ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร

5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

4) เพื่อศึกษาผลความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน หลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากแบทดสอบเพื่อสำรวจ (นางอรดี หลักแก้ว. 2551, หน้า156 - 182) 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้

แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้าน

โคกหินช้าง อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 16 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏว่าผลการประเมินมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.46 ถือว่าเหมาะสมมากที่สุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ

ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏว่าผลการประเมินมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.60 ถือว่าเหมาะสมมากที่สุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ร้อยละชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ซึ่งมีค่าความยาก (P) ตั้งแต่ 0.33 ถึง 0.78 และค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.33 ถึง 0.67 มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.98 4) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ร้อยละ

ที่เน้นการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบอัตนัย จำนวน 6 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.54 – 0.65 และค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.45 – 0.59 มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 5) แบทดสอบเพื่อสำรวจของ นางอรดี หลักแก้ว เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาร้อยละ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 43 ข้อ ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) 0.60 – 1.00 มาใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมาย 6) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 20 ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.70 ถึง 0.97 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.83 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการศึกษาพบว่า

1. แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่า 86.99/85.94 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ความสามารถในการแก้ปัญหาทางการเรียน ของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ

ทางสถิติที่ระดับ .05

4. จากการนำแบบทดสอบเพื่อสำรวจของ นางอรดี หลักแก้ว มาใช้ พบว่านักเรียน

มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ เท่ากับ 88.23 ซึ่งหมายความว่า นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ คิดเป็น ร้อยละ 88.23

5. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก

เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ข้อ 12 คือ กิจกรรมการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ร้อยละ ที่เน้นการแก้ปัญหา ด้วยเทคนิค 4 สูตร 5 ขั้นตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทำให้ข้าพเจ้ามีความสามารถด้านการคำนวณเพิ่มขึ้น

โพสต์โดย จุฬาภรณ์ บุญศรี บุญศรี : [11 ก.ย. 2560 เวลา 09:04 น.]
อ่าน [3608] ไอพี : 223.24.163.41
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 23,621 ครั้ง
ตัวหนังสือไทย
ตัวหนังสือไทย

เปิดอ่าน 12,595 ครั้ง
กิจกรรมวันสงกรานต์
กิจกรรมวันสงกรานต์

เปิดอ่าน 54,330 ครั้ง
ดวงอาทิตย์ ส่องแสงได้อย่างไร
ดวงอาทิตย์ ส่องแสงได้อย่างไร

เปิดอ่าน 19,411 ครั้ง
ทานไข่วันละกี่ฟอง ถึงจะดี?
ทานไข่วันละกี่ฟอง ถึงจะดี?

เปิดอ่าน 37,030 ครั้ง
ศรัทธา 4
ศรัทธา 4

เปิดอ่าน 401,266 ครั้ง
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)

เปิดอ่าน 10,464 ครั้ง
สาวกเนื้อเต้น ! ภาพชุด iPad Mini ล่าสุดว่อนเน็ต
สาวกเนื้อเต้น ! ภาพชุด iPad Mini ล่าสุดว่อนเน็ต

เปิดอ่าน 13,920 ครั้ง
เนียนจริง มุขเด็ดสำหรับการหาที่จอดรถ ดูซิ เจ๊แกใช้มุขไหน?
เนียนจริง มุขเด็ดสำหรับการหาที่จอดรถ ดูซิ เจ๊แกใช้มุขไหน?

เปิดอ่าน 21,688 ครั้ง
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ

เปิดอ่าน 11,264 ครั้ง
"ราชบัณฑิตยสภา"
"ราชบัณฑิตยสภา"

เปิดอ่าน 15,222 ครั้ง
15 ประโยชน์ของน้ำอัดลมกับงานบ้าน ที่รู้แล้วจะอึ้ง
15 ประโยชน์ของน้ำอัดลมกับงานบ้าน ที่รู้แล้วจะอึ้ง

เปิดอ่าน 3,861 ครั้ง
ประวัติลูกเสือไทย
ประวัติลูกเสือไทย

เปิดอ่าน 12,502 ครั้ง
"ผักติ้ว" ผักพื้นบ้านชาวอีสานที่ไม่ควรมองข้าม
"ผักติ้ว" ผักพื้นบ้านชาวอีสานที่ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 31,803 ครั้ง
ศธ.สั่งลดเวลาเรียนในห้องเรียน เหลือเพียง 14.00 น. เด็กจะได้..
ศธ.สั่งลดเวลาเรียนในห้องเรียน เหลือเพียง 14.00 น. เด็กจะได้..

เปิดอ่าน 11,646 ครั้ง
ตูนส์ศึกษา : เด็กจะกระตือรือร้นและมีความสุขในการเรียนเมื่อใด......ภาพนี้มีคำตอบ
ตูนส์ศึกษา : เด็กจะกระตือรือร้นและมีความสุขในการเรียนเมื่อใด......ภาพนี้มีคำตอบ

เปิดอ่าน 10,845 ครั้ง
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
เปิดอ่าน 13,907 ครั้ง
 วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชา
เปิดอ่าน 17,988 ครั้ง
อาหารที่เคยคิดว่าดี แท้จริงคือตัวการทำร้ายสุขภาพ
อาหารที่เคยคิดว่าดี แท้จริงคือตัวการทำร้ายสุขภาพ
เปิดอ่าน 7,087 ครั้ง
คุณภาพผู้เรียนวัดจาก NT-ONET เส้นทางที่ลางเลือน!
คุณภาพผู้เรียนวัดจาก NT-ONET เส้นทางที่ลางเลือน!
เปิดอ่าน 35,883 ครั้ง
คิดจะซื้อ "ทีวีจอแบน" ต้องรู้อะไรบ้าง ?
คิดจะซื้อ "ทีวีจอแบน" ต้องรู้อะไรบ้าง ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ