ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
โรงเรียนวัดคลองโคน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสมุทรสงคราม
ชื่อผู้ประเมิน นางสาวปุณฑริกา นิลพัฒน์
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
รายงานการประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียน วัดคลองโคน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม ปีการศึกษา 2561 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินด้านบริบท (Context Evaluation) ประเมินด้านปัจจัยนำเข้า(Input Evaluation) ด้านกระบวนการดำเนินงาน (Process Evaluation)ด้านผลผลิต(Product Evaluation) ของโครงการโดยใช้รูปแบบการประเมิน CIPP ของดีแอลสตัฟเฟิลบีม และคณะ(D.L.Stufflebeam andOthers,1971:216-265)มาเป็นรูปแบบในการประเมิน ประชากรที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนวัดคลองโคน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม รวมทั้งสิ้นจำนวน 136 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการ ประกอบด้วย แบบสอบถาม จำนวน 5 ฉบับดังนี้ 1) ประเมินด้านบริบท มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 2) ประเมินด้านปัจจัยนำเข้า มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 3) ประเมินด้านกระบวนการดำเนินงาน มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.90 4) ประเมินด้านผลผลิต มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86 และ 5) ประเมินความพึงพอใจ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.90 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลเป็นแบบประเมินโครงการแบบมาตราส่วนประมาณค่า วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมินพบว่า
1.ด้านบริบทของโครงการ (Context evaluation) พบว่า ระดับความสอดคล้อง ภาพรวม อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาในรายข้อ โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามลำดับ ได้แก่ ความสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีระดับความสอดคล้องมากที่สุด รองลงมาคือ ความสอดคล้องของโครงการกับวิสัยทัศน์ และนโยบายของโรงเรียน ระดับความสอดคล้องมากที่สุด และความสอดคล้องกับปัญหาและความจำเป็น มีระดับความสอดคล้องมาก ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ความสอดคล้องของโครงการกับความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีระดับความสอดคล้องมาก
2. ด้านปัจจัยนำเข้า (Input evaluation) พบว่า ระดับความเหมาะสม/พอเพียง ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามลำดับได้แก่ ความเหมาะสมของรูปแบบการจัดกิจกรรม มีระดับความเหมาะสม/พอเพียงมากที่สุด รองลงมาคือ ความพร้อมของบุคลากร มีระดับความเหมาะสม/พอเพียงมากที่สุด และความพอเพียงของทรัพยากร วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ มีระดับความเหมาะสม/พอเพียงมาก ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ความพอเพียงของงบประมาณ มีระดับความเหมาะสม/พอเพียงมาก
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการ (Process evaluation) พบว่า กระบวนการดำเนินงาน มีระดับการปฏิบัติ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในรายด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ย จากมากไปหาน้อยตามลำดับได้แก่ การปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานและรายงานผล มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ การดำเนินกิจกรรมตามแผน มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมากและกระบวนการวางแผนกำหนดงาน/ปฏิทินปฏิบัติงาน ผล มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ การกำกับนิเทศติดตามประเมินผลกิจกรรมผล มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก
4. ผลการประเมินด้านผลผลิต (Product evaluation) พบว่า ด้านผลผลิตของโครงการ ระดับความคิดเห็น ภาพรวมพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงค่าเฉลี่ย จากมากไปหาน้อยตามลำดับ ได้แก่ ด้านพฤติกรรมทางการเรียนรู้ของนักเรียน ระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน ระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด และ ด้านเครือข่ายทางวิชาการในสถานศึกษา ระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด
5. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บริหาร คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียนที่มีต่อการดำเนินโครงการ มีระดับความพึงพอใจ ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามลำดับ นักเรียนเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ร้อยละ 100 มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด รองลงมาคือ กิจกรรมยกระดับผลสัมฤทธิ์ในโครงการส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ มีระดับความ พึงพอใจมากที่สุด และนักเรียนมีผลการประเมินระดับชาติ NT และ O-NETสูงขึ้นกว่าปีการศึกษาที่ผ่านมา มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด กิจกรรมยกระดับผลสัมฤทธิ์ในโครงการ ส่งเสริมให้นักเรียนสนุกกับการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น มีระดับความพึงพอใจมาก