Advertisement
วายุภักษ์เป็นนกสวรรค์ หรือ นกแห่งฟ้า ในตำนานสัตว์หิมพานต์ สรรเสริญ ว่าเป็นราขานก ที่มีค่าเกินประมาณ มีขนเป็นทองคำ กรองคอเป็นเพชร ที่อยู่บนก้อนเมฆ กินลมเป็นอาหาร ในไตรภูมิพระร่วงจารึกว่า นกวายุภักษ์ หรือ นกกรวิก เสียงไพเราะยิ่งนัก สัตว์ทุกชนิดเมื่อได้ยินเสียงร้องต้องหยุดสะดุดนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด ไพเราะเสนาะ กังวานยิ่งนัก ยังมีข้อความปรากฎในพระบาลีว่า “นกวายุภักษ์มีเสียงประดุจเสียงของทิพย์พระพรหม แจ่มใสชัดเจนอ่อนหวานสำเนียงไพเราะ ไม่แตกซ่านลึกซึ้งมีกังวาน” ส่วนอาหารของนกนั้นในคัมภีร์ปัญจสุทนีว่า “เธอกินน้ำมะม่วงสุกเป็นอาหาร” กำเนิดนก วายุภักษ์ ร้องเรียกเงินได้ ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ทรงมีขุนคลังแก้ว คุมท้องพระคลังมีนามว่า “พระยาวิไชเยน” มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “ฟอร์คอน” (Phaulkon) แปลว่า “ เหยี่ยวนกเขา” สมเด็จพระนารายณ์จึงเฉลิมนามพระราชทานตราว่า “วายุภักษ์” ที่เสียงร้องดุจเสียงพรหม มีแต่คนหยุดมอบทรัพย์สินเงินทองให้โดยง่าย มีความหมายโดยนัยว่า “คลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมบัติไม่ขาดพร่อง มีแต่คนเอาเงินทองมาให้” ซึ่งมีความหมายสมกับตำแหน่งพระคลังหาเงินตราเข้าประเทศหาเงินเข้าคลัง ต่อมาจึงถือนำตรานกสวรรค์ที่มีค่าสูงส่งเรียกเงินเรียกทองได้ เป็นตราท้องพระคลังหลวง และพัฒนาอัญเชิญมาเป็นตราของธนาคาร สลากกินแบ่งรัฐบาล แม้แต่กองกษาปณ์ ผู้ผลิตเงินตราที่ใช้จริงในประเทศก็มีสัญลักษณ์เป็นรูปนกวายุภักษ์ แสดงถึงความเป็นอมตะทางด้านเงินทองทรัพย์สินสมบัติที่ใครก็เทียบเทียมมิได้ ความลับพญานกเรียกเงิน นกสวรรค์สัญลักษณ์แห่งเงินทองทรัพย์สมบัติ ผูกคู่กับเงิน เห็นพญานกนี้ก็ต้องเห็น กองทรัพย์ กองเงิน กองทอง ฉันนั้น ที่มา http://www.akefuture.com/