว่างเรียนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก หลังเรียนทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา นำผลคะแนนที่ได้มาหาค่า T-Test หลังจากนั้นประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคการใช้คำถาม นำผลคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เพื่อหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ

ผลการวิจัย พบว่า

1. ข้อมูลพื้นฐาน

1.1 ด้านหลักสูตร หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นหลักสูตรที่ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เป็นกลุ่มสาระที่มุ่งเน้นพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นวิชาที่ช่วยให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ เป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนานักเรียนให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ

1.2 ด้านนักเรียน นักเรียนไม่มีความพร้อมในการเตรียมอุปกรณ์การเรียน เบื่อหน่ายที่จะเรียน ทำให้นักเรียนไม่อยากจะเรียน ประกอบกับ นักเรียนไม่เข้าใจในวิชาที่เรียนมาตั้งแต่แรก จึงทำให้ไม่ชอบเรียน อีกทั้งนักเรียนส่วนใหญ่มีสภาพแวดล้อมของครอบครัวที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้รับการดูแลจากผู้ปกครองเท่าที่ควร จึงส่งผลทำให้นักเรียนไม่ค่อยอยากจะมาโรงเรียน มีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่ามาเข้าเรียน ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ

1.3 ด้านครูผู้สอน ครูเน้นการสอนเนื้อหาเป็นสำคัญ และใช้การบรรยายเป็น ส่วนใหญ่ ครูไม่เน้นกระบวนการให้นักเรียนปฏิบัติจริง ครูไม่เข้าใจวิธีการสอนแบบต่างๆ ครูต้องรับผิดชอบงานอื่นๆ จำนวนมาก จึงทำให้มีเวลาสำหรับเตรียมการสอนน้อยลง

1.4 จากทางสังคม อิทธิพลของโทรทัศน์ วิทยุ รวมถึงสภาพแวดล้อมของครอบครัว และชุมชนเป็นแหล่งสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตที่ผิด ทำให้เด็กไม่สนใจการเรียน เด็กเกิดการเอาอย่างการกระทำที่ผิดๆ

1.5 สภาพที่ตั้งของชุมชน และสภาพพื้นฐานครอบครัวของนักเรียนส่วนใหญ่ ด้อยโอกาส มีคุณภาพชีวิตที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร ส่งผลทำให้นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน ไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน

2. แผนการจัดการเรียนรู้ บูรณาการแบบสอดแทรก ในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) มีค่าประสิทธิภาพ 80.96/86.17 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80

3. ความสามารถในการแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ หลังการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก เรื่อง ชีวิตและสิ่งแวดล้อม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก เรื่อง ชีวิตและสิ่งแวดล้อม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านท่าตะเภา) โดยรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย แตงโม : [15 มี.ค. 2562 เวลา 20:22 น.]
อ่าน [2973] ไอพี : 119.76.124.74
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 34,768 ครั้ง
ย้อนอดีตสอนภาษาไทย : แจกลูก-สะกดคำ
ย้อนอดีตสอนภาษาไทย : แจกลูก-สะกดคำ

เปิดอ่าน 14,403 ครั้ง
"เมียนมาร์" "เบอร์มา" ชื่อนั้นสำคัญไฉน
"เมียนมาร์" "เบอร์มา" ชื่อนั้นสำคัญไฉน

เปิดอ่าน 1,821 ครั้ง
เว็บไซต์หางาน กับ บริษัทจัดหางาน ครูต่างชาติ
เว็บไซต์หางาน กับ บริษัทจัดหางาน ครูต่างชาติ

เปิดอ่าน 10,549 ครั้ง
วิธีแก้แบตเตอรี่ iPhone-iPad บนiOS 5.1.1 ให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
วิธีแก้แบตเตอรี่ iPhone-iPad บนiOS 5.1.1 ให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ

เปิดอ่าน 455 ครั้ง
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ

เปิดอ่าน 23,534 ครั้ง
“อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น”
“อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น”

เปิดอ่าน 25,737 ครั้ง
พายุสุริยะ คืออะไร
พายุสุริยะ คืออะไร

เปิดอ่าน 13,482 ครั้ง
ดูแลสุขภาพแบบไทย
ดูแลสุขภาพแบบไทย

เปิดอ่าน 15,855 ครั้ง
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

เปิดอ่าน 15,649 ครั้ง
วันตรุษจีน 2558 กับ 7 คำถามยอดฮิตที่คนอยากรู้
วันตรุษจีน 2558 กับ 7 คำถามยอดฮิตที่คนอยากรู้

เปิดอ่าน 11,840 ครั้ง
ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ใช้งานได้ฟรี ! คลิกที่นี่
ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ใช้งานได้ฟรี ! คลิกที่นี่

เปิดอ่าน 11,436 ครั้ง
กระบวนท่าแก้ปวดหลัง
กระบวนท่าแก้ปวดหลัง

เปิดอ่าน 11,976 ครั้ง
เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของสาวเอเชีย
เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของสาวเอเชีย

เปิดอ่าน 14,243 ครั้ง
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 20,769 ครั้ง
ทำไมจึงเรียกขนมจีน
ทำไมจึงเรียกขนมจีน

เปิดอ่าน 27,122 ครั้ง
วิวัฒนาการของ "บัตรประจำตัวประชาชน"
วิวัฒนาการของ "บัตรประจำตัวประชาชน"
เปิดอ่าน 12,134 ครั้ง
ถอดรหัส “วิทยาการคำนวณ” วิชาแห่งโลกอนาคตที่ครูวันนี้ก็ไม่เคยได้เรียน!
ถอดรหัส “วิทยาการคำนวณ” วิชาแห่งโลกอนาคตที่ครูวันนี้ก็ไม่เคยได้เรียน!
เปิดอ่าน 13,360 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
เปิดอ่าน 12,029 ครั้ง
กลิ่นหอมหวาน ช่วยให้ทนความเจ็บปวด
กลิ่นหอมหวาน ช่วยให้ทนความเจ็บปวด
เปิดอ่าน 15,249 ครั้ง
คีเลชั่น (Chelation) คืออะไร
คีเลชั่น (Chelation) คืออะไร

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ