การดำเนินการศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านห้วยห้างป่าสา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวนทั้งสิ้น 14 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 8 เล่ม แผนการจัด การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง การอ่าการเขียนมาตราตัวสะกด ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 เล่ม รวม 22 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตอนที่ 1 แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ ตอนที่ 2 เขียนคำตามคำบอก จำนวน 10 คำ และตอนที่ 3 แบบเติมคำในประโยค จำนวน 10 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการคำนวณหาค่า E1/ E2 ศึกษาผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าร้อยละค่าคะแนนความก้าวหน้า การทดสอบค่าที ( t- test) วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ แล้วเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากกลุ่มทดลองแบบกลุ่มใหญ่ จำนวน 30 คน มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 คือ มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 84.04/84.55 และจาก การนำไปใช้กับกลุ่มประชากรที่ศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโรงเรียนบ้านห้วยห้างป่าสา จำนวน 14 คน มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 85.87/87.62 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 14.00 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 46.67 ส่วนคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 27.93 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 46.43 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนหลังเรียนกับก่อนเรียนด้วยค่าคะแนนความก้าวหน้าพบว่า มีค่าคะแนนความก้าวหน้าเฉลี่ย 13.93 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 93.10 เมื่อทดสอบค่าที ( t- test) เท่ากับ 27.43 สรุปได้ว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง รื่นเริงบันเทิงตัวสะกดน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถม ศึกษา ปีที่ 3 ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน และด้านบทบาทของผู้เรียน มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าด้านอื่น ( =5.00) รองลงมา ได้แก่ ด้านบทบาทการสอนของครู ( =4.93) มีค่าความพึงพอใจเฉลี่ย เท่ากับ 4.96 ซึ่งเป็นความพึงพอใจในระดับมากที่สุด