ชื่อเรื่อง รายงานการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน นางวรรณวิสาร์ มั่นเกิด
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดบุญญาวาส อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ปีที่ศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษา 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์กำหนด 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและ การเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่าน และการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล วัดบุญญาวาส สังกัดกองการศึกษา เทศบาลนครแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 37 คน ที่ได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) หาความเที่ยงตรง (Validity) หาความยาก ง่าย (P) หาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบสมมุติฐานด้วย t-test
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.72/88.29
2. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะที่สร้างขึ้นในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.35 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.45 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าทุกข้อมีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด