ชื่อเรื่อง รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสม
ตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้วิจัย นายสรวุฒิ จิ๋วกร่าง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียน เทศบาลท่าโขลง ๑ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
ปีที่วิจัย 2561 - 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด อย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขั้นตอนที่ 4 ศึกษาความพึงพอใจของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 โรงเรียนเทศบาลท่าโขลง ๑ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 43 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถาม 2) ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก 0.28-0.93 ค่าอำนาจจำแนก 0.25-0.85 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .88 4) แบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยาก 0.28-0.93 ค่าอำนาจจำแนก 0.25-0.85 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .81 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .82 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละและสถิติทดสอบ t-test แบบ dependent samples
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา ได้มีการส่งเสริมการจัดแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ในโรงเรียนให้สอดคล้องกับสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา ของครูผู้สอน โดยรวมปฏิบัติอยู่ในระดับพอใช้ ปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา ได้แก่ ครูขาดสื่อที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ครูขาดการพัฒนาเทคนิคการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใหม่ ๆ ปัญหาที่เกิดจากนกัเรียนโดยภาพรวมมีปัญหาในระดับมาก ได้แก่ นักเรียนขาดความสนใจในการเรียน และความต้องการของครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ ครูต้องการพัฒนาสื่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทันสมัย พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคที่ทันสมัยอย่างหลากหลายและเน้นให้สามารถนำไปใช้ได้จริง
2.ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสม ตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.40/90.17 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
3.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า หลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01
3.ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า หลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เพศศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมสื่อประสมตามแนวคิดการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด