ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการอ่านออก เขียนได้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ด้วยนวัตกรรม 6 (ขั้น) สู่การอ่านออกเขียนได้ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1

ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน จนเกิดความชำนาญในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง การอ่าน การอ่านออกเสียงคำ ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คำประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่านในใจเพื่อสร้างความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากสิ่ที่อ่าน เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน การเขียน การเขียนสะกดคำ ตามอักขรวิธี การเขียนรูปแบบสื่อสารต่าง ๆ การเขียนเรียงความ ย่อความ เขียนรายงานจาก การศึกษาค้นคว้า เขียนตามจินตนาการ เขียนวิเคราะห์และเขียนเชิงสร้างสรรค์การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดลำดับเรื่อองราวต่าง ๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และการพูดเพื่อโน้มน้าวใจ หลักการใช้ภาษาไทย ศึกษาธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ ถูกต้องเหมาะสมกับโอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ต่างๆ และอิทธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล แนวความคิด คุณค่าของงานประพันธ์และเพื่อความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทำความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยมขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจในบรรพบุรุษที่ได้สั่งสมสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน (กรมวิชาการ. 2551 : 37) การจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย ในปัจจุบันยังประสบปัญหามาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่มีปัญหาในด้านการอ่านและการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการสะกดคำ การเว้นวรรคตอนหรือการใช้ภาษาไม่เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนสรุปความไม่เป็น อ่านหรือฟ้งจบใจความไม่ได้ล้วนแต่ขาดทักษะในการอ่านและการเขียนทั้งสิ้น จึงเป็นการ สื่อสารไม่สัมฤทธิ์ผลตามจุดมุ่งหมาย ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางด้านคุณภาพการศึกษา (พริ้มเพราวดี หันตรา. 2545: 45)

สภาพปัญหาปัจจุบันการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประสบปัญหาหลายอย่างทั้งนี้เนื่องจากประสบการณ์ของนักเรียนมีเพียง การฝึกความพร้อมทางด้านการพูด การฟังภาษาไทย ขาดการฝึกทักษะด้านการอ่าน และการเขียน ทำให้เกิดปัญหาในด้าน ทักษะภาษา อ่านหนังสือไม่คล่อง เขียนไม่ถูกต้องฟังไม่เข้าใจและพูดไม่ชัดเจน ดังนั้นการสอนภาษาไทยจึงเป็นเรื่องยาก สำหรับเด็กเล็ก ๆ เพราะภาษาไทยเป็นระบ สัญลักษณ์ที่มีความซับซ้อน มีพยัญชนะถึง 44 ตัว รูปสระ 32 เสียง และวรรณยุกต์ 4 รูป แต่มี 5 เสียง ซึ่งผู้เรียนต้องอาศัยอวัยวะต่าง ๆ ที่ใช้ในการรับรู้ภาษาและประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหูตา ปาก ลิ้น และมือ (สนิท สัตโยภาส. 2532 ; อ้างอิงมาจาก Boyd. 1970) การที่จะสอนภาษาไทยให้บรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กันทั้งทักษะการรับเข้ามา คือการอ่านและการฟังกับทักษะการถ่ายทอดออกไปคือการพูดและการเขียน ในการเขียนถือว่าเป็นทักษะที่ยุ่งยาก ซับซ้อนและเป็นทักษะถ่ายทอดที่สำคัญต่อการสื่อสารเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทั้งในเรื่องการอ่านและการเขียนนั้นย่อมจะต้องมีการสะกดคำรวมอยู่ด้วยจึงทำให้การอ่านและการสะกดคำมีความสัมพันธ์กันในแง่ของการใช้ทักษะภาษามีนักวิจัยทางภาษา

ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้รายงานถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการสะกดคำ และ ความสามารถในการอ่านว่ามีอยู่ค่อนข้างสูงมากในระดับประถมศึกษาที่เด็กไม่สามารถเรียนรู้ได้ เด็กที่สะกดคำเก่งมักเป็นเด็กที่อ่านเก่ง และเด็กที่อ่านไม่เก่งก็มักเป็นเด็กที่สะกดไม่เก่งด้วยเสมอ แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า เด็กที่สะกดคำไม่เก่งจะต้องอ่านไม่เก่งไปเสียทั้งหมด การอ่านคำกับการสะกดจึงมีความสัมพันธ์กันมาก วิธีสอนภาษาไทยสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพนั้นครูต้อง หมั่นฝึกฝนให้นักเรียนมีโอกาสฝึก ย้ำ ซ้ำ ทวน อยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกสะกดคำการฝึก แจกลูก ซึ่งต้องทำให้ผู้เรียนจำได้ฟังเข้าใจ พูดอ่านและเขียนได้ถูกต้องคล่องแคล่ว จากความสำคัญและสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยเห็นว่าน่าจะหาแนวทางในการพัฒนา ความสามารถการเขียนสะกดคำ และการอ่านให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยการใช้หลักการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานสมองของมนุษย์มีศักยภาพในการเรียนรู้สูงสุด ข้อมูลที่สัมพันธ์กับพัฒนาการต่าง ๆ ที่เข้ามาสู่สมองจะมีช่วงเวลาที่เหมาะสม (Windows) ที่จะเปิดและปิด ณ ช่วงเวลาต่าง ๆ กัน การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าและมีความหมายมากขึ้นถ้าหากข้อมูลเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมกับ การพัฒนานั้น ๆ ดังเช่น ช่วงหน้าต่างแห่งโอกาสทองของการเรียนรู้หรือ (Windows of Opportunity) (อลิศรา ชูชาติ และคณะ. 2549 : 155) ถ้าพัฒนาศักยภาพสมองของเด็กให้ได้เรียนรู้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีความสมบูรณ์พร้อมเป็นคนดี คนเก่ง ที่มี ความสุขและมีความใฝ่รู้ การเรียนรู้ที่มีความสุขส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้กระตือรือร้น สนใจไขว่คว้า อยากที่จะเรียนรู้ เกิดพลังที่จะทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย มีพลังที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ทำให้มีการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นในทางตรงข้ามถ้าผู้เรียนเกิดความเครียด ความกังวล ความเหนื่อยล้า ความเศร้า รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีความสุข อันเนื่องมากจากสาเหตุใดก็ตามไปสกัดกั้นกระบวนการเรียนรู้ในสมองทำให้ผู้เรียนไม่มีการเก็บสิ่งที่เรียนรู้ไว้เป็นความจำและไม่เกิดการเรียนรู้ทำให้ ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลง ความจริงสมองพร้อมที่จะทำงานตลอดเวลา เพราะเส้นใยประสาทและระบบประสาทมีพร้อมอยู่แล้ว ต้องการเพียงแค่สิ่งกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมเท่านั้น ก็จะเกิดการเรียนรู้ภาษาขึ้นกับการเรียนรู้ ภาษาจะเป็นไปโดยอัตโนมัติแต่ที่สำคัญ เด็กจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการพูดคุย มีข้อมูลทางด้านภาษาป้อนเข้าไปอยู่ตลอดเวลา ผู้สอนจึงควรนำ ความรู้เรื่องการเรียนรู้ภาษากับการทำงานของสมองมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงและประสบความสำเร็จในการเรียนการสอนโดบใช้ชื่อนวัตกรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มาช่วยพัฒนาความสามารถการเขียนสะกดคำและการอ่านของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาที่ 1 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซึ่งพบว่านักเรียนมีปัญหาในการอ่านและเขียนสะกดคำ การอ่านแจกลูก การอ่านออกเสียง ในประโยคผิดเป็นส่วนมาก สื่อสารไม่ค่อยเข้าใจ อ่านตะกุกตะกัก ทำให้การสื่อสาร ไม่ต่อเนื่องไม่สามารถใช้ภาษาไทยเพื่อถ่ายทอดเนื้อหาสาระอย่างง่าย ๆ ได้เหมาะสมกับระดับชั้น ซึ่งนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ควรที่จะอ่าน และเขียนได้ในกรอบและขอบเขตของผลการเรียนรู้ที่คาดหวังตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ให้แต่จากการตรวจสอบความรู้พื้นฐานการใช้ภาษาไทย พบว่า นักเรียนสวนมากมีปัญหาด้านการอ่านและเขียน เนื่องจากสะกดไม่ถูกต้อง ทั้งนี้อาจเกิดจาก ครูผู้สอนใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เหมะสม กิจกรรมซ้ำซาก จึงทำให้นักเรียนขาดความสนใจ ขาดแรงจูงใจในการเรียน หรืออาจเป็นเพราะนักเรียนมีโอกาสฝึกกิจกรรมการใช้ภาษาน้อยไป ทำให้ไม่มีพื้นฐานความรู้เพียงพอที่จะร่วมกิจกรรมทางภาษา จากความสำคัญดังกล่าว ผู้วิจัยในฐานะเป็นครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ศึกษาแนวคิ

โพสต์โดย ศน.ปิ๋ม : [6 ก.ค. 2565 เวลา 12:34 น.]
อ่าน [1953] ไอพี : 61.90.32.204
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,862 ครั้ง
“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”
“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”

เปิดอ่าน 4,910 ครั้ง
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 23,118 ครั้ง
คนจีนบ้าเรียน"ภาษาอังกฤษ" ขณะที่ไทยติดหล่มอยู่รั้งท้าย!
คนจีนบ้าเรียน"ภาษาอังกฤษ" ขณะที่ไทยติดหล่มอยู่รั้งท้าย!

เปิดอ่าน 7,757 ครั้ง
FOCUS ประเด็นจาก PISA : การกำกับดูแลที่มีประสิทธิผลส่งผลอย่างไรต่อการเรียนรู้
FOCUS ประเด็นจาก PISA : การกำกับดูแลที่มีประสิทธิผลส่งผลอย่างไรต่อการเรียนรู้

เปิดอ่าน 20,620 ครั้ง
อัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักร ในลักษณะเหมาจ่าย
อัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักร ในลักษณะเหมาจ่าย

เปิดอ่าน 11,771 ครั้ง
อาหารเพื่อสุขภาพกระเพาะอาหาร
อาหารเพื่อสุขภาพกระเพาะอาหาร

เปิดอ่าน 26,629 ครั้ง
เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร
เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร

เปิดอ่าน 12,895 ครั้ง
หนอนคืบ
หนอนคืบ

เปิดอ่าน 24,445 ครั้ง
"เพกา" คืออะไร
"เพกา" คืออะไร

เปิดอ่าน 9,095 ครั้ง
กังนัมสไตล์เริ่ด ฮิตยันไฮโซอังกฤษ เด็กอีตันยังเลียนแบบ
กังนัมสไตล์เริ่ด ฮิตยันไฮโซอังกฤษ เด็กอีตันยังเลียนแบบ

เปิดอ่าน 13,178 ครั้ง
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์

เปิดอ่าน 12,759 ครั้ง
เทคนิคการจัดการชั้นเรียนด้วยโมเดล 3 C"s
เทคนิคการจัดการชั้นเรียนด้วยโมเดล 3 C"s

เปิดอ่าน 3,886 ครั้ง
กว่าจะเป็นครู : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP.2
กว่าจะเป็นครู : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP.2

เปิดอ่าน 11,337 ครั้ง
เผยรายได้เฉลี่ย-สูงสุด บัณฑิตจุฬาฯ รุ่นรับปริญญา ปี 2557
เผยรายได้เฉลี่ย-สูงสุด บัณฑิตจุฬาฯ รุ่นรับปริญญา ปี 2557

เปิดอ่าน 7,908 ครั้ง
ทดสอบความทนทาน"ไอโฟน 5" พัง-ไม่พัง แตก-ไม่แตก
ทดสอบความทนทาน"ไอโฟน 5" พัง-ไม่พัง แตก-ไม่แตก

เปิดอ่าน 17,336 ครั้ง
ภัยร้ายความเค็มสะสมจากพริกน้ำปลา
ภัยร้ายความเค็มสะสมจากพริกน้ำปลา
เปิดอ่าน 14,658 ครั้ง
ระบบสุริยะอาจสูญสลาย! เมื่อนักดาราศาสตร์พบปรากฏการณ์ "ดาวมรณะ" กลืนดาวบริวาร
ระบบสุริยะอาจสูญสลาย! เมื่อนักดาราศาสตร์พบปรากฏการณ์ "ดาวมรณะ" กลืนดาวบริวาร
เปิดอ่าน 10,052 ครั้ง
หมอนดีนอนหลับสบายลดอาการปวดคอ
หมอนดีนอนหลับสบายลดอาการปวดคอ
เปิดอ่าน 9,733 ครั้ง
เพนต์หน้าพิลึก! กระแสฮิตโจ๋ยุ่น
เพนต์หน้าพิลึก! กระแสฮิตโจ๋ยุ่น
เปิดอ่าน 30,482 ครั้ง
น่าชื่นชม!!เด็กม.3รับแปลภาษาจีนรายได้ร่วม3หมื่นต่อเดือน
น่าชื่นชม!!เด็กม.3รับแปลภาษาจีนรายได้ร่วม3หมื่นต่อเดือน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ