ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อ
ส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟ
สามัคคีราษฎร์อุทิศ
ชื่อผู้วิจัย : นางสาวญาสุมินทร์ นนทมาตร ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
วิทยฐานะ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
สถานที่วิจัย : โรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1
ปีที่วิจัย : 2563-2564
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ มีวัตถุประสงค์ของ การวิจัย คือ (1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ (3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ และ (4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อรูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลการศึกษาสภาพ จำนวน 30 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลการพัฒนารูปแบบ จำนวน 27 คนกลุ่มผู้ให้ข้อมูลผลการใช้รูปแบบ จำนวน 15 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลประเมินความพึงพอใจ จำนวน 175 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) และสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีการจับฉลาก แบบแผนการวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 การศึกษาสภาพ ตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบ ตอนที่ 3 ผลการใช้รูปแบบ และตอนที่ 4 การประเมินความพึงพอใจ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบตรวจสอบความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิต่อร่างรูปแบบ 3) แบบสอบถาม 4) แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ พบว่า สภาพปัจจุบัน ปัญหา การบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ คือ ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีภาวะผู้นำและเป็นมืออาชีพ และมีความต้องการให้ผู้บริหารสถานศึกษาพัฒนาโครงสร้างและบริบทของโรงเรียนให้เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน พัฒนาคุณภาพของผู้เรียนและครู พัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง อนึ่งความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียนต้องการให้มีการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนร่วมกัน มีการนิเทศภายในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องและพัฒนาคุณภาพของสัญญาณอินเทอร์เน็ตภายในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพและมีความเร็วสูง อีกทั้งขอให้ครอบคลุมทั้งโรงเรียนมีทุกอาคารและ
ทุกห้องเรียน
2. ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ ประกอบด้วย องค์ประกอบที่ 1 ด้านหลักการ องค์ประกอบที่ 2 ด้านวัตถุประสงค์ องค์ประกอบที่ 3 ด้านเครือข่ายความร่วมมือ องค์ประกอบที่ 4 ด้านกระบวนการนิเทศภายใน 6 ร องค์ประกอบที่ 5 ด้านประสิทธิผลการจัดการศึกษาในวิถีใหม่ วิถีคุณภาพ มีผลการประเมินรูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่าย
ความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก
3. ผลการใช้รูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ พบว่า 1) ประสิทธิผลการจัดการศึกษาตามรูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยภาพรวมมีประสิทธิผลการจัดการศึกษาอยู่ในระดับมาก 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานศึกษา พบว่า ผลการอ่านออกเขียนได้ (RT) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนพัฒนาการ 13.13 ผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน NT ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนพัฒนาการ 14.57 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-Net ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนพัฒนาการ 9.11 และผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-Net ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนพัฒนาการ 3.29 ผล RT NT O-Net ปีการศึกษา 2563 มีคะแนนพัฒนาการสูงกว่าคะแนนพัฒนาการระดับประเทศ นั่นแสดงว่าผลจากการใช้รูปแบบดังกล่าวสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นได้
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อรูปแบบการบริหารการนิเทศภายในด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนบ้านดงมะไฟสามัคคีราษฎร์อุทิศ พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก