บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะ เรื่อง การหาร กลุ่มสารการเรียนรู้คณิตศาสตร์ประกอบการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปะกาลือสง ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการพัฒนาทักษะการหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนบ้านปะกาลือสง ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะ เรื่องการหารกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 3)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปะกาลือสง
กลุ่มประชากรในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปะกาลือสง จังหวัดปัตตานี ปีการศึกษา 2562 จำนวน 13 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เนื่องจากผู้ศึกษาเป็นครูผู้สอนประจำกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระยะเวลาที่ใช้ 22 ชั่วโมง มีแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 22 แผน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ จำนวน 5 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดปรนัยแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ ผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าความยาก (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) ค่าความเชื่อมั่น (KR-20) และการหาค่าที (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการหาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 พบว่า ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.07/82.89 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เมื่อนำมาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์มาทดลองใช้กักลุ่มเป้าหมายพบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.77/81.79 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการใช้ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การหาร พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีความก้าวหน้าร้อยละ 37.69 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
3. ผลความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการหาร ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 3 พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.46,σ = 0.51) ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์
ที่ตั้งไว้