ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผลการประชุมมอบนโยบาย ผอ.สพท.ทั่วประเทศที่ จ.ภูเก็ต


ข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ 8 ก.ย. 2558 เวลา 09:48 น. เปิดอ่าน : 11,545 ครั้ง
ผลการประชุมมอบนโยบาย ผอ.สพท.ทั่วประเทศที่ จ.ภูเก็ต

Advertisement

พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมและมอบนโยบายการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั่วประเทศ ครั้งที่ 5/2558 เมื่อวันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2558 ที่โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยมีนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลเอก สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ รองเลขาธิการ กพฐ. และ ดร.สุเทพ ชิตยวงศ์ รองเลขาธิการ กพฐ. ให้การต้อนรับ และมีผู้อำนวยการ/รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วมประชุมจำนวน 400 คน ซึ่งมีสาระสำคัญสรุป ดังนี้

 

ผอ.สพท.เป็นพลังสำคัญต่อความสำเร็จการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่ได้ประกาศนโยบายผ่านการประชุมทางไกลไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ และได้มอบการบ้านให้ สพฐ.ขับเคลื่อนการจัดการศึกษาในพื้นที่หลายประการนั้น ขณะนี้ได้รับสรุปรายงานการดำเนินงานแล้ว และเชื่อว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของกระทรวงศึกษาธิการขึ้นอยู่กับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทุกคน ซึ่งเป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการบริหารและขับเคลื่อนการศึกษาในพื้นที่ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเข้าใจต่อนโยบายและแนวทางการปฏิบัติในทุกเรื่อง เพื่อให้สามารถนำไปขับเคลื่อนได้อย่างถูกทิศทาง ก่อให้เกิดการนำไปสู่การปฏิบัติมากขึ้น ซึ่งความเข้าใจในนโยบายนี้เอง จะก่อให้เกิดทัศนคติที่จะมีเป็นตัวฉุดหรือตัวดึงการเปลี่ยนแปลงประเทศและระบบการศึกษาไทย

ย้ำนโยบายสำคัญ ศธ. : จัดการศึกษาให้ครู-ผู้ปกครอง-นักเรียน มีความสุข

ขอให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการอย่างถ่องแท้ ทั้งนโยบายภาพรวมและนโยบายการจัดการศึกษาใน 26 เรื่อง โดยเฉพาะเป้าหมายการจัดการศึกษา ที่ต้องการจะจัดการศึกษาให้นักเรียนมีความสุข จัดการศึกษาให้ครูมีความสุข และจัดการศึกษาให้ผู้ปกครองมีความสุข โดยมีความสอดคล้องกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวคือ เด็กรักครู ครูรักเด็ก เด็กรู้จักความสามัคคี

เมื่อได้เข้ามาทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ ทุกคนเป็นเสมือนลูกน้องที่ตนจะต้องให้การดูแลและช่วยเหลือในทุกด้าน ไม่เฉพาะเรื่องหนี้สินอย่างเดียว โดยเฉพาะข้าราชการหรือครูผู้น้อยจะช่วยเหลือให้สามารถทำงานได้อย่างปกติสุข ส่วนเรื่องหนี้สิน จะต้องพิจารณาถึงสาเหตุก่อนการให้ความช่วยเหลือ และต้องยอมรับว่าบางครั้งเป็นเรื่องของการสมยอม การไม่มีวินัยในการใช้จ่าย แต่ในกรณีที่ครูไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้ แล้วทำให้เป็นหนี้เป็นสิน ก็จะต้องให้ดูแลช่วยเหลือเป็นรายๆ ไป

เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”

ในการขับแคลื่อนนโยบายดังกล่าว ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องถ่ายทอดนโยบายและแนวทางไปยังผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรในโรงเรียนในสังกัดอย่างถูกต้องและทั่วถึง และในการสัมมนาครั้งนี้ ก็จะขอรับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายนี้จากทุกคนด้วย โดยแยกตามกลุ่มโรงเรียนและลักษณะของพื้นที่ อาทิ โรงเรียนชายขอบ ในเมือง พื้นที่สูง เพราะต้องการทำงานแบบคลี่ปัญหาและลงในรายละเอียดของปัญหา เพื่อจะได้ตัดเสื้อให้พอดีตัว จะไม่มีการตัดเสื้อไซส์เดียว แล้วใส่เหมือนกันทั้งหมด

ซึ่งขณะนี้ สพฐ.กำลังพิจารณารูปแบบกิจกรรมเพื่อเป็นแนวทางให้โรงเรียนนำไปจัดกิจกรรม คาดว่าจะแล้วเสร็จและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้

ฝากภารกิจที่จะดำเนินการตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

ระหว่างนี้ จึงขอฝากให้ผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาช่วยกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับภารกิจหลักและกิจแฝงที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายในประเด็นต่างๆ ดังนี้

- การสอนเสริมในจำนวนชั่วโมงที่ลดลง เช่น ในระดับประถมศึกษาลดลง 160 ชม. จะต้องมีการเรียนชดเชยหรือไม่ ตลอดจนเวลาเรียนที่ลดลงจะส่งผลต่อการสอบของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อต้องไปสอบแข่งขันกับนักเรียนในโรงเรียนที่ไม่ได้เข้าโครงการหรือไม่ ขอให้ สพฐ.ศึกษาและจัดเตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้ให้ชัดเจน เพราะเหล่านี้เป็นข้อคำถามของผู้ปกครองทั้งประเทศ

- กิจกรรมเสริมทักษะหรือเมนูกิจกรรมในช่วงบ่ายมีอะไรบ้าง ซึ่งรูปแบบกิจกรรมต้องมาจากหลักคิดที่มีตรรกะ เป็นเหตุเป็นผล ลงในรายละเอียดของนักเรียนในแต่ละวัย แต่ละระดับ และวุฒิภาวะของเด็ก ทั้งระดับประถมศึกษาตอนต้น ประถมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาตอนต้น และมีการจัดแบ่งกลุ่มเสริมทักษะในแต่ละด้านด้วย กล่าวคือ จะต้องเป็นเมนูนี้ที่พร้อมนำไปใช้ หรือพร้อมกิน พร้อมใช้ และอาจมีบางเมนูที่ต้องมีอุปกรณ์เสริม ซึ่ง สพฐ.จะจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ให้ต่อไป

- เป้าหมายโรงเรียนที่จะเข้าร่วมโครงการ หากมีโรงเรียนมาสมัครไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ คือ 10% ของโรงเรียนสังกัด สพฐ. หรือประมาณ 3,100 โรงเรียน ก็ไม่จำเป็นจะต้องรับสมัครเพิ่ม แต่ขอให้โรงเรียนที่มาเข้าร่วมโครงการมีความหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ไปจนถึงไกลตัวเมือง โรงเรียนในพื้นที่สูง โรงเรียนชายขอบ ตลอดจนให้มีการประเมินความพร้อมของครูในโรงเรียนจะสมัครเข้าร่วมโครงการ ทั้งในด้านเนื้อหาและเวลาด้วย

- ย้ายกิจกรรมที่จัดอยู่แล้วไปไว้ช่วงบ่าย มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำกิจกรรมต่างๆ ที่โรงเรียนจัดให้กับนักเรียนอยู่แล้ว ย้ายไปจัดในช่วงบ่ายหลังเรียนวิชาหลัก ซึ่งในความเป็นจริงช่วงเวลาในการจัดกิจกรรมสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องยึดเวลาอยู่ที่ 14.00 น. เท่านั้น

- การขออนุญาตรับนักเรียนกลับบ้าน ผู้ปกครองสามารถทำได้ แต่ต้องขออนุญาตเป็นรายๆ ไป โดยขอฝากให้ผู้ปกครองทำความตกลงกับบุตรหลานด้วย เพราะเด็กบางคนอาจจะต้องการเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนที่โรงเรียนก็ได้ หากโรงเรียนมีกิจกรรมที่น่าสนใจและดึงดูดมากพอ แต่หากคำถามว่าหากผู้ปกครองจะรับนักเรียนไปเพื่อเรียนกวดวิชา กรณีนี้กระทรวงศึกษาธิการคงไม่สามารถห้ามได้ เพราะการกวดวิชาเกิดจากระบบการแข่งขันของเรา ซึ่งหากจะแก้ไขระบบการสอบแข่งขันต่างๆ ก็คงจะต้องใช้เวลานานและเป็นเรื่องในอนาคตที่จะต้องคิดต่อไป ส่วนกรณีที่ครูรับสอนพิเศษหลังเวลาเลิกเรียน ได้มอบให้ ผอ.สพท.จัดทำข้อมูลและรายละเอียดของครูที่ไปสอนพิเศษที่ต่างๆ ทั้งในด้านจำนวนครู สถานที่ที่ไปสอน หรือวิชาที่สอน เพื่อเป็นข้อมูลในการกำกับติดตามการเรียนการสอนในชั้นเรียนของครูต่อไป

การขับเคลื่อนงานด้านการศึกษา

ขณะนี้ได้ลงนามในคำสั่งมอบหมายงานให้ รมช.ศึกษาธิการ แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

- งานประจำ ได้มอบให้พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงาน กศน. ส่วนนายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) รวมทั้งหน่วยงานในกำกับ คือ สสวท. และ สทศ. ส่วนที่เหลือคือสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหน่วยงานในกำกับอื่นๆ ดูแลเอง
- งานตามนโยบาย 26 เรื่อง ซึ่งจะมีหลายงานที่ต้องบูรณาการการทำงานแบบข้ามแท่งกัน เช่น การรับนักเรียนนักศึกษาอาชีวะที่จะมีการเชื่อมโยงไปยัง สกอ. ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาของการปฏิรูป ตนจำเป็นต้องรู้งานของกระทรวงทุกเรื่อง เพื่อให้นโยบายทิศทางการทำงาน (หมายเหตุ : งานตามนโยบาย 26 เรื่อง สามารถตรวจสอบได้ที่ข่าว 294)
นอกจากนี้ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศปข.ศธ.) ซึ่งจะมีการประชุมทุกช่วงเช้าวันจันทร์ เพื่อเร่งรัดติดตามงานและแก้ไขปัญหาการดำเนินงานในแต่ละนโยบาย

หวังให้ครูและให้บุคลากรกระทรวงศึกษาธิการช่วยกันพลิกประเทศ แก้ปัญหาทุจริต

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าระบบอุปถัมภ์เป็นวัฒนธรรมไทย แต่จะทำอย่างไรให้ระบบนี้มีความเหมาะสมที่ถูกที่ควร ซึ่งตนต้องการจะแก้ไขปัญหาการทุจริต เพราะไม่ชอบให้ใครมาดูถูกบุคลากรหรือหน่วยงานในสังกัดกระทรวง จึงขอให้บุคลากรในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการช่วยกันพลิกประเทศ โดยเฉพาะครูกว่า 4 แสนคนที่สามารถสอนให้คนไทยทุกระดับรู้จักคิด รู้จักถูก รู้จักผิด เริ่มจากนักเรียนในโรงเรียน ส่งต่อไปยังผู้ปกครอง และชุมชน ก็จะเป็นการสร้างพลังได้อย่างมหาศาล ยิ่งครูแต่ละคนทำสำเร็จมากเท่าใด ก็มีพลังมากเท่านั้น

ครูเป็นกลไกสำคัญต่อการสร้างสังคมไทยให้ใช้ Fact มากกว่า Feeling

ครูจึงเป็นกลไกสำคัญในการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความจริง (Fact) ไม่ใช่สังคมที่มีแต่อารมณ์ความรู้สึก (Feeling) ครูต้องสอนให้เด็กสามารถแยกแยะถูกผิด รู้ดีรู้ชั่ว และรู้จักหน้าที่มากกว่ารู้จักเฉพาะสิทธิของตน เพื่อให้หลุดพ้นจากวังวนของการถูกบีบบังคับจากฝ่ายการเมืองในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร การชักนำให้ทำในสิ่งผิด การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตลอดจนการไม่เคารพกฎหมาย ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนในกระทรวงรวมพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ แม้จะต้องใช้เวลามาก ก็ต้องทำ เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยไว้โดยเด็ดขาด

สำหรับการย้ายครูที่มีข่าวลือมานานว่า มีการเรียกรับเงินตามระยะทาง อาจจะต้องทบทวนการกติกาการย้ายครูให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงและยุคสมัยปัจจุบัน เช่น ระยะเวลาประจำการก่อนย้าย การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งครูตำแหน่งต่างๆ เช่น สอบจังหวัดใด บรรจุจังหวัดนั้น เป็นต้น เพื่อลดการย้ายและเรียกรับเงิน เช่นเดียวกับการทบทวนหลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (P.A.) เพราะไม่สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะเป็นการดึงครูออกจากนักเรียน จึงมอบให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปรับปรุงแก้ไข โดยแยกกลุ่มที่จะใช้ประเมินครูอย่างละเอียด เพื่อให้ครูทุกกลุ่มทุกคนทุกลักษณะมีโอกาสเข้าถึงระบบการประเมินนี้ทั้งในด้านวิชาการและด้านจิตวิญญาณความเป็นครู

ในโอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้รับฟังข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนนโยบาย อาทิ การนำกิจกรรมในห้องเรียนมาสานต่อนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เช่น การสอนซ่อมเสริม การสอนวิชาชีพ กิจกรรมชุมนุม ทักษะชีวิต การนำคนดีเข้าสู่ระบบครู เน้นสร้างอุดมการณ์ความเป็นครู และสร้างคุณค่าในวิชาชีพ เพื่อเป็นการเตรียมคนในการเปลี่ยนแปลงประเทศในอนาคต การแก้ปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ และการเสนอให้ลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้ที่มีความพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีวินัยในการใช้จ่าย หรือจะไม่กู้ยืมเงินอีก เป็นต้น

 

 

อนึ่ง ช่วงก่อนเปิดการประชุมในภาคเช้า, นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ และ ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการ กพฐ. ได้กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานปีงบประมาณ 2559 ของ สพฐ. ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายใหม่ๆ หลายประการ ซึ่ง สพฐ.จะได้กระจายให้เขตพื้นที่การศึกษานำไปสู่การปฏิบัติต่อไป และในปีงบประมาณ 2559 มีแผนงานที่จะดำเนินโครงการหลายส่วน อาทิ โครงการวิจัยและถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อยอดสู่ความเป็นเลิศ (Area of Excellence) ช่วงที่ 2 โดยมีเป้าหมายรับสมัคร 36 เขตพื้นที่ที่มีความสมัครใจจะเข้าร่วม, โครงการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อให้มีวิทยฐานะฯ ระหว่างวันที่ 23-25 กันยายน 2558 โดยมีเป้าหมายคือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและผู้รับผิดชอบเขตละ 2 คน, มาตรการป้องกันการทุจริตในการสอบแข่งขันฯ ครูผู้ช่วย ซึ่งจะจัดกลุ่มเขตพื้นที่การศึกษาตามเขตตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดทำข้อตกลง (TOR) กับสถาบันอุดมศึกษาในการออกข้อสอบ การจัดระบบสอดส่อง กำกับ ดูแลการปฏิบัติ การป้องปรามการจัดติวข้อสอบหรือกวดวิชา การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร การตรวจสอบวุฒิการศึกษาและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตลอดจนใบรับรองสิทธิ์ เป็นต้น

ตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านกะหลิม ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต

ภายหลังการประชุมในช่วงบ่าย รมว.ศึกษาธิการ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนบ้านกะหลิม โดยมีนางฉวี จิตต์สำรวจ ผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครู ให้การต้อนรับ และนำชมห้องเรียนต่างๆ ได้แก่ ห้องเรียนระบบทางไกลผ่านดาวเทียม ห้องเรียนภาษาอังกฤษ ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ และห้องเรียนสอนศาสนาอิสลาม พร้อมทั้งได้พูดคุยกับคณะครูถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน

โรงเรียนบ้านกะหลิม ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2511 เป็นโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต เปิดสอนระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 109 คน มีครูและบุคลากรทางการศึกษา 13 คน ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนได้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจนได้รับรางวัลต่างๆ จำนวนมาก อาทิ ผลการสอบ O-Net ในปี 2556 มีคะแนนเฉลี่ยทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชาสูงสุดเป็นอันดับสองของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต และสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศทุกวิชา, ผ่านการประเมินภายนอกรอบ 3 ของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์กรมหาชน), เป็นสถานศึกษาต้นแบบด้านภัยพิบัติ, ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการสอนนำร่อง English Bilingual Education Program for Primary teachers in the south of Thailand, เป็นต้นแบบการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่มีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระดับโซนภูมิภาค 5 จังหวัดภาคใต้ เป็นต้น

 

ที่มา กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 8 กันยายน 2558

 


ผลการประชุมมอบนโยบาย ผอ.สพท.ทั่วประเทศที่ จ.ภูเก็ตผลการประชุมมอบนโยบายผอ.สพท.ทั่วประเทศที่จ.ภูเก็ต

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

สอบบรรจุครูผู้ช่วย 1/2556 วิชาเอกท่าน สอบที่ไหนบ้าง คลิกเลย อัพเดท 26 เม.ย.56

สอบบรรจุครูผู้ช่วย 1/2556 วิชาเอกท่าน สอบที่ไหนบ้าง คลิกเลย อัพเดท 26 เม.ย.56

เปิดอ่าน 87,814 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
โครงการเพื่อเด็กและเยาวชน PTT YOUTH CAMP 2012
โครงการเพื่อเด็กและเยาวชน PTT YOUTH CAMP 2012
เปิดอ่าน 6,231 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลการประชุมแท็บเล็ต
ผลการประชุมแท็บเล็ต
เปิดอ่าน 7,688 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลการประชุม ก.พ.อ. ครั้งที่ 7/2555
ผลการประชุม ก.พ.อ. ครั้งที่ 7/2555
เปิดอ่าน 6,191 ☕ คลิกอ่านเลย

รมว.ศธ.พบ ผอ.สพท.42 เขตพื้นที่
รมว.ศธ.พบ ผอ.สพท.42 เขตพื้นที่
เปิดอ่าน 8,925 ☕ คลิกอ่านเลย

งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2554 วันที่ 24-27 มกราคม 2555
งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2554 วันที่ 24-27 มกราคม 2555
เปิดอ่าน 17,825 ☕ คลิกอ่านเลย

ความก้าวหน้านโยบาย ศธ.
ความก้าวหน้านโยบาย ศธ.
เปิดอ่าน 11,113 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

4 วิธีบังคับให้ตัวเองออมเงินได้จริง
4 วิธีบังคับให้ตัวเองออมเงินได้จริง
เปิดอ่าน 26,790 ครั้ง

เทคนิคใหม่จากสิงคโปร์ทำภาพสีไม่ใช้หมึกคมชัดกว่าเลเซอร์เจ็ท
เทคนิคใหม่จากสิงคโปร์ทำภาพสีไม่ใช้หมึกคมชัดกว่าเลเซอร์เจ็ท
เปิดอ่าน 12,624 ครั้ง

"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
เปิดอ่าน 13,002 ครั้ง

10 ลักษณะนิสัยแห่งผู้ประสบความสำเร็จ
10 ลักษณะนิสัยแห่งผู้ประสบความสำเร็จ
เปิดอ่าน 15,574 ครั้ง

ล้างผักผลไม้สะอาดปลอดโรค
ล้างผักผลไม้สะอาดปลอดโรค
เปิดอ่าน 29,799 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย


เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

  • IELTS Test
  • SAT Test
  • สอบ IELTS
  • สอบ TOEIC
  • สอบ SAT
  • เว็บไซต์พันธมิตร

  • IELTS
  • TOEIC Online
  • chulatutor
  • เพลงเด็กอนุบาล
  •  
    หมวดหมู่เนื้อหา
    เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


    · Technology
    · บทความเทคโนโลยีการศึกษา
    · e-Learning
    · Graphics & Multimedia
    · OpenSource & Freeware
    · ซอฟต์แวร์แนะนำ
    · การถ่ายภาพ
    · Hot Issue
    · Research Library
    · Questions in ETC
    · แวดวงนักเทคโนฯ

    · ความรู้ทั่วไป
    · คณิตศาสตร์
    · วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    · ภาษาต่างประเทศ
    · ภาษาไทย
    · สุขศึกษาและพลศึกษา
    · สังคมศึกษา ศาสนาฯ
    · ศิลปศึกษาและดนตรี
    · การงานอาชีพ

    · ข่าวการศึกษา
    · ข่าวตามกระแสสังคม
    · งาน/บริการสังคม
    · คลิปวิดีโอยอดนิยม
    · เกมส์
    · เกมส์ฝึกสมอง

    · ทฤษฎีทางการศึกษา
    · บทความการศึกษา
    · การวิจัยทางการศึกษา
    · คุณครูควรรู้ไว้
    · เตรียมประเมินวิทยฐานะ
    · ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
    · เครื่องมือสำหรับครู

    ครูบ้านนอกดอทคอม

    เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

          kroobannok.com

    © 2000-2020 Kroobannok.com  
    All rights reserved.


    Design by : kroobannok.com


    ครูบ้านนอกดอทคอม
    การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

    วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
     

    ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

    เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

    Email : kornkham@hotmail.com
    Tel : 096-7158383

    สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
    คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ