ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปา ร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นายอินทราวุธ สีหาราช
ปีที่พิมพ์ 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปา ร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยมีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความจำเป็นในการพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ เพื่อเสริมสร้างทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพชุดการพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ซึ่งได้มาโดยการใช้สุ่มแบบกลุ่มตัวอย่าง (Cluster Random Samping ) จำนวน 35 คน ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่า t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานจากเอกสาร หลักการ แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้พลศึกษามุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกมและกีฬา เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโดยรวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและกีฬาโดยครูผู้สอนจะต้องศึกษาค้นคว้าหานวัตกรรมมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเนื้อหาของรายวิชา รวมถึงการนำหลักการของรูปแบบ ซิปปา (CIPPA MODEL) ที่ประกอบด้วย 5 แนวคิด คือ 1) โดยการให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง C (Construction of Knowledge) 2) การมีปฏิสัมพันธ์ I (Interaction) การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน บุคคลอื่นและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวหลาย ๆ ด้าน 3) ทักษะกระบวนการ P (Process skills) ทักษะกระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ 4) การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่กระทำ/ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ P (Physical participation) และ 5) การนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้
A (Application) โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วยขั้นการสอน 7 ขั้นตอน ของทิศนา
แขมมณี คือ ขั้นที่ 1 การทบทวนความรู้เดิม ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ ขั้นที่ 3 การศึกษาทำความเข้าใจ/ความรู้ใหม่และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม ขั้นที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม ขั้นที่ 5 การสรุปจัดระเบียบความรู้และวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ 6
การปฏิบัติหรือการแสดงผลงาน และขั้นที่ 7 การประยุกต์ใช้ความรู้ โดยนำหลักการรูปแบบซิปปาประยุกต์ร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแผนทั้ง 6 แผน และในแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ
2. แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักการของรูปแบบซิปปา ซึ่งประกอบด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐาน 6 เล่ม คือ เล่มที่ 1 ประวัติความเป็นมาและคุณค่าของกีฬาตะกร้อ เล่มที่ 2 การเล่นลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านใน เล่มที่ 3 การเล่นลูกตะกร้อด้วยหลังเท้า เล่มที่ 4 การเล่นลูกตะกร้อด้วยเข่า เล่มที่ 5 การเล่นลูกตะกร้อด้วยศีรษะ เล่มที่ 6 กติกาการแข่งขันตะกร้อ และมีขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนดังนี้ 1) ขั้นเตรียมและทบทวนความรู้เดิม 2) ขั้นสร้างความรู้และวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ 3) ขั้นปฏิบัติ 4) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 5) ขั้นสรุปและอภิปรายผล พร้อมทั้งนำทฤษฎีแรงจูงในภายใน ทฤษฎีแจงจูงใจภายนอก ทฤษฎีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ทฤษฎีการอ้างสาเหตุ และทฤษฎีการกำหนดเป้าหมาย ไปประยุกต์ในกิจกรรมการเรียนรู้วิชากีฬาตะกร้อ
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาตะกร้อ โดยประยุกต์หลักการของรูปแบบซิปปาร่วมกับทฤษฎีแรงจูงใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด