ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ช

ผู้รายงาน นางสาวมุกดา แสงสว่าง

ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 2) เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ดำเนินการโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนาซึ่งแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษา วิเคราะห์ และ สังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน โดยรูปแบบที่พัฒนาขึ้นมี 4 องค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนการสอน และการประเมินผลการเรียนการสอน ระยะที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ดำเนินการจัดทำโดยยก (ร่าง) รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3 จัดทำเอกสารคู่มือประกอบการใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ จำนวน 8 แผน รวม 30 ชั่วโมง และดำเนินการตรวจสอบคุณภาพของแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้และเอกสารประกอบแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน หลังจากนั้น ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษานำร่อง ทดลองใช้กับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1(บ้านโพธิ์กลาง) อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คน เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ในการรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรค ระหว่างการทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แล้วนำข้อมูลมาปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการสอนให้ดียิ่งขึ้น แล้วนำไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน พิจารณาความเหมาะสม ระยะที่ 3 การนำรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้ เป็นขั้นตอนการนำรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ไปใช้ปฏิบัติจริงในสถานศึกษาโดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง กับเด็กกลุ่มตัวอย่าง เด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 36 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ระยะที่ 4 การประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยการวัดเจตคติของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ประเมินและรับรองรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน แล้วนำข้อมูลมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อจัดทำเป็นรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ฉบับสมบูรณ์ สถิติที่ใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test แบบ Dependent Samples

สรุปผลการวิจัย ได้ดังนี้

1. สภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 พบว่า สภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนการสอน สำหรับการออกแบบร่างรูปแบบการจัดประสบการณ์ ได้มาจากการศึกษาและวิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 รวมถึงรายงานผลการประเมินคุณภาพสถานศึกษาภายในของโรงเรียนในด้านคุณภาพผู้เรียน สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ การสนทนากลุ่ม จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ครูสอนระดับชั้นปฐมวัยโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร พบว่าการการจัดกิจประสบการณ์ที่ส่งเสริมความสามารถทางการเรียนคณิตศาสตร์ และทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์มีความจำเป็นสำหรับเด็ก

2. รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 จัดสร้างตามแนวคิดของ Anderson ( 1999) Arend (1999) Gerlach and ELy (1971) Joyce and Weil (2004) Kibler (1974) ประกอบด้วย 1) หลักการหรือทฤษฎีพื้นฐาน 2) วัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนการสอน 3) กระบวนการจัดการเรียนการสอน 4) การประเมินผลการเรียนการสอน และมีขั้นตอนการการสอนตามรูปแบบ มีชื่อว่า EPARA แบ่งเป็น 5 ขั้น 1) ขั้นเร้าความสนใจ (Engagement) ขั้น 2) ขั้นวางแผน (Plan) ขั้น 3) ขั้นปฏิบัติกิจกรรม (Active learning) ขั้น 4) ขั้นทบทวน (Review) และขั้น 5) ขั้นประยุกต์ใช้และประเมินผล (Application and Assessment) ผลการสอบถามความเหมาะสมรูปแบบการสอนโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่ารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71 , S.D. = 0.49)

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 พบว่า เด็กมีคะแนนความสามารถทางการเรียนคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 และเด็กมีคะแนนเฉลี่ยทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. เจตคติของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.61 , S.D.=0.58) และผลการสอบถามเพื่อรับรองรูปแบบการจัดการเรียนการสอนจากผู้ทรงคุณวุฒิพบว่ารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ EPARA โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71, S.D.=0.49)

โพสต์โดย ตุ๊กติ๊ก : [31 มี.ค. 2563 เวลา 14:49 น.]
อ่าน [3644] ไอพี : 171.96.158.66
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,911 ครั้ง
"ว่านธรณีสาร" คืออะไร มีประโยชน์ตามความเชื่ออย่างไร?
"ว่านธรณีสาร" คืออะไร มีประโยชน์ตามความเชื่ออย่างไร?

เปิดอ่าน 15,110 ครั้ง
มาทำความรู้จักกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนากันเถอะ
มาทำความรู้จักกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนากันเถอะ

เปิดอ่าน 15,188 ครั้ง
7 เคล็ดลับ รักษามือให้น่าหลงใหล
7 เคล็ดลับ รักษามือให้น่าหลงใหล

เปิดอ่าน 56,895 ครั้ง
12 ต้นไม้บนโต๊ะทำงานยอดนิยม ประดับไว้ให้สดชื่น
12 ต้นไม้บนโต๊ะทำงานยอดนิยม ประดับไว้ให้สดชื่น

เปิดอ่าน 10,910 ครั้ง
คลิปเรื่องเด่นเย็นนี้ กับความเป็นจริงเรื่อง การถอดวิชานาฏศิลป์ ?
คลิปเรื่องเด่นเย็นนี้ กับความเป็นจริงเรื่อง การถอดวิชานาฏศิลป์ ?

เปิดอ่าน 29,133 ครั้ง
"เห็ดเผาะ" คืออะไร คุณรู้จักไหม?
"เห็ดเผาะ" คืออะไร คุณรู้จักไหม?

เปิดอ่าน 16,981 ครั้ง
หลัก4อ. ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
หลัก4อ. ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

เปิดอ่าน 26,991 ครั้ง
องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
องค์ประกอบของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 38,672 ครั้ง
ปากเหี่ยวเป็นรอยย่น แก้ไขอย่างไรดีนะ
ปากเหี่ยวเป็นรอยย่น แก้ไขอย่างไรดีนะ

เปิดอ่าน 18,191 ครั้ง
เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุงเทพฯ
เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุงเทพฯ

เปิดอ่าน 10,778 ครั้ง
ส่งท้ายปีเก่า 2553
ส่งท้ายปีเก่า 2553

เปิดอ่าน 9,574 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไทย พายเรือในอ่าง (จบ)
ปฏิรูปการศึกษาไทย พายเรือในอ่าง (จบ)

เปิดอ่าน 23,811 ครั้ง
ลายมือแบบไหนคือ "ลายมือเสน่ห์นิยม"
ลายมือแบบไหนคือ "ลายมือเสน่ห์นิยม"

เปิดอ่าน 13,900 ครั้ง
9 สัญญาณเตือนภัย! ถึงเวลาต้องลดความอ้วนแล้ว
9 สัญญาณเตือนภัย! ถึงเวลาต้องลดความอ้วนแล้ว

เปิดอ่าน 6,967 ครั้ง
แนวทางการแก้ปัญหาผลกระทบภาวะถดถอยทางการเรียน ด้านการอ่านการเขียนภาษาไทย
แนวทางการแก้ปัญหาผลกระทบภาวะถดถอยทางการเรียน ด้านการอ่านการเขียนภาษาไทย

เปิดอ่าน 17,347 ครั้ง
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เปิดอ่าน 9,425 ครั้ง
ชาอู่เว่ยจื่อ ป้องกันความจำเสื่อม
ชาอู่เว่ยจื่อ ป้องกันความจำเสื่อม
เปิดอ่าน 12,419 ครั้ง
วิธีถ่ายภาพแบบมโน เสมือนตัวเองไปเที่ยวมา
วิธีถ่ายภาพแบบมโน เสมือนตัวเองไปเที่ยวมา
เปิดอ่าน 21,785 ครั้ง
สมจิตร จงจอหอ
สมจิตร จงจอหอ
เปิดอ่าน 16,684 ครั้ง
คำค้นยอดนิยม กูเกิล-ยาฮู ประจำปี 2551
คำค้นยอดนิยม กูเกิล-ยาฮู ประจำปี 2551

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ