ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

บทคัดย่อ

การประเมินโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินสภาวะแวดล้อมด้านความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่กับกฎหมายและนโยบายทางการศึกษา 2) เพื่อประเมินความเหมาะสมของปัจจัยนำเข้าที่ใช้ในโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 3) เพื่อประเมินความเหมาะสมของกระบวนการดำเนินการกิจกรรมในโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 4) เพื่อประเมินความเหมาะสมของผลผลิตในโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบ CIPP Model ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ คือ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ซึ่งมีวิธีการประเมินโดยประเมินทั้งระบบของโครงการ คือ การประเมินด้านสภาวะแวดล้อมด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการและด้านผลผลิตของโครงการ การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 2 แหล่ง คือ เอกสาร และรายงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ประชากรในการรายงานครั้งนี้ใช้ประชากรของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ในปีการศึกษา 2564 ได้แก่ ครู จำนวน 63 คน นักเรียนชั้น ป.4 - ม.6 จำนวน 269 คน ผู้ปกครอง จำนวน 32 คนโดยสุมแบบเจาะจง(Purposive Sampling) เฉพาะครูเรือนนอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 14 คน รวม 378 คน กำหนดขนาดโดยใช้ตารางของ Krejcie and Morgan ที่ค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 95 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้คือแบบสอบถามมีจำนวน 2 ชุด ชุดที่ 1 สำหรับครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและชุดที่ 2 สำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง วิเคราะห์ข้อมูลโดย ตอนที่1แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถามวิเคราะห์โดยการหาค่าความถี่ (Ferquency) และการหาค่าร้อยละ (Percentage) และนำเสนอบรรยายประกอบตาราง ตอนที่2แบบสอบถามผลการประเมินโครงการวิเคราะห์โดยหาค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แต่ละข้อแต่ละด้านและนำเสนอบรรยายประกอบตาราง ตอนที่3 เป็นแบบสอบถามแบบปลายเปิด เพื่อสอบถามปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนา ที่เกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้การแจกแจงความถี่ตามประเด็นที่ตอบ นำเสนอในรูปแบบตาราง

ผลการประเมินโครงการ พบว่า

1. ด้านสภาวะแวดล้อม พบว่าในภาพรวม ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่า สภาวะแวดล้อมของโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุ-เคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีความสอดคล้องในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีความสอดคล้องสูงที่สุดคือ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียน ส่วนข้อที่มีความสอดคล้องต่ำที่สุด คือ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน

2. ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่าในภาพรวม ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่า ปัจจัยนำเข้าของโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ บุคลากรในการดำเนินโครงการมีความเหมาะสม ส่วนข้อที่มีความเหมาะสมต่ำที่สุดคือ ระยะเวลาในการดำเนินโครงการมีความเหมาะสม

3. ด้านกระบวนการ พบว่า ในภาพรวมครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่ากระบวนการดำเนินงานจัดกิจกรรมในโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อพบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ การดำเนินการเป็นไปตามโครงการที่กำหนด ส่วนข้อที่มีความเหมาะสม ต่ำที่สุด คือ มีการดำเนินงานกิจกรรมโครงการตามแผนที่กำหนดไว้ เมื่อพิจารณาแต่ละกิจกรรม สรุปผลได้ดังนี้

3.1 กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมกำหนดนโยบาย พบว่าในภาพรวมครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ มีการกำกับ ติดตาม ควบคุมการดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ส่วนข้อที่มีความเหมาะสม ต่ำที่สุด คือ ประชาสัมพันธ์โครงการอย่างทั่วถึง

3.2 กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมขยายความคิด พบว่า ในภาพรวม ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ จัดกิจกรรมในรูปแบบที่หลากหลายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในโครงการ ส่วนข้อที่มีความเหมาะสม ต่ำที่สุด คือ การดำเนินการเป็นไปตามโครงการที่กำหนด

3.3 กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมหาแนวทางพัฒนา พบว่าในภาพรวมครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ กำหนดระยะเวลาในการรายงานผลโครงการตามความเหมาะสม ส่วนข้อที่มีความเหมาะสมต่ำที่สุดคือ ดำเนินงานกิจกรรมโครงการตามแผนที่กำหนดไว้

3.4 กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมอาสาร่วมกัน พบว่า ในภาพรวม ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ มีการแก้ไขปรับปรุงวิธีการดำเนินโครงการเมื่อพบว่าบกพร่อง ส่วนข้อที่มีความเหมาะสมต่ำที่สุด คือ กำหนดระยะเวลาในการรายงานผลโครงการตามความเหมาะสม

3.5 กิจกรรมที่ 5 กิจกรรมแก้ไขพัฒนา พบว่า ในภาพรวม ครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความเหมาะสม สูงที่สุด คือ มีการติดตามประสานงานกิจกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนข้อที่มีความเหมาะสมต่ำที่สุดคือ ประชาสัมพันธ์โครงการอย่างทั่วถึง

4. ด้านผลผลิต พบว่า ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุดและเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ มีการในชั้นเรียนเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาการเรียนการสอนอย่างน้อย 1 เรื่อง ส่วนข้อที่มีความเหมาะสมต่ำที่สุดคือ สามารถหาแนวทางการวิจัยในชั้นเรียนได้

5. ความพึงพอใจการดำเนินโครงการ พบว่า โครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุดและเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมสูงที่สุดคือ ใช้ผลการวิจัยในชั้นเรียนมาแก้ปัญหาการเรียนการสอน ส่วนข้อที่มีความเหมาะสมต่ำที่สุดคือ การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการพัฒนาบุคลากรในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน

โพสต์โดย สุภัสสร ศรีสวัสดิ์ : [8 ก.ย. 2565 เวลา 07:17 น.]
อ่าน [1754] ไอพี : 122.154.229.186
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 28,494 ครั้ง
ลอยกระทง วันลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง
ลอยกระทง วันลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง

เปิดอ่าน 26,745 ครั้ง
"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ
"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ

เปิดอ่าน 12,645 ครั้ง
มั่งคั่งอย่างไร ... ไม่รู้จบ
มั่งคั่งอย่างไร ... ไม่รู้จบ

เปิดอ่าน 17,469 ครั้ง
คำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน" มาจากไหน
คำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน" มาจากไหน

เปิดอ่าน 22,469 ครั้ง
อึ้ง!! สมุนไพรไทย 2,000 ตำรับ รักษามะเร็งได้จริง เตรียมเผยแพร่ผ่านหมอพื้นบ้านกันต่างชาติขโมยสูตร
อึ้ง!! สมุนไพรไทย 2,000 ตำรับ รักษามะเร็งได้จริง เตรียมเผยแพร่ผ่านหมอพื้นบ้านกันต่างชาติขโมยสูตร

เปิดอ่าน 16,083 ครั้ง
ปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปด้านการศึกษา (มัธยมศึกษา)
ปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปด้านการศึกษา (มัธยมศึกษา)

เปิดอ่าน 40,522 ครั้ง
Verbs: Moods
Verbs: Moods

เปิดอ่าน 13,118 ครั้ง
5 อาการเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
5 อาการเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

เปิดอ่าน 22,807 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา

เปิดอ่าน 18,440 ครั้ง
ดอกไม้ 5 ชนิด พิชิตโรค
ดอกไม้ 5 ชนิด พิชิตโรค

เปิดอ่าน 10,833 ครั้ง
ครม.มีมติตั้งอำเภอใหม่ กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
ครม.มีมติตั้งอำเภอใหม่ กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่

เปิดอ่าน 15,967 ครั้ง
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ

เปิดอ่าน 12,836 ครั้ง
วิเคราะห์จุดอ่อน-แข็ง การถ่ายโอนการศึกษา : เพื่อหาความเป็นไปได้
วิเคราะห์จุดอ่อน-แข็ง การถ่ายโอนการศึกษา : เพื่อหาความเป็นไปได้

เปิดอ่าน 22,314 ครั้ง
"ย่านาง" ตำรับยาแก้ไข้ สมุนไพรอายุวัฒนะ
"ย่านาง" ตำรับยาแก้ไข้ สมุนไพรอายุวัฒนะ

เปิดอ่าน 35,611 ครั้ง
น้ำข้าวกล้องงอก ของดีทำง่าย
น้ำข้าวกล้องงอก ของดีทำง่าย

เปิดอ่าน 11,203 ครั้ง
ทางรอดประเทศไทย : เปลี่ยนระบบการเรียนรู้
ทางรอดประเทศไทย : เปลี่ยนระบบการเรียนรู้
เปิดอ่าน 17,569 ครั้ง
เรื่องน่ารู้ของคลีโอพัตรา ไม่สวยอย่างที่ร่ำลือ-แต่ฉลาด
เรื่องน่ารู้ของคลีโอพัตรา ไม่สวยอย่างที่ร่ำลือ-แต่ฉลาด
เปิดอ่าน 7,908 ครั้ง
ทดสอบความทนทาน"ไอโฟน 5" พัง-ไม่พัง แตก-ไม่แตก
ทดสอบความทนทาน"ไอโฟน 5" พัง-ไม่พัง แตก-ไม่แตก
เปิดอ่าน 97,436 ครั้ง
ดูให้รู้ - วิธีการสอนเพื่อพัฒนาสมองทั้งซีกขวาและซ้ายในญี่ปุ่น
ดูให้รู้ - วิธีการสอนเพื่อพัฒนาสมองทั้งซีกขวาและซ้ายในญี่ปุ่น
เปิดอ่าน 14,062 ครั้ง
ADSL ทำงานอย่างไร?
ADSL ทำงานอย่างไร?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ