ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคม  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

รร.เมืองกระบี่ ใช้ Active Learning ด้วยบันได 7 ขั้น สู่การเป็นต้นแบบ รร.สิ่งแวดล้อมศึกษา


งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคม 7 พ.ย. 2560 เวลา 19:19 น. เปิดอ่าน : 6,243 ครั้ง
รร.เมืองกระบี่ ใช้ Active Learning ด้วยบันได 7 ขั้น สู่การเป็นต้นแบบ รร.สิ่งแวดล้อมศึกษา

Advertisement

วันนี้ปริมาณขยะที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ตระหนักถึงวิกฤติของปัญหาดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในภาพรวม นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงมีนโยบายให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมเพื่อปลูกฝังวินัยบริหารจัดการขยะ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่นักเรียน ให้เกิดเป็นจิตสำนึก เป็นการขับเคลื่อนประเทศไทยไร้ขยะโดยเริ่มต้นจากโรงเรียน

โรงเรียนเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นับเป็นโรงเรียนตัวอย่างของการเป็นโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษา ที่เกิดจากความพร้อมเพรียงและความร่วมมือของทุกคน ตั้งแต่ผู้บริหาร ครู นักเรียน บุคลากรทุกคน รวมถึงชุมชน ท้องถิ่น ในการขับเคลื่อนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามแนวทางสิ่งแวดล้อมศึกษา ที่สำคัญทุกคนมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง

โดย นายวสันต์ ปัญญา ผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองกระบี่ กล่าวว่า เนื่องจากโรงเรียนเมืองกระบี่เป็นโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(Eco-school) มีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาที่จะให้ความรู้ ให้ทักษะ ประสบการณ์ แก่เด็กเยาวชน การจัดการทุกอย่างของโรงเรียนเมืองกระบี่ จึงเป็นการทำเพื่อสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมรุ่นใหม่ให้แก่ประเทศไทยและโลก เพื่อให้นักเรียนมีวินัยที่จะร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งการจะมีวินัยที่ยังยืนได้ ต้องมีกระบวนการขับเคลื่อนให้เด็ก ๆ ได้ฝึกฝน ได้ปฏิบัติ เป็นเรื่องของกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติ หรือ Active Learning โดยเริ่มจากการทำหลักสูตรที่เกิดจากครูทุกคนลงไปศึกษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนรอบบ้านตัวเอง และรอบโรงเรียน แล้วกลับมาร่างหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา จากนั้นนำไปสู่การออกแบบการสอนและกิจกรรมเพื่อนำไปฝึกฝนนักเรียนให้มีวินัยที่ยั่งยืน แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้นักเรียนต้องมีส่วนร่วมในการคิด ปฏิบัติและประเมินผลด้วย

จากแผนการเรียนรู้ไปสู่การความสำเร็จได้นั้น โรงเรียนมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันทั้งโรงเรียน คือ 1 ห้องเรียน 1 ฐานการเรียนรู้ หมายความว่าโรงเรียนเมืองกระบี่มี  51 ฐานการเรียนรู้ จาก 51 ห้องเรียน โดยครูและนักเรียนทุกห้องจะมีพื้นที่รับผิดชอบของตัวเองบนพื้นที่ 34 ไร่ที่โรงเรียนมี โดยใช้กระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษา  7 ขั้นตอนในการจัดกิจกรรม เพราะฉะนั้นนักเรียนโรงเรียนเมืองกระบี่ทุกคนจะมีส่วนร่วมในการคิดตั้งแต่เริ่มต้นโดยการศึกษาปัญหา วิเคราะห์แก้ปัญหา ทดลองตามกระบวนการจนประสบความสำเร็จและนำกลับไปสู่สังคม

“อย่างกรณีปัญหาน้ำเสียในชุมชน ซึ่งเด็กๆ ได้ลงเก็บข้อมูลจนพบว่า เนื่องจากเมืองกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยว ทุกสิ่งอย่างต้องเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว น้ำธรรมชาติต้องสะอาด แต่ชุมชนของโรงเรียนมีคลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการผลิตน้ำประปาให้แก่ชาวเมืองกระบี่ แต่สิ่งที่เป็นไป คือ น้ำเสียจากบ้านเรือน โรงงาน และโรงเรียน จะไหลลงสู่คลองแห่งนี้ เด็กๆ จึงนำข้อมูลกลับมาจำลองสังคมในโรงเรียนให้เป็นเมืองจำลอง ว่าจะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร โดยเด็กๆ ค้นพบว่าน้ำเสียจากโรงเรียนส่วนหนึ่งมาจากโรงอาหาร ที่ยังไม่มีการคัดแยกขยะ มีเศษอาหาร มีไขมัน มีหลอดน้ำดื่ม ที่ไหลออกมาจนทำให้ท่อเกิดอุดตัน ซึ่งหากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปน้ำที่ไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่ก็จะไม่มีวันใสสะอาดขึ้นมาได้ เด็กๆ จึงได้มีโครงการอย่างน้อย 2 -3 ฐาน คือ ห้องหนึ่งคิดเรื่องการดักจับไขมัน ขณะที่อีกห้องคิดเรื่องการบำบัดน้ำเสีย และอีกห้องก็นำหลอดมาล้างแล้วประดิษฐ์เป็นไส้หมอนอิง เป็นต้น” ผอ.วสันต์ย้ำ

ขณะที่ ครูอมรทัต เอียดศรีชาย ครูสอนสิ่งแวดล้อมศึกษามิติวิทยาศาสตร์ เล่าถึงการจัดการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมศึกษา โดยใช้บันได 7 ขั้น โดยเริ่มต้นจากการสำรวจเพื่อหาประเด็นเรียนรู้ ด้วยการวิเคราะห์ระบบนิเวศน์เพื่อดูว่าพื้นที่นี้มีลักษณะภูมินิเวศน์อย่างไร ขั้นที่ 2 เป็นความรู้ฐานซึ่งนักเรียนต้องไปค้นหาว่าความรู้ของประเด็นเรียนรู้คืออะไร ซึ่งส่วนมากจะหาได้จากปราชญ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือการสืบค้นข้อมูลจากหนังสือหรืออินเตอร์เน็ต ขั้นที่ 3 การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชื่อมโยง เป็นการวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ว่าหากยังดำเนินชีวิตอย่างนี้ต่อไปจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสิ่งแวดล้อม ขั้นที่ 4 นำไปสู่การเรียนรู้สถานการณ์ จากนั้นไปสู่ขั้นที่ 5 การวางแผน นักเรียนจะได้ฝึกออกแบบการวางแผนเพื่อแก้ปัญหาโดยใช้ประเด็นเรียนรู้และความรู้ที่มีที่ผ่านการวิเคราะห์ที่กำหนดทางเลือกไว้แล้ว ขั้นที่ 6 เป็นการลงมือปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ และขั้นที่ 7 การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปเผยแพร่ให้แก่สังคม เพื่อนโรงเรียนอื่นๆ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

ด้าน ครูอรนุช แก้ววิเศษ ครูสอนสิ่งแวดล้อมศึกษา มิติสังคม กล่าวถึงการนำหลอดน้ำดื่มมาทำเป็นไส้หมอนว่า โรงเรียนมีฐานการเรียนรู้ธนาคารขยะ แต่ความสำเร็จของธนาคารขยะไม่ใช่ทำอย่างไรให้ได้เงินจำนวนมาก แต่เป็นเรื่องของการลดปริมาณขยะและนำขยะมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดมากกว่า เช่น การที่นักเรียน ม.3/2 ที่เป็นเจ้าของฐานนวัตกรรมต่อยอดหลอดเป็นหมอน เป็นโครงงานที่เด็กคิดขึ้นเพราะพบว่าแต่ละวันมีปริมาณของหลอดที่ถูกทิ้งเป็นจำนวนมาก อย่างที่โรงเรียนมีนักเรียน 1,700 คน แต่ละคนหากดื่มน้ำเพียงวันละขวดก็จะมีหลอดถูกทิ้งวันละ 1,700 หลอดเป็นอย่างน้อย และส่งผลทำให้ท่อน้ำทิ้งอุดตัน นักเรียนจึงนำปัญหานี้เข้าสู่กระบวนการบันได 7 ขั้น พบงานวิจัยว่า หลอดมีคุณสมบัติยืนหยุ่นได้ ไม่จับฝุ่น ซักล้างได้ จึงทำการคัดแยกหลอดแล้วนำไปล้าง ตัด เพื่อทำเป็นไส้หมอนทั้งหมอนหนุน หมอนอิง โดยมีการออกแบบเพื่อความสวยงามและสะดวกในการใช้งาน เมื่อนำไปทดลองให้ผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุใช้ ปรากฏว่าได้ผลดี สามารถลดปัญหาแผลกดทับได้ และหมอนยังมีความยืดหยุ่นและระบายอาการได้ดีด้วย โดยขณะนี้เด็ก ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการบันไดขั้นที่ 7 แล้ว นั่นคือการขยายผลสู่ชุมชน ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นนี้ เด็กๆ ยังสามารถนำไปต่อยอดสู่การเป็นอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย

นายพรปรีดา คงอ่อน ประธานชุมชนคู่เมือง บอกว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่โรงเรียนจัดกิจกรรมนำเด็กๆ ออกมาเรียนรู้นอกห้องเรียน อย่างการให้เด็กมาศึกษาสภาพของป่าชายเลน ทำให้เด็กได้รับรู้ว่า ทำไมต้องจริงจังกับเรื่องการอนุรักษ์ป่าชายเลน จนทำให้เด็กเกิดความตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ฉะนั้น การที่เด็กออกมาเรียนรู้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดี ซึ่งผมเห็นด้วย 100% ว่าต้องเอาเด็กรุ่นนี้มาปลูกฝัง เพราะถ้าเป็นคนสูงวัยจะช้าเกินไป แต่เด็กนักเรียนยังเป็นวัยกำลังเรียน ยังมีแรงที่จะช่วยพัฒนาและต่อยอด จนเกิดเป็นอุปนิสัยได้ ทำให้เกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ และเอาใจใส่ที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อส่วนรวม

และนี่คือ อีกหนึ่งตัวอย่างการขับเคลื่อนเพื่อปลูกจิตสำนึกความมีวินัย การจัดการขยะ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ให้ติดตัวเด็กไปตลอดแม้จะพ้นจากโรงเรียนไปแล้ว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก nutthaya.good@gmail.com

คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ
คำบรรยายภาพ

รร.เมืองกระบี่ ใช้ Active Learning ด้วยบันได 7 ขั้น สู่การเป็นต้นแบบ รร.สิ่งแวดล้อมศึกษารร.เมืองกระบี่ใช้ActiveLearningด้วยบันได7ขั้นสู่การเป็นต้นแบบรร.สิ่งแวดล้อมศึกษา

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ป.ป.ช. ชวนเยาวชน STRONG CAMP ม.4 – 5 ประกวดโครงการ "ไม่ลอกการบ้าน ไม่ลอกข้อสอบ" ลุ้นเงินรางวัลมูลค่ารวม 215,000 บาท

ป.ป.ช. ชวนเยาวชน STRONG CAMP ม.4 – 5 ประกวดโครงการ "ไม่ลอกการบ้าน ไม่ลอกข้อสอบ" ลุ้นเงินรางวัลมูลค่ารวม 215,000 บาท

เปิดอ่าน 1,487 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
มูลนิธิเอสซีจีชวนเยาวชนไทยหัวใจศิลป์ มาปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์งานศิลปะ ชิงรางวัลยุวศิลปินไทย 2567
มูลนิธิเอสซีจีชวนเยาวชนไทยหัวใจศิลป์ มาปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์งานศิลปะ ชิงรางวัลยุวศิลปินไทย 2567
เปิดอ่าน 106 ☕ คลิกอ่านเลย

เปิดตัวโครงการ International Friends for Peace ครั้งที่ 3  โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดร่วมกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษ โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์)
เปิดตัวโครงการ International Friends for Peace ครั้งที่ 3 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดร่วมกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษ โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์)
เปิดอ่าน 959 ☕ คลิกอ่านเลย

วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู เน้นทักษะนวัตกรรมอาชีพยุคใหม่ แก้ปัญหาขาดแรงงานสายอาชีวะ
วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู เน้นทักษะนวัตกรรมอาชีพยุคใหม่ แก้ปัญหาขาดแรงงานสายอาชีวะ
เปิดอ่าน 406 ☕ คลิกอ่านเลย

โครงการ Let’s Read and Play เพิ่มทักษะการอ่าน, สร้างพัฒนาการเรียนรู้ ในเด็กปฐมวัย
โครงการ Let’s Read and Play เพิ่มทักษะการอ่าน, สร้างพัฒนาการเรียนรู้ ในเด็กปฐมวัย
เปิดอ่าน 514 ☕ คลิกอ่านเลย

สมศ. จับมือภาคีส่งเสริมการนำผลประเมินไปใช้
สมศ. จับมือภาคีส่งเสริมการนำผลประเมินไปใช้
เปิดอ่าน 608 ☕ คลิกอ่านเลย

สสวท. หนุนครูอัปเดตความรู้อบรม "อุตุน้อย" ฟรี
สสวท. หนุนครูอัปเดตความรู้อบรม "อุตุน้อย" ฟรี
เปิดอ่าน 856 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
เปิดอ่าน 16,257 ครั้ง

หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
เปิดอ่าน 35,899 ครั้ง

กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕
เปิดอ่าน 13,583 ครั้ง

ติดกาแฟทั้งที อย่างนี้ต้องดื่มให้ฉลาด
ติดกาแฟทั้งที อย่างนี้ต้องดื่มให้ฉลาด
เปิดอ่าน 15,468 ครั้ง

ประโยชน์ของน้ำมะนาว ดื่มอุ่น ๆ ยามเช้า ดี
ประโยชน์ของน้ำมะนาว ดื่มอุ่น ๆ ยามเช้า ดี
เปิดอ่าน 21,799 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ