ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

กลับหัวลงทุนการศึกษาไทยเริ่มที่"เด็กปฐมวัย"


ข่าวการศึกษา 15 มี.ค. 2559 เวลา 10:14 น. เปิดอ่าน : 36,751 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

กลับหัวลงทุนการศึกษาไทยเริ่มที่"เด็กปฐมวัย"

กลับหัวลงทุนการศึกษาไทยเริ่มที่‘เด็กปฐมวัย’ : ภมรศรี แดงชัย นักวิชาการสื่อสาร สสค. รายงาน

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญคือการให้น้ำหนักที่การดูแลเด็กตั้งแต่ปฐมวัย หรือตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและถือเป็นการลงทุนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างคุ้มค่าที่สุด

การจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยที่มีคุณภาพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะอื่นๆ ในการดำรงชีวิตให้แก่เด็ก อย่างไรก็ตาม หากดูจากตัวเลขบัญชีรายจ่ายด้านการศึกษา ในปี 2556 จะพบว่าการลงทุนในเด็กปฐมวัยกลับอยู่ในลำดับรั้งท้าย โดยอันดับ 1 ประถมศึกษา 32.72% ตามด้วยอุดมศึกษา 21% มัธยมศึกษา 20.8% อนุบาล 10.94% อาชีวศึกษา 5.41% ขณะที่การศึกษาปฐมวัยหรือก่อนวัยเรียนอยู่ที่ 1.76%

คำถามที่เกิดขึ้นคือ หากภาครัฐจะกลับหัวการลงทุนโดยเริ่มต้นที่ “เด็กปฐมวัย” ทำอย่างไรถึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัย เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) มีการนำเสนอกรณีศึกษาการลงทุนที่คุ้มค่าของเด็กปฐมวัยผ่านศูนย์พัฒนาเด็กเล็กใน โครงการลดความเหลื่อมล้ำด้วยการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพ หรือ RIECE Thailand โดยการสนับสนุนของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (มกค.) ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.)

ผศ.ดร.วีระชาติ กิเลนทอง หัวหน้าโครงการ เล่าว่า เป้าหมายของโครงการต้องการสร้างทุนมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่เด็กและเยาวชนในท้องถิ่น ซึ่งพบว่าการลงทุนตั้งแต่เด็กปฐมวัยถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง ในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม จึงเริ่มสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 49 ศูนย์ โดยการทำงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จำนวน 29 แห่งใน จ.มหาสารคามและกาฬสินธุ์ ครอบคลุมเด็กปฐมวัย 2,000 คน โดยการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรไฮสโคป

เนื่องจากผลการวิจัยของ ดร.เจมส์ เฮ็กแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล พบว่าเป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ได้ผลตอบแทนคืนกลับสู่สังคมไม่ต่ำกว่า 7 เท่า และสาเหตุที่เลือกในพื้นที่จ.มหาสารคามและกาฬสินธุ์ เพราะมีทีมวิชาการที่เข้มแข็งจากคณะศึกษาศาสตร์ ม.มหาสารคาม และถือเป็นภาพจำลองของชนบทไทยได้อย่างดี

“จ.มหาสารคาม ไม่ใช่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และไม่ใช่จ.แม่ฮ่องสอน แต่เป็นภาพสะท้อนของความเป็นชนบทไทยที่ดี จากการเก็บข้อมูลพบว่าเด็กจำนวนมากถึง 42.17% ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ หรือเรียกว่าภาวะพ่อแม่ห่างลูกซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 30% ภาวะนี้จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เนื่องจากขาดกิจกรรมทางวิชาการ กิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่น และการอ่าน โดยพบความแตกต่างของช่วงเวลาที่มีคุณภาพระหว่างเด็กที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่กับเด็กที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ การตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อทำหน้าที่สร้างช่วงเวลาที่มีคุณภาพอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน ในการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ที่จะพัฒนาไปสู่ต้นทุนชีวิตและคุณภาพชีวิตในอนาคต”

สำหรับรูปแบบการสอนแบบไฮสโคป ดร.วีระชาติ ให้ข้อมูลว่า หัวใจของกระบวนการเรียนรู้แบบไฮสโคปเน้น 3 ขั้นตอนสำคัญ คือ 1.การวางแผน (Plan) เพื่อให้เด็กได้รู้จักกำหนดเป้าหมาย ทำงานอย่างเป็นระบบก่อนลงมือปฏิบัติ 2.การลงมือปฏิบัติ (Do) เป็นการฝึกให้เด็กรู้จักสำรวจ สร้างสรรค์จินตนาการ รู้จักเข้าสังคมและทำงานเป็นกลุ่ม และ 3.การนำเสนอ (Review) เพื่อทบทวนกิจกรรมที่ได้ลงมือปฏิบัติด้วยการนำเสนอหน้าชั้นเรียนซึ่งเป็นการฝึกการสื่อสารจากการเล่าประสบการณ์ เด็กจะกล้าแสดงออก รู้จักคิดตั้งคำถามและเป็นผู้ฟัง นอกจากนี้การจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนที่เหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กวัย 2-4 ขวบ โดยมีโครงร่างหรือสัญลักษณ์รูปภาพสิ่งของที่วางไว้เพื่อให้เด็กสามารถนำกลับมาเก็บไว้ที่เดิม รวมถึงกิจกรรมกลุ่มใหญ่เพื่อเสริมประสบการณ์เพื่อให้เด็กรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

“ผลจากการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมาพบว่าเด็กรู้จักหน้าที่ของตนเอง มีระเบียบวินัย มีสมาธิและทักษะการสื่อสารที่ดีภายในเวลาเพียง 9 เดือน สิ่งสำคัญในการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กที่มีคุณภาพคือการอบรมครูประจำศูนย์เด็กเล็กด้วยวิธีฝึกปฏิบัติจริง พร้อมกับการเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแก่ครู นอกจากนี้ยังมีการตามเก็บข้อมูลเด็กและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการคาดหวังอยากให้มีการเชื่อมต่อระบบการสอนเด็กที่เน้นการส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมไปยังโรงเรียนอนุบาลและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสังกัด สพฐ. รวมถึงการขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไป เพราะการลงทุนในเด็กปฐมวัยยิ่งลงทุนเร็วเท่าไหร่ยิ่งคุ้มค่าที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม หวังว่าการใช้งบประมาณของภาครัฐต่อหัวหลังจากนี้จะเป็นการลงทุนที่ให้ความสำคัญแก่เด็กปฐมวัยเป็นอันดับ 1”

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐศาสตร์การศึกษา สสค. ย้ำว่า การเรียนรู้ในช่วงเด็กปฐมวัยถือเป็นยุคทองของช่วงเวลาที่สมองเปิดรับได้ดีที่สุด โดยเฉพาะทักษะด้านพฤติกรรม (non-cognitive skills) เช่น ความรับผิดชอบ ความมีวินัย ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความพยายาม ความอดทนอดกลั้น และความสามารถในการคิด ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นทักษะพื้นฐานที่จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สูงขึ้น เช่น ทักษะการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่ตลาดแรงงานทั่วโลกต้องการในปี 2020 หากพ้นช่วงเวลาที่สำคัญนี้ไปจะเป็นการทำลายโอกาสการพัฒนาทักษะสำคัญในการเรียนรู้และการดำเนินชีวิตที่ประสบความสำเร็จ

รศ.นิตยา คชภักดี ประธานอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัย สะท้อนว่า รูปแบบการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบไฮสโคปเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะผลที่พิสูจน์ได้ว่าเด็กมีพฤติกรรมสนใจใฝ่รู้และเด็กมีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเป็นการฝึกให้รู้จักวางแผนซึ่งเป็นทักษะที่คนไทยยังขาดอยู่ ทั้งนี้หากมีการเชื่อมโยงกับโปรแกรมเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย หรือ DSPM ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นระบบการเก็บข้อมูลพัฒนาการที่สมวัยของเด็กเล็กโดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประเทศ หากนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานให้โครงการในการเจาะลึกที่จ.มหาสารคามและกาฬสินธุ์ จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการศึกษาถึงความเชื่อที่ผิดของพฤติกรรมการเลี้ยงดูของพ่อแม่และผู้ปกครองในชนบทไทย ซึ่งปัจจุบันเด็กเล็กมากกว่า 40% ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่ เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุดและยั่งยืนต่อไป

 

ที่มา คมชัดลึก วันที่ 14 มีนาคม 2559


กลับหัวลงทุนการศึกษาไทยเริ่มที่"เด็กปฐมวัย"

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

นโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล "นางสาวแพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี

นโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล "นางสาวแพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี

เปิดอ่าน 4,963 ☕ 10 ก.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
บอร์ด PISA ไฟเขียวแผนพัฒนาครูแม่ไก่ ตีโจทย์ข้อสอบพิซา หวังยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยรวม
บอร์ด PISA ไฟเขียวแผนพัฒนาครูแม่ไก่ ตีโจทย์ข้อสอบพิซา หวังยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยรวม
เปิดอ่าน 31 ☕ 20 ก.ย. 2567

การดำเนินการจ้างบุคลากรวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา กิจกรรมครูคลังสมอง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
การดำเนินการจ้างบุคลากรวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา กิจกรรมครูคลังสมอง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
เปิดอ่าน 66 ☕ 20 ก.ย. 2567

การรับสมัครผู้เข้ารับการฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมเสริมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง(ส.นบส.)รุ่นที่17
การรับสมัครผู้เข้ารับการฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมเสริมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง(ส.นบส.)รุ่นที่17
เปิดอ่าน 82 ☕ 20 ก.ย. 2567

เกณฑ์การประกวดภาพยนตร์สั้น ในการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 72
เกณฑ์การประกวดภาพยนตร์สั้น ในการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 72
เปิดอ่าน 1,451 ☕ 18 ก.ย. 2567

สพฐ.กลั่นกรองย้ายผอ.สพท.ผอ.โรงเรียนก่อนบรรจุแต่งตั้งแทนอัตราเกษียณสิ้นกันยายนนี้
สพฐ.กลั่นกรองย้ายผอ.สพท.ผอ.โรงเรียนก่อนบรรจุแต่งตั้งแทนอัตราเกษียณสิ้นกันยายนนี้
เปิดอ่าน 1,477 ☕ 17 ก.ย. 2567

แนวทางปฏิบัติการเก็บรักษา ยืม และทำลายหนังสือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวทางปฏิบัติการเก็บรักษา ยืม และทำลายหนังสือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เปิดอ่าน 587 ☕ 17 ก.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สามัญชนคนไทย : โรงเรียนในฝัน
สามัญชนคนไทย : โรงเรียนในฝัน
เปิดอ่าน 14,653 ครั้ง

เอกสารแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2558
เอกสารแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2558
เปิดอ่าน 16,606 ครั้ง

แว่นทรงไหนช่วยให้คุณสวยขึ้น
แว่นทรงไหนช่วยให้คุณสวยขึ้น
เปิดอ่าน 11,827 ครั้ง

หยุดผมร่วงด้วยบรั่นดี
หยุดผมร่วงด้วยบรั่นดี
เปิดอ่าน 19,953 ครั้ง

แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579
เปิดอ่าน 23,216 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ