|
|
ผู้วิจัย นางณัฐารัชต์ เดโชสวัสดิ์เพชร ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่ายของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ (2.1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ (2.2) ศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่ายของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดมีคะแนนตั้งแต่ร้อยละ80 ขึ้นไป (2.3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อรูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย การวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 37 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 13 แผน จำนวน 13 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.32-0.74 ค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.23-0.59 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.845 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เป็นแบบอัตนัย จำนวน 4 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.886 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีชื่อว่า SCPEE Model มีองค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอน 4) ระบบสนับสนุน 5) ขั้นตอนการสอน 6) การประเมินผล และ 7) ผลการนำไปใช้ ซึ่งขั้นตอนการสอนมี 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นกระตุ้นการเรียนรู้ (Stimulation of Learning: S) 2) ขั้นเชื่อมโยงความรู้ (Connection of Knowledge: C) 3) ขั้นฝึกทักษะการแก้ปัญหา (Practice Problem Solving: P) 4) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Exchange of Knowledge: E) 5) ขั้นประเมินผล (Evaluation: E) โดยรูปแบบการสอนมีความสอดคล้องทุกองค์ประกอบ
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์คิดเป็นร้อยละ 86.49 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนดไว้
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อรูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.52, S.D. = 0.53)
|
โพสต์โดย ครูจิ๋ม : [1 มี.ค. 2563 เวลา 20:00 น.] อ่าน [2327] ไอพี : 115.87.165.165
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 33,314 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 35,023 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 300,413 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,293 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 121,373 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,501 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,518 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,270 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,636 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,253 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,510 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,482 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 30,124 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,808 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 26,760 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 31,891 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 19,473 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 37,509 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,339 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,495 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|