ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่

ชื่อวิจัย: รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่าน

เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย: นางเพ็ญนิภา นนทเภท ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

สถานที่ทำงาน: โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช

สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

กระทรวงมหาดไทย

ปีการศึกษา: 2560

บทคัดย่อ

รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2)เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีคุณภาพ และประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3)เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4)เพื่อประเมินความคิดเห็นและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 38 คน ได้มา จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยวิธี การจับสลากโดยใช้ห้องเรียนในการสุ่ม ซึ่งผู้วิจัยเป็นครูประจำวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เครื่องมือขั้นศึกษาข้อมูลพื้นฐาน จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันในการจัดการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 27 ข้อ และ 2) แบบสอบถามความต้องการในการจัดการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เครื่องมือที่ใช้ในทดลองใช้ มี 4 ชนิด ดังนี้ 1) หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน จำนวน 5 เรื่อง ๆ ละ 5 แผน รวมทั้งหมด 25 แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบแบบคู่ขนาน 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 4)แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 ข้อ และเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรูปแบบ ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็น และปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของผู้เชี่ยวชาญ และครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จำนวน 24 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ค่าที และค่าดัชนีประสิทธิผล

ปรากฏผลการวิจัยและพัฒนา ดังนี้

1. สภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏผลดังนี้

1.1 สภาพปัจจุบันครูมีการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3อยู่ในระดับปานกลาง

1.2 ความต้องการของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จำนวน 5 คน มีความต้องการในการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหา เรื่อง การอ่านและการเขียนในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

2. การพัฒนา การหาคุณภาพและประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏผลดังนี้

2.1 ความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยมีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

2.2 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 คือ ปรับปรุงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยืดหยุ่นระยะเวลาในการเรียนให้เหมาะสมกับการจัดกิจกรรม และเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ครูผู้สอนต้องบริหารเวลาให้เหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนตามความยาวของเนื้อหา

2.3 ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 88.84/86.05

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏผลดังนี้

3.1 ดัชนีประสิทธิผลของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7754 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.54

3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านและการเขียน ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3.3 ความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก

4. ผลประเมินความคิดเห็นและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับหนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนวิชาภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย pennipanon : [20 เม.ย. 2563 เวลา 09:29 น.]
อ่าน [2440] ไอพี : 183.88.95.171
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,648 ครั้ง
หน้าตา Windows se7en หรือ Windows Vienna
หน้าตา Windows se7en หรือ Windows Vienna

เปิดอ่าน 29,664 ครั้ง
น่าชื่นชม!!เด็กม.3รับแปลภาษาจีนรายได้ร่วม3หมื่นต่อเดือน
น่าชื่นชม!!เด็กม.3รับแปลภาษาจีนรายได้ร่วม3หมื่นต่อเดือน

เปิดอ่าน 12,066 ครั้ง
พระคุณแม่  (ตอนที่ 1)
พระคุณแม่ (ตอนที่ 1)

เปิดอ่าน 10,543 ครั้ง
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"
แชร์การแสดงสร้างสรรค์ "Cup song โรงเรียนบ้านต้นโชค"

เปิดอ่าน 12,268 ครั้ง
หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี
หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี

เปิดอ่าน 10,962 ครั้ง
สาวยูเครน 19 คลั่งอนิเมะ แปลงตัวเองเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น
สาวยูเครน 19 คลั่งอนิเมะ แปลงตัวเองเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น

เปิดอ่าน 11,406 ครั้ง
ชมคลิปยอดฮิต"เด็กพี่สาวร้องไห้โฮ ไม่อยากให้น้อง"โต"
ชมคลิปยอดฮิต"เด็กพี่สาวร้องไห้โฮ ไม่อยากให้น้อง"โต"

เปิดอ่าน 34,080 ครั้ง
บาร์โค้ด ประวัติ การประดิษฐ์บาร์โค้ด รหัสแท่งมหัศจรรย์
บาร์โค้ด ประวัติ การประดิษฐ์บาร์โค้ด รหัสแท่งมหัศจรรย์

เปิดอ่าน 10,023 ครั้ง
กำจัดเซลลูไลท์ กำจัดผิวเปลือกส้ม
กำจัดเซลลูไลท์ กำจัดผิวเปลือกส้ม

เปิดอ่าน 46,114 ครั้ง
จำนวนเฉพาะ (Prime Number) คืออะไร?
จำนวนเฉพาะ (Prime Number) คืออะไร?

เปิดอ่าน 43,450 ครั้ง
วิกฤต... "บัณฑิตแห่ตกงาน" อีกหนึ่งความล้มเหลว... อุดมศึกษาไทย
วิกฤต... "บัณฑิตแห่ตกงาน" อีกหนึ่งความล้มเหลว... อุดมศึกษาไทย

เปิดอ่าน 1,817 ครั้ง
ชวนลูกเล่น ตามรอยพระยุคลบาท… เด็กฉลาดสมวัย
ชวนลูกเล่น ตามรอยพระยุคลบาท… เด็กฉลาดสมวัย

เปิดอ่าน 8,135 ครั้ง
การประเมินเพื่อเรียนรู้ การตั้งคำถามและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้
การประเมินเพื่อเรียนรู้ การตั้งคำถามและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้

เปิดอ่าน 12,012 ครั้ง
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด

เปิดอ่าน 12,411 ครั้ง
7 สุดยอดอาหารคืนความสมดุลให้ชีวิต
7 สุดยอดอาหารคืนความสมดุลให้ชีวิต

เปิดอ่าน 8,771 ครั้ง
คลิปช้างกินไอโฟน
คลิปช้างกินไอโฟน
เปิดอ่าน 11,354 ครั้ง
ฉาวอีก! คลิปตำรวจไทย... "มาๆๆ ร้อยเดียวพอ"
ฉาวอีก! คลิปตำรวจไทย... "มาๆๆ ร้อยเดียวพอ"
เปิดอ่าน 54,261 ครั้ง
ขั้นตอนการขอต่อใบอายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ขั้นตอนการขอต่อใบอายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
เปิดอ่าน 12,668 ครั้ง
การกระตุ้นพัฒนาการลูกในครรภ์
การกระตุ้นพัฒนาการลูกในครรภ์
เปิดอ่าน 10,026 ครั้ง
เอาไฟฉายส่องตา แก้เมาเครื่องบินได้
เอาไฟฉายส่องตา แก้เมาเครื่องบินได้

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
Koi360
ตู้แช่ไวน์
BestKru
ตู้แช่ไวน์
Neonics.co.th
Tools.in.th
รถมือสอง
คลินิกเสริมความงาม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 081-3431047

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ