ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจใน รายวิชาการเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมด ด้วยวิธีการเรียนแบบล

ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจใน

รายวิชาการเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมด ด้วยวิธีการเรียนแบบลูกโซ่

ผู้ศึกษา นางสาวอภิญญา กุนสุนทรธรรม

ตำแหน่ง ครู

ปีที่ศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561

บทคัดย่อ

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจใน

รายวิชาการเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมด ด้วยวิธีการเรียนแบบลูกโซ่ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 2 มีจุดประสงค์ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบลูกโซ่ เพื่อหาแนวทางการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและให้นักเรียนได้รับความรู้มากที่สุด ของนักเรียนระดับชั้น ปวช.2 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่เรียน วิชาการเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ประชากร ที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียน สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา การเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 15 คน การกำหนดกลุ่มตัวอย่างใช้การสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )

ผลการศึกษา พบว่า การทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2 ครั้ง ๆ ละ 2 แบบ สรุปได้ดังนี้

การทดสอบครั้งที่ 1 จำนวนผู้เรียน 15 คน โดยให้ทดสอบการเรียนแบบ ปกติ พบว่า คะแนนเฉลี่ย ของนักเรียนทั้งหมด คะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยได้ทำการทดสอบก่อนเรียน นักเรียนจำนวน 15 คน มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.20 และทดสอบหลังเรียน ในการเรียนแบบปกติ จำนวนนักเรียน 15 คน พบว่ามีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.60 คะแนน มีค่าความต่างของคะแนนที่เพิ่มขึ้น 2.40

การทดสอบครั้งที่ 2 จำนวนผู้เรียน 15 คน โดยใช้วิธีการเรียนแบบลูกโซ่ คือ ให้นักเรียนคนนที่ 1 ทำการตรวจแนะนำโปรแกรมให้นักเรียนคนที่ 2 นักเรียนคนที่ 2 ทำการตรวจและให้คำแนะนำนักเรียนคนที่ 3 เป็นแบบนี้ จนครบ 15 คน ได้ทำการทดสอบก่อนเรียน คะแนนเต็ม 10 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ยของคะแนน 3.93 และให้ทดสอบเรียนแบบลูกโซ่ และทำการทดสอบหลังเรียน พบว่า คะแนนเฉลี่ย ของนักเรียนทั้งหมด คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนอยู่ที่ 6.86 คะแนน มีค่าความต่างที่มากขึ้น 2.93

สรุปได้ว่า ในการทดสอบทั้ง 2 ครั้ง ในการเรียนแบบลูกโซ่มีผลสัมฤทธิ์ทางเรียน ดีกว่า การเรียนแบบปกติ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.93

โพสต์โดย อ้อย : [27 มี.ค. 2562 เวลา 14:44 น.]
อ่าน [3366] ไอพี : 1.20.220.62
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,659 ครั้ง
"เจตพังคี" คืออะไร?
"เจตพังคี" คืออะไร?

เปิดอ่าน 12,907 ครั้ง
กลูตาไธโอน มีมากกว่าทำให้หน้าใส
กลูตาไธโอน มีมากกว่าทำให้หน้าใส

เปิดอ่าน 8,641 ครั้ง
โรคสมองเสื่อมกับมะเร็งกลายเป็นคู่กัดกันเองต่างปราบกันและกัน
โรคสมองเสื่อมกับมะเร็งกลายเป็นคู่กัดกันเองต่างปราบกันและกัน

เปิดอ่าน 13,769 ครั้ง
รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ จำนวน 5 รายการ
รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ จำนวน 5 รายการ

เปิดอ่าน 12,611 ครั้ง
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี

เปิดอ่าน 7,972 ครั้ง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! 3 ข้อห้าม ห้ามทำในวันหวยออก หากอยากถูกหวย!
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! 3 ข้อห้าม ห้ามทำในวันหวยออก หากอยากถูกหวย!

เปิดอ่าน 32,260 ครั้ง
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้

เปิดอ่าน 11,279 ครั้ง
"เลี้ยง"ต้องแบบไหน? "ลูกยุคดิจิตอล" ข้ามวิกฤต..สู่ไทย 4.0
"เลี้ยง"ต้องแบบไหน? "ลูกยุคดิจิตอล" ข้ามวิกฤต..สู่ไทย 4.0

เปิดอ่าน 201,627 ครั้ง
ลำดับขั้นในการวิจัย
ลำดับขั้นในการวิจัย

เปิดอ่าน 16,171 ครั้ง
Timeline เกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงเรียนเครือข่าย ของโรงเรียนดีใกล้บ้าน
Timeline เกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงเรียนเครือข่าย ของโรงเรียนดีใกล้บ้าน

เปิดอ่าน 184,811 ครั้ง
ความหมายของระบบ
ความหมายของระบบ

เปิดอ่าน 10,857 ครั้ง
"แก่"…อย่างมีคุณค่า โดย รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
"แก่"…อย่างมีคุณค่า โดย รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

เปิดอ่าน 13,894 ครั้ง
วิธีบริหารเงิน ที่ไม่มีสอนในโรงเรียน
วิธีบริหารเงิน ที่ไม่มีสอนในโรงเรียน

เปิดอ่าน 19,374 ครั้ง
ร่าง พรฎ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ....
ร่าง พรฎ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ....

เปิดอ่าน 12,442 ครั้ง
คิดเอาเองว่าเครียด ร้ายหนักกว่าเครียดจริง
คิดเอาเองว่าเครียด ร้ายหนักกว่าเครียดจริง

เปิดอ่าน 9,648 ครั้ง
มท.ค้านกำนัน-ผญบ.นั่งเก้าอี้ อปท. โดยตำแหน่ง-ไม่เอาประเมินผลทุกปี
มท.ค้านกำนัน-ผญบ.นั่งเก้าอี้ อปท. โดยตำแหน่ง-ไม่เอาประเมินผลทุกปี
เปิดอ่าน 11,115 ครั้ง
คู่มือสำหรับประชาชน [ทุกกระทรวง]
คู่มือสำหรับประชาชน [ทุกกระทรวง]
เปิดอ่าน 17,707 ครั้ง
โปรตีนสำหรับนักกีฬา
โปรตีนสำหรับนักกีฬา
เปิดอ่าน 19,313 ครั้ง
ตู้เก็บเอกสาร ในห้องเรียนมีประโยชน์อย่างไร
ตู้เก็บเอกสาร ในห้องเรียนมีประโยชน์อย่างไร
เปิดอ่าน 9,805 ครั้ง
ใช้บัตรเดบิตอย่างไรให้เป็น
ใช้บัตรเดบิตอย่างไรให้เป็น

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ