ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัย นางสาวณั

ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบ

ร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้วิจัย นางสาวณัฐธิดา จิตสิงห์

สถานที่ศึกษา โรงเรียนไร่ใต้ประชาคม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและการพัฒนา(Research and Development : R&D) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษา ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อประเมินความสามารถในการทำงานกลุ่มของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

5) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1-3 โรงเรียนไร่ใต้ประชาคม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ที่กำลังเรียนรายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท22102 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 3 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 65 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนไร่ใต้ประชาคม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีที่กำลังเรียนรายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท22102 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 25 คน

ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ซึ่งการจัดนักเรียนแต่ละห้องเรียนเป็นการจัดนักเรียนแบบคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียน แบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 20 ข้อ 4) แบบประเมินความสามารถในการทำงานกลุ่มของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 5) แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประเมินความเป็นมาและความสำคัญ และองค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าสถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการทดสอบสมมติฐาน คือ ค่าสถิติทดสอบ t – test Dependent Sample

ผลการวิจัย พบว่า

1. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้มีขั้นตอนในการพัฒนา 4 ขั้นตอนโดยใช้ระเบียบวิจัยและการพัฒนา (Research and Development : R&D) คือ ขั้นที่ 1 การวิจัย (Research: R1) : การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) : การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขั้นที่ 3 การวิจัย (Research : R2) : การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ขั้นที่ 4 การพัฒนา (Development : D2) : การประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ใช้ทฤษฎีโครงสร้างความรู้ (Schema Theory) ทฤษฎีการรับรู้ และการเข้าใจตนเอง (Metacognition Theory) และทฤษฎีประมวลผลข้อมูล (Information Processing Theory) มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ หลักการ คือ นำววิธีการเรียน แบบร่วมมือเทคนิค STAD มาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการด้านการเขียน และความสามารถในการทำงานกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 สารที่ 2 การเขียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 การนำเสนอในชั้นเรียน ขั้นที่ 2 การเรียนเป็นกลุ่ม ขั้นที่ 3 การทดสอบ ขั้นที่ 4 คะแนนความก้าวหน้ารายบุคคล ขั้นที่ 5 การยกย่องความสำเร็จของกลุ่ม ครูมีบทบาทกระตุ้นเสริมแรงและให้การสนับสนุนการเรียนของนักเรียน นักเรียนมีบทบาทในการกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งแบบรายบุคคลและทำกิจกรรมกลุ่มแบบร่วมมือกันเรียนรู้ การวัดและประเมินผลโดยทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ประเมินความสามารถในการทำงานกลุ่ม และประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนไร่ใต้ประชาคม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 มีนักเรียนจำนวน 25 คน ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.44/81.80 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 80/80

2. ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.19, S.D = 1.06) เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านครูผู้สอน ( = 4.22, S.D = 1.04) ด้านเนื้อหา ( = 4.20, S.D = 0.99) ด้านการใช้สื่อการเรียนการสอน ( = 4.19, S.D = 1.10) ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้

( = 4.18, S.D = 1.02) และด้านการวัดและการประเมินผล ( = 4.14, S.D = 1.18)

4. ผลการประเมินความสามารถในการทำงานกลุ่มของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะ ด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประเมินโดยนักเรียนหัวหน้ากลุ่ม พบว่า นักเรียน มีความสามารถในการทำงานกลุ่มอยู่ในระดับมาก

5. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย โดยวิธีการเรียน แบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อส่งเสริมความสามารถทักษะด้านการเขียน สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมมีความสอดคล้องเหมาะสมในระดับมาก

โพสต์โดย Kung : [8 ธ.ค. 2564 เวลา 13:10 น.]
อ่าน [2386] ไอพี : 180.180.26.89
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,124 ครั้ง
ขนมเสริมมงคล 12 ราศี
ขนมเสริมมงคล 12 ราศี

เปิดอ่าน 47,281 ครั้ง
เคล็ดลับการซักรีดให้เสื้อผ้าหอมคงทน
เคล็ดลับการซักรีดให้เสื้อผ้าหอมคงทน

เปิดอ่าน 11,564 ครั้ง
กระบวนการในการใช้หนังสือเพื่อการพัฒนาเด็กวัย 0-3 ปี
กระบวนการในการใช้หนังสือเพื่อการพัฒนาเด็กวัย 0-3 ปี

เปิดอ่าน 11,860 ครั้ง
วิธีปิดการแจ้งเตือนและข้อความเชิญชวนเกม "ไลน์ คุกกี้ รัน"
วิธีปิดการแจ้งเตือนและข้อความเชิญชวนเกม "ไลน์ คุกกี้ รัน"

เปิดอ่าน 48,302 ครั้ง
"อยู่ไกลเขา แต่รู้ทันเขา" ภาพยนตร์สั้น วันครู ครั้งที่ 65 ประจำปี 2564
"อยู่ไกลเขา แต่รู้ทันเขา" ภาพยนตร์สั้น วันครู ครั้งที่ 65 ประจำปี 2564

เปิดอ่าน 2,431 ครั้ง
"ไบโอติน" วิตามินหลากหลายประโยชน์
"ไบโอติน" วิตามินหลากหลายประโยชน์

เปิดอ่าน 16,245 ครั้ง
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้

เปิดอ่าน 11,813 ครั้ง
วิธีลบรอยดำ อำพรางผิว
วิธีลบรอยดำ อำพรางผิว

เปิดอ่าน 45,692 ครั้ง
ประโยชน์จาก "ส้มตำ"
ประโยชน์จาก "ส้มตำ"

เปิดอ่าน 17,631 ครั้ง
ฮาอึแตก! คลิปชายเปลือยออกจากห้องในโรงแรม แต่ประตูห้องดันล็อกอัตโนมัติ เป็นท่านจะทำยังไง
ฮาอึแตก! คลิปชายเปลือยออกจากห้องในโรงแรม แต่ประตูห้องดันล็อกอัตโนมัติ เป็นท่านจะทำยังไง

เปิดอ่าน 9,244 ครั้ง
น้ำแร่ ชะลอวัยได้จริงหรือ
น้ำแร่ ชะลอวัยได้จริงหรือ

เปิดอ่าน 32,099 ครั้ง
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 15,938 ครั้ง
รวมผักกินยากแสนอร่อยแต่เปี่ยมคุณค่า
รวมผักกินยากแสนอร่อยแต่เปี่ยมคุณค่า

เปิดอ่าน 10,993 ครั้ง
รู้เท่าทัน ก่อนทานสมุนไพร-อาหารเสริม
รู้เท่าทัน ก่อนทานสมุนไพร-อาหารเสริม

เปิดอ่าน 11,461 ครั้ง
ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่บ้านคุณ
ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่บ้านคุณ

เปิดอ่าน 21,096 ครั้ง
ออมเงิน..คนเงินเดือนน้อย
ออมเงิน..คนเงินเดือนน้อย
เปิดอ่าน 38,802 ครั้ง
การคิดเลขในใจ
การคิดเลขในใจ
เปิดอ่าน 2,976 ครั้ง
การฝังเข็ม ดีอย่างไร
การฝังเข็ม ดีอย่างไร
เปิดอ่าน 105,505 ครั้ง
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับป้ายบอกสถานที่และชื่อห้องในโรงเรียน
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับป้ายบอกสถานที่และชื่อห้องในโรงเรียน
เปิดอ่าน 210,211 ครั้ง
เทคนิคการคิดเลขเร็ว
เทคนิคการคิดเลขเร็ว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ