ความสำคัญและความเป็นมา
ปัจจุบันมีปัจจัยภายในและภายนอกประเทศหลายประการที่ทำให้การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การตื่นตัวในเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาในประเทศต่างๆ การสื่อสารที่ไร้พรมแดน การเพิ่มเสรีด้านการค้าและบริการ ความคาดหวังของสังคม สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารปัจจัยเหล่านี่ได้กระตุ้นให้ ผู้ที่อยู่ในวงการศึกษาตระหนักถึงเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งปรากฏออกมาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้กำหนดจุดมุ่งหมาย และหลักการของการจัดการศึกษา ที่ต้องมุ่งเน้นคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา โดยกำหนดรายละเอียดไว้ในหมวด ๖ มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา มาตรา ๔๗ กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วยระบบประกันคุณภาพภายใน และระบบประกันคุณภาพภายนอก และในวรรคสอง บัญญัติว่า ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
กฎกระทรวง ว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๒ วรรคสอง บัญญัติว่า ระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษา ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ประกอบด้วย
๑. การจัดระบบบริหารและสารสนเทศ
๒. การพัฒนามาตรฐานการศึกษา
๓. การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
๔. การดำเนินการตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
๕. การตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา
๖. การประเมินคุณภาพการศึกษา
๗. การรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี
๘. การผดุงระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
การประกันคุณภาพภายในมาตรา ๔๘ กำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการโดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การประกันคุณภาพฯ จึงควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการบริหารแบบมีส่วนร่วม ตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการบริหารการศึกษาของประเทศ เพราะการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการสถานศึกษา ครู ผู้ปกครองและนักเรียน เมื่อทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาจะทำให้โรงเรียนฯ มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ส่งผลต่อชื่อเสียงในระยะยาว ทำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่น ในการบริหารจัดการศึกษาและศักยภาพของสถานศึกษาว่าผู้เรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและจะพัฒนาให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษา การที่จะพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนที่มีคุณภาพนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ สร้างความตระหนักให้ครูผู้สอนเห็นความสำคัญจำเป็นในการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ให้ครูมีความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถ และมีทักษะในการวิเคราะห์ปัญหา รวมถึงการใช้ข้อมูลสารสนเทศในการตัดสินใจและสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากการศึกษาสภาพปัญหาของโรงเรียนวัดปากคู อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1 เป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดกลาง จัดการเรียนการสอน ๒ ระดับ คือ ระดับปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ถึง 3 จำนวน 2 ห้องเรียน และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 6 ห้องเรียน มีนักเรียน จำนวน 126 คน มีครู จำนวน 10 คน มีผู้บริหาร 1 คน พบว่า ครูยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ในขั้นตอนการดำเนินงาน จึงจำเป็นที่จะพัฒนางานการดำเนินงานประกันคุณภาพ โดยครูทุกคนในโรงเรียนต้องร่วมมือกัน
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อสร้างความตระหนักให้คณะครูโรงเรียนวัดปากคูทุกคน ได้มีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนวัดปากคู
๒. เพื่อพัฒนาแนวทาง และขั้นตอนการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม เหมาะสมกับสภาพความพร้อมของโรงเรียนวัดปากคูและชุมชน
๓. เพื่อศึกษาปัญหาและหาวิธีการแก้ไขปัญหาในการประกันคุณภาพการศึกษาร่วมกัน
๔. เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีและความสมัครสมานสามัคคีในหมู่คณะ
๕. เพื่อให้บุคลากรในโรงเรียนวัดปากคู มีข้อมูลในการช่วยเหลือและปรับปรุงงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาตนเองได้
ความเชื่อมโยง/สัมพันธ์ระหว่าง Best practice กับเป้าหมาย/จุดเน้นของสถานศึกษา
สอดคล้องกับกลยุทธ์ของสถานศึกษา 5 ข้อ
1.ปลูกฝังคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย มีความรักในสถาบันหลักของชาติน้อมนำวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและมีทักษะที่จำเป็นของโลกในศตวรรษที่ 21
2.พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับตามหลักสูตรและส่งเสริมความสามารถด้านเทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
3.พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นครูยุคใหม่ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะมีทักษะความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและมีศักยภาพ
4.พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
5พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา ตามแนวทางการกระจายอำนาจทางการศึกษาโดยใช้หลักธรรมาภิบาลเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและองค์กรปรกครองส่วนท้องถิ่น
การพัฒนาระบบนิเทศภายในสถานศึกษา โดยใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วมด้วยกระบวนการ PDCA
( WADPAGKU MODEL )
การตรวจสอบคุณภาพ
เพื่อให้เกิดผลที่ดีเลิศในการพัฒนารูปแบบงานประกันคุณภาพการศึกษา โดยการบริหารแบบมีส่วนร่วม ด้วยกระบวนการ PDCA จึงได้นำมาพัฒนาปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพโรงเรียน นักเรียน และบริบทต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ดำเนินการดังนี้
ประชุมร่วมกับทุกฝ่ายในการดำเนินการประเมินทบทวนตามขั้นตอนของการดำเนินงานตามการพัฒนารูปแบบงานประกันคุณภาพการศึกษา โดยการบริหารแบบมีส่วนร่วม ด้วยกระบวนการ PDCA เพื่อให้ทุกฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ บอกเล่าปัญหาอุปสรรค ในการทำงานโดยร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปรับปรุง และร่วมพัฒนา แนวทางการนำ Best Practice ไปใช้ประโยชน์
กระบวนการตรวจสอบซ้ำเพื่อพัฒนาปรับปรุง Best practice ให้เกิดผลดีอย่างต่อเนื่อง
1.วิธีการตรวจสอบซ้ำ
ประเมินและตรวจสอบคุณภาพของ Best Practice โดยจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ภาคเรียนละ 1 ครั้ง
2.ผลการตรวจสอบซ้ำ
ผลการตรวจสอบ พบว่าสถานศึกษาได้วิเคราะห์ขั้นตอนและทดลองใช้แล้วสรุปได้ว่าขั้นตอนของ Best Practice การพัฒนารูปแบบงานประกันคุณภาพการศึกษา โดยการบริหารแบบมีส่วนร่วม ด้วยกระบวนการ PDCA มีคุณภาพสามารถนำสู่การปฏิบัติได้ เกิดผลดีต่อการจัดการศึกษาเรียนร่วมในระดับดี