แคทลียา ถือกันว่าแคทลียาเป็นราชินีแห่งกล้วยไม้

แคทลียา มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ตอนเหนือ เป็นกล้วยไม้ที่เจริญเติบโตและมีรูปทรงแบบซิมโพเดี้ยม คือมีเหง้าแนบไปตามเครื่องปลูก เหง้าอาจจะมีทั้งยาวและสั้น มีรากงอกเจริญจากเหง้า ไม่มีรากที่แขนง เป็นระบบรากกึ่งอากาศ รากจะดูดอาหารจากอากาศและเครื่องปลูก
ลักษณะของกล้วยไม้แคทลียา
จะมีเป็นลำลูกกล้วย บางชนิดลำลูกกล้วยเป็นข้อปล้อง ลำปล้องมีหน้าที่เก็บสะสมอาหาร ส่วนที่เหนือข้อที่โคนลำ จะมีตา 2 ตา คือตาซ้าย และตาขวา ตาที่ลำจะแตกใหม่ง่ายที่สุด บางชนิดที่ลำลูกกล้วยอ้วนป้อม บางชนิดเป็นรูปทรงกระบอกหรือบิดเป็นเกลียวเล็กน้อย ผิวของลำอาจเกลี้ยงหรือเป็นร่องตามความยาวของลำ
เมื่อเจริญเติบโต ลำที่ 1 หรือเรียกว่าลำหลัง จะแตกตาออกแล้วเจริญเป็นลำที่ 2 หรือเรียกว่าลำหน้า เมื่อลำที่ 2 เจริญดีแล้วก็จะแตกตาออกเป็นลำที่ 3 และที่ 4 ออกไปเรื่อยๆ บางครั้งตาแตกออกเป็น 2 ทาง เรียกว่า ไม้ 2 หน้า จึงทำให้ดูเป็นกอใหญ่ โดยมีเหง้าเป็นส่วนที่เชื่อมโยงของลำลูกกล้วยลำต่อลำ และกลายมาเป็นส่วนของลำที่เจริญออกจากลำเดิม
ใบแคทลียาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทใบเดี่ยว เป็นแคทลียาประเภทที่ปลายลำลูกกล้วยมีใบเพียงใบเดียวเท่านั้น แคทลียาประเภทนี้มักออกดอกน้อย ช่อหนึ่งอาจมีเพียง 1 หรือ 2 ดอก เท่านั้น ลักษณะดอกใหญ่ ช่อดอกสั้น
ประเภทใบคู่ เป็นแคทลียาประเภทที่ลำลูกกล้วยมี 2 ใบ อาจจะมีใบถึง 3 ใบ ก็ได้ แคทลียาประเภทนี้จะออกดอกเป็นช่อ ช่อหนึ่งมีหลายดอก ถ้าดอกเล็กช่อยาว
ในการเพราะเลี้ยงแคทลียาทำได้โดยการผสมพันธุ์ คือนำเกสรตัวผู้เขี่ยลงในดอกเกสรตัวเมีย เพราะธรรมดาแล้วกล้วยไม้จะมีสองเพศในดอกเดียวกัน ถ้าต้องการที่จะผสมพันธุ์ใหม่เราก็ควรที่จะดูก่อนว่าดอกนั้นสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าจะให้ดีก็ควรสังเกตการบานของดอก ถ้าจะให้ผสมพันธุ์ติดดอกควรบานภายใน 3 วัน เนื่องจากเกสรยังมีความชุ่มชื้นอยู่ ทำให้ติดฝักง่าย หลังจากที่ติดฝักแล้ว จะใช้เวลาในการรอฝักแก่ประมาณ 5 เดือน จึงจะนำไปห้องแล็บ ตามกรรมวิธีต่างๆ ต่อไป
ใช้เวลาอยู่ในห้องแล็บ ประมาณ 1 ปี กว่าต้นกล้าจะขึ้น พอต้นกล้าได้ขนาดก็จะนำลงกระถางนิ้วในระยะเวลา 3 เดือน แล้วจึงเปลี่ยนใส่กระถาง 3.5 นิ้ว จนกระทั่งออกดอกอีกครั้ง จึงจะทราบว่าที่ผสมพันธุ์ไปนั้นได้ดอกสีสวยแค่ไหน
"ถ้าเราเลือกต้นที่ดีและชอบแล้วก็นำไปปั่นตา หรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ต้นพันธุ์ที่คงที่ สวยและสามารถส่งออกได้ราคาที่ค่อนข้างแพง นี่คือรายได้ที่ลุงเย็นได้รับด้วยความสุข เพราะแล้วแต่ผู้ขายเป็นผู้กำหนดราคาเอง ไม่ใช่แค่การเพราะเลี้ยงเนื้อเยื่อเท่านั้น แต่ยังมีการแยกหน่อออก การแยกหน่อทำได้ง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ยุ่งยากอะไร แค่นำหน่อที่แตกออกมาจากข้างลำต้นเดิมมาชำให้แตกรากแล้วก็นำลงกระถางที่เตรียมไว้ก็กลายเป็นต้นใหม่ที่ขายได้" ลุงเย็นอธิบาย
โรงเรือน
ถือเป็นส่วนที่สำคัญ ที่ทำให้กล้วยไม้นั้นมีที่อยู่ที่เหมาะสม ในการสร้างโรงเรือนนั้นสร้างเพื่อพรางแสงแดด อาจสร้างแบบง่ายๆ คือ ลงเสา 4 ต้น แล้วขึงซาแรนที่แสงลอดได้ ในปริมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นหลังคาของโรงเรือนให้มีความสูงที่ 3-4 เมตร เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี เพียงเท่านี้ก็ทำให้กล้วยไม้ที่เรารักมีการเจริญเติบโตได้ดีอีกทางหนึ่งแล้ว
วิธีการปลูกกล้วยไม้
ทั่วไปนั้นสามารถทำได้โดยการเตรียมอุปกรณ์ปลูก ก็จะมีกาบมะพร้าว ถ่าน ลวด กระถางพลาสติค หรือกระถางดิน แล้วนำต้นกล้ามาล้างเมือกที่รากให้สะอาด จึงนำกาบมะพร้าวที่เตรียมไว้มาห่อที่ราก ใช้ลวดมัดที่กาบมะพร้าวเพื่อทำให้ต้นกล้าตั้งตรง และระบบรากจะได้เจริญได้ดี แล้วจึงนำไปแขวนหรือวางไว้ที่โรงเรือน
น้ำที่ใช้
ควรเป็นน้ำสะอาด และที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือ น้ำประปา แต่ระวังอย่าใช้น้ำประปาอุ่นๆ หรือร้อนๆ เพราะจะทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโตช้าได้ ทางที่ดีเมื่อจำเป็นต้องใช้น้ำประปาควรพักไว้นานๆ ก่อน
น้ำที่ใช้ได้ดีรองลงมาคือ น้ำจากคลอง หรือแม่น้ำ แต่ก็ควรทำให้ตกตะกอนเสียก่อน จะต้องใช้น้ำจืดเท่านั้น ถ้าเป็นน้ำเค็ม หรือน้ำกร่อยใช้ไม่ได้ เพราะเป็นพิษต่อกล้วยไม้
วิธีการรดน้ำที่ดี
ถ้าปลูกไม่มากนัก ใช้บัวรดน้ำ หรือจะใช้สายยางพ่นให้เป็นฝอยๆ ก็ได้ ควรระวังอย่าฉีดแรง เพราะทำให้ทั้งต้นและเครื่องปลูกเสียหายได้ ควรรดน้ำให้เปียกชุ่มทั้งใบ ต้น ราก และเครื่องปลูก ถ้ารดน้ำในช่วงเช้าๆ ก่อน 10 โมง จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะพืชจะได้อาศัยความชุ่มชื้นในการปรุงอาหารได้เลย ถ้าจะรดช่วงเย็นควรรดก่อน 6 โมงเย็น เพื่อเครื่องปลูกจะได้แห้งก่อนช่วงกลางคืน โรคราจะได้ไม่ถามหา ถ้าในช่วงที่อากาศร้อนจัดๆ อาจรดเพิ่มในช่วงบ่ายได้อีกครั้ง แต่ถ้าในฤดูฝน หากเครื่องปลูกยังเปียกชื้นอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ แต่ในช่วงที่ฝนตกหนักควรงดการให้ น้ำ 2-3 วัน
การให้ปุ๋ย
ขอบคุณที่มาข้อมูลwww.bloggang.com/viewdiary.php?id...month...

ขอบคุณที่มาข้อมูลwww.bloggang.com/viewdiary.php?id...month...