มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร - พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดและบรรยายพิเศษในการประชุม มศว วิชาการ เรื่อง "การผลิตครูเพื่อปฏิรูปการเรียนรู้สู่อนาคตการศึกษาไทย" เมื่อวันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2559 ณ หอดนตรีและศิลปะการแสดง อาคารนวัตกรรมฯ ชั้น 4 โดยมี มล.ปริยดา ดิศกุล ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รศ.ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และประธานคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาขั้นพื้นฐานในคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ, ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานคนที่ 1 คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา และประธานคณะอนุกรรมาธิการการอุดมศึกษา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ, ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ, ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ตลอดจนนักวิชาการ อาจารย์ และนักศึกษา เข้าร่วมประชุม
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การประชุม มศว วิชาการในครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้มีโอกาสมาบอกกล่าวและถ่ายทอดถึงนโยบายและแนวทางการดำเนินนโยบายด้านการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาการศึกษาไทย ซึ่งประกอบด้วยปัญหาหลัก 6 ด้าน ดังนี้
1 - การผลิตและพัฒนาครู
ปัจจุบันครูมีภาระงานมาก ครูสอนไม่ครบชั้น รวมทั้งสัดส่วนครูในโรงเรียนไม่เหมาะสม โดยเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/มัธยมศึกษา ที่มีครูขาดและครูเกิน ยกตัวอย่างเช่น ในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนต่ำกว่า 120 คน มีจำนวนห้องเรียน 120,632 ห้อง แต่มีครู 84,941 คน ทำให้ขาดครูประจำชั้นในโรงเรียนขนาดเล็ก 35,691 คน ส่วนโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 121 คนขึ้นไป มีจำนวนห้องเรียน 224,067 ห้อง มีครู 314,858 คน ทำให้ครูเกินห้องเรียน 90,791 คน ซึ่งจำนวนของครูที่เกินส่วนมากจะเป็นครูในโรงเรียนใหญ่ เช่น โรงเรียนประจำจังหวัด เป็นต้น นอกจากนี้ แต่ละจังหวัดจะมีอัตราการขาดเกินของครู รวมทั้งพนักงานราชการ และครูอัตราจ้าง ที่แตกต่างกัน
สำหรับปัญหาครูสอนไม่ตรงสาขาวิชาที่จบการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมัธยมศึกษาซึ่งเป็นประเด็นสำคัญมาก เนื่องจากครูในระดับมัธยมศึกษาต้องมีความรู้เฉพาะทางในวิชานั้น ๆ เพื่อสอนให้เด็กมีความรู้และนำไปสอบเข้าศึกษาต่อได้
นอกจากนี้ พบว่าเด็กไทยมีจำนวนชั่วโมงเรียนมากกว่าเด็กในประเทศอื่น แต่มีผลคะแนนเฉลี่ยการสอบ PISA (Programme for International Student Assessment) อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ซึ่งการสอบ PISA จะวัดความสามารถ 3 ด้าน คือ การประเมินความรู้เรื่องการอ่าน, คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ตามแนวทาง PISA รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการจึงมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กอ่านออกเขียนได้และมีความแตกฉานในภาษาไทย เพราะการเข้าใจภาษาไทยอย่างถ่องแท้จะช่วยให้เด็กเชื่อมโยงความรู้และเนื้อหาที่เรียนในวิชาต่าง ๆ ได้
ในส่วนของปัญหาเรื่องมาตรฐานภาษาอังกฤษ พบว่าผลการจัดอันดับความรู้ภาษาอังกฤษของไทยอยู่อันดับ 5 จาก 10 ประเทศอาเซียน และหากจัดอันดับทักษะความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 5 กลุ่ม ไทยอยู่กลุ่มที่ 5 (ทักษะความสามารถระดับต่ำมาก) อีกทั้งประชากรของไทยมีอัตราเข้าเรียนระดับประถมศึกษาอยู่ที่ร้อยละ 96 ซึ่งเด็กอีกร้อยละ 4 ที่ไม่เข้าเรียนต้องมีระบบติดตามและหาให้พบว่าเด็กออกนอกระบบการศึกษาได้อย่างไร
จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น กระทรวงศึกษาธิการจึงได้นำมาวางแผนและกำหนด 11 ยุทธศาสตร์ในการผลิตและพัฒนาครู โดยวางเป้าหมายการแก้ปัญหาภายใน 5 ปี ดังนี้
2 - หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้
พบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ เนื้อหาไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลง การเรียนภาษาอังกฤษขาดมาตรฐาน เป็นต้น กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนด 7 ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ดังนี้
3 - ICT เพื่อการศึกษา
ปัจจุบันพบว่าเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาขาดความเสถียร ไม่ทันสมัย และไม่ทั่วถึง จึงต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 โดยองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการต้องบูรณาการระบบสารสนเทศให้เชื่อมฐานข้อมูลและแบ่งปันกันได้ รวมทั้งสร้างฐานข้อมูลกลางและระบบจัดการองค์ความรู้ด้วย
4 - การประเมินและการพัฒนามาตรฐานการศึกษา
ในด้านการประเมินและการพัฒนามาตรฐานการศึกษา มีหลายปัญหาที่พบ คือ การประเมินครู การประเมินสถานศึกษา การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ดังนั้นจะเน้นการแก้ปัญหาไปที่การจัดระบบการทดสอบ การประเมิน การประกันคุณภาพ และการพัฒนามาตรฐานการศึกษาให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 กล่าวคือ จะปรับระบบการสอบ การวัดมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับและสะท้อนถึงคุณภาพ พร้อมทั้งจัดทำ Test Blueprint เพื่อแก้ปัญหาการออกข้อสอบไม่ตรงกับที่โรงเรียนสอน และจัดทำ Item Card เพื่อระบุได้ว่าคำตอบที่ถูกของข้อนี้คือตัวเลือกใด และตัวเลือกอื่นผิดเพราะอะไร ตลอดจนให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือกผู้ที่ทำหน้าที่ออกข้อสอบและผู้ตรวจข้อสอบ
5 - การผลิต พัฒนากำลังคนและงานวิจัย
พบปัญหา อาทิ ขาดกำลังแรงงานสายวิชาชีพการผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของประเทศ งานวิจัยไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง เป็นต้น โดยจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 10 ปี ซึ่งจะมีโครงการสนับสนุนการแก้ปัญหา เช่น ทวิภาคีซึ่งเป็นโครงการที่สถาบันอาชีวศึกษาส่งนักเรียนนักศึกษาเข้าฝึกประสบการณ์ระยะสั้นในสถานประกอบการกว่า 13,000 แห่ง, ทวิศึกษา คือ การเรียนสายสามัญควบคู่กับสายอาชีพ
รวมทั้งได้มีความร่วมมือกับคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) คณะกรรมการสานพลังประชารัฐด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ โดยการจัดทำฐานข้อมูล Demand and Supply Side ให้มีความทันสมัยภายใน 1 ปี และ 2) คณะกรรมการสานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
6 - การบริหารจัดการ
พบปัญหาหลายด้าน อาทิ ขาดการบูรณาการ การกำกับดูแลขาดประสิทธิภาพ ระบบงบประมาณที่ไม่สอดคล้องต่อการดำเนินงาน เป็นต้น จึงได้กำหนดวิธีการแก้ปัญหาการบริหารจัดการ ทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเน้นการประสานร่วมกันกับทุกฝ่าย เช่น ปัญหาเด็กไม่เข้าสู่ระบบการศึกษาและเด็กตกหล่น ทุกหน่วยงานต้องบริการจัดการข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้ทราบถึงจำนวนของเด็กที่แท้จริง และนำไปสู่การดำเนินการแก้ไขปัญหา เป็นต้น
หรือตัวอย่างการจัดทำระบบเพื่อบูรณาการปัญหาเด็กออกกลางคันและเด็กตกหล่น จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน อีกทั้งการดำเนินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ตลอดจนดูแลเด็กพิเศษและเด็กด้อยโอกาส ซึ่งพบว่าครูที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กพิเศษยังขาดทักษะในการดูแลเด็กอยู่มาก โดยจะต้องทำให้เด็กเหล่านี้อยู่ในสังคมเหมือนคนปกติทั่วไปได้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า การศึกษาไทยยังประสบปัญหาเรื่องความแตกต่างของยุคสมัย กล่าวคือ ห้องเรียนบางแห่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และการผลิตครูมาจากหลักสูตรที่ใช้สำหรับการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 20 และมีลักษณะเป็น Immigrant Digital แต่นักเรียนต้องมีทักษะการทำงานและการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 และเป็น Native Digital
จากปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น การนำเสนอนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจและเห็นแนวทางที่จะสามารถนำนโยบายดังกล่าวไปคิดและดำเนินการต่อได้ เนื่องจากในปัจจุบันสังคมมองว่าการศึกษาไทยอยู่ในช่วงวิกฤต คนในสังคมและองค์กรการศึกษาต้องเข้าใจในวิกฤตร่วมกัน จึงจะสามารถร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤตด้านการศึกษาดังกล่าวให้เป็นแนวทางเดียวกันได้
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป / รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี: ถ่าย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย คลิกที่นี่
ขอบคุณที่มาภาพและเนื้อหาจาก กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 29 กรกฎาคม 2559
โพสต์เมื่อ 29 ก.ค. 2559 อ่าน 11469 | 0 ความเห็น
·····
·····
จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)