ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนากระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT)

ชื่อเรื่อง : การพัฒนากระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

ด้านการอ่าน (RT)

ชื่อผู้วิจัย : ลัดดาพรรณ จันทร์ปรีดา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ

ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ

ปีที่ทำการวิจัย : 2563

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง กระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสี่แยก มีวัตถุประสงค์หลัก คือพัฒนากระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) มีขั้นตอนของ

การดำเนินการวิจัยเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพและแนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริหาร หัวหน้างาน และครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 จำนวน 180 คน และสัมภาษณ์ ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

ด้านการอ่าน (RT) จำนวน 9 คน ขั้นตอนที่ 2 สร้างและหาคุณภาพของกระบวนการการบริหาร

แบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับ

การบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) จำนวน 5 คน และขั้นตอน

ที่ 3 ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำกระบวนการไปใช้ในการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริหาร หัวหน้างาน และครูผู้สอน

ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 จำนวน 180 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และแบบประเมิน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ คือ ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นโดยใช้เทคนิคการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลแบบการตอบสนองคู่ ด้วยค่า Modified Priority Needs Index (PNImodified) ส่วนข้อมูล

เชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

สรุปผลการวิจัย

จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล สภาพและแนวทางของการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนา

คุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT) สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้

1.ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 31-40 ปี ส่วนใหญ่ศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 121 มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษา มีประสบการณ์ในการทำงาน 11-15 ปี

2.ผลการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT) ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านความผูกพันต่อองค์กร มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านความไว้วางใจ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 ในภาพรวมมีสภาพที่พึงประสงค์ในการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงานการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านความผูกพันต่อองค์กร การปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และจากการวิเคราะห์ค่าดัชนี ลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น(Modified Priority Needs Index: PNImodified) ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT) ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 ในภาพรวมมีความต้องการจำเป็นอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ด้านความไว้วางใจ มีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นอยู่ในระดับสูง ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน และด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน มีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นอยู่ในระดับปานกลาง และด้านความผูกพันต่อองค์กร มีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นอยู่ในระดับปานต่ำ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ พบว่า ปัญหาและแนวทางที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 ในด้านต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้

1.1 ด้านความไว้วางใจ พบว่า ผู้บริหารควรยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหาร เพื่อสร้างความไว้ใจกับทุกภาคส่วน ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจริงใจในการบริหารงานและบริหารบุคคล บริหารงานแบบโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาสนับสนุน ส่งเสริม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

1.2 ด้านความผูกพันต่อองค์กร พบว่า ผู้บริหารควรปฏิบัติการเป็นแบบอย่าง มุ่งมั่นพัฒนาสู่ความสำเร็จ โดยยึดกรอบมาตรฐานการศึกษาและความต้องการของชุมชน ไม่ทำประโยชน์ส่วนตน บุคลากรขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง เกิดภาวะแข่งขันในการทำงานในองค์กร และควรจัดกิจกรรมให้บุคลากรมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

1.3 ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน พบว่า ผู้บริหารไม่มีความชัดเจน

ในการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน ระบบบริหารไม่มีมาตฐาน ขาดการวางแผนร่วมกันใน

องค์กร ขาดความตระหนักในการให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายร่วมกัน ขาดความเข้าใจในพันธกิจขององค์กร การเห็นแห่ประโยชน์ส่วนนมากกว่าการทำความเข้าใจในนโยบายและวัตถุประสงค์

องค์กร ควรมีการทำกับดูแล ติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

1.4 ด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน พบว่า ผู้บริหารขาดความยืดหยุ่นและ

ความศรัทธาในการบริหารจัดการ การกำกับ ติดตาม ส่งเสริม สนับสนุน และสร้างขวัญกำลังใจ

ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่รับฟังความคิดเห็นในการทำงานร่วมกัน ยึดติดกับการสั่งการจากต้นสังกัด และวางตัวบุคคลไม่เหมาะสมกับงาน

2. กระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT)

ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 4 องค์ประกอบคือ 1) ด้านความไว้วางใจ 2) ด้านความผูกพันต่อองค์กร 3) ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน และ 4) ด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน โดยมีหลักการบริหารตามวงจรคุณภาพ PDCA เป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินงานในแต่ละองค์ประกอบ

องค์ประกอบต้านความไว้วางใจ มีประเด็นในการดำเนินงาน ดังนี้

1. ผู้บริหารให้ความไว้วางใจบุคลากร ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตั้งเป้าหมายใน

การปฏิบัติงาน

2. จัดทำรายงานการบริหารงบประมาณสนับสนุนในการจัดกิจกรรมการเรียน

การสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในด้านต่าง เสนอต่อผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง

3. กำหนดแนวทางการบริหารโดยยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหาร เพื่อสร้าง

ความไว้ใจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4. ผู้บริหารสร้างขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงาน

กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน

5. จัดประชุมบุคลากร เพื่อร่วมกันวางแผนในการกำหนดเป้าหมายและแนวทาง

ในการติดตาม ประเมินผล เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในด้านต่าง ๆ

6. ผู้บริหารให้การยอมรับในความรู้และความสามารถ เพื่อให้บุคลากรมีแรงจูงใจ

ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

องค์ประกอบด้านความผูกพันต่อองค์กร มีประเด็นในการดำเนินงาน ดังนี้

1. ผู้บริหารสร้างความเข้าใจและให้ความเชื่อมั่นในการพัฒนาบุคลากร

อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติงานพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของบุคลากร

2. ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดสัมมนา ฝึกอบรมแก่บุคลากร เพื่อก่อให้เกิดความผูกพัน และความภาคภูมิใจในการทำงานร่วมกัน

3. ส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ

ในการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในต้านต่าง ๆ และนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน

4. ผู้บริหารให้ความมีอิสระในการปฏิบัติงานแก่บุคลากร เพื่อให้บุคลากรปฏิบัติ

หน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ

5. กำหนดวิสัยทัศน์ และๆจุดมุ่งหมายในการจัดการศึกษา เพื่อให้บุคมากรเข้ามา

มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและเกิดความภาคภูมิใจในการทำงานร่วมกัน

6. ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรเข้าร่วมประชุม อบรมอย่างสม่ำเสมอ

เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น

3. ผลการประเมินความเหมาะสมในการนำกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน ไปใช้ โดยภาพรมพบว่า มีความหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาผลการประเมินในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน มีความหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านความไว้วางใจ มีความหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่น้อยที่สุด คือ ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน มีความหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และผลการประเมินความเป็นไปได้ในการนำกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน ไปใช้ โดยภาพรวม มีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาผลการประเมินในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านความไว้วางใจ มีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน มีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่น้อยที่สุด คือ ด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน มีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด

4.ผลการประเมินความถูกต้องในการนำกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน ไปใช้ โดยภาพรมพบว่า มีความถูกต้องอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาผลการประเมินในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านความไว้วางใจ มีความถูกต้องในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านความผูกพันต่อองค์กร มีมีความถูกต้องอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่น้อยที่สุด คือ ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน มีความถูกต้องอยู่ในระดับมากที่สุด และผลการประเมินความเป็นประโยชน์ในการนำกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน ไปใช้ โดยภาพรวม มีความเป็นประโยชน์ได้อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาผลการประเมินในแต่ละด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านความไว้วางใจ มีความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน และด้านความมีอิสระในการปฏิบัติงาน มีความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่น้อยที่สุด คือ ด้านความผูกพันต่อองค์กร มีความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด

5. ผลการทดลองใช้กระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT)

5.1 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1สูงกว่า ก่อนเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนคลองยางนุสรณ์ สูงกว่า ก่อนเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองผักแว่น สูงกว่า ก่อนเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลศรีวัฒนาวิทยาสูงกว่า ก่อนเรียนโดยวัดผลการใช้คู่มือการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

5.2 ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสี่แยก ปีการศึกษา 2563 หลังการนำคู่มือไปทดลอง โรงเรียนบ้านสี่แยก โดยภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 75.62, S.D.=10.37) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการอ่านรู้เรื่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 77.00, S.D.=6.67) รองลงมา คือ ด้านการอ่านออกเสียง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ( = 74.25, S.D.=4.10) เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยร้อยละจำแนกตามสังกัด พบว่า โรงเรียนบ้านสี่แยกมีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงกว่า ระดับเขตพื้นที่ ร้อยละ 0.13 ระดับศึกษาธิการภาค ร้อยละ 1.56 ระดับสังกัด ร้อยละ 2.42 และระดับประเทศ ร้อยละ 2.60 แต่โรงเรียนบ้านสี่แยกมีคะแนนต่ำกว่าระดับจังหวัด ร้อยละ1.55

ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนคลองยางนุสรณ์ ปีการศึกษา 2563 หลังการนำคู่มือไปทดลอง โรงเรียนคลองยางนุสรณ์ โดยภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 90.00, S.D.=9.92) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการอ่านออกเสียง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 92.70, S.D.=6.70) รองลงมา คือ ด้านการอ่านรู้เรื่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ( = 87.29, S.D.=3.95) เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยร้อยละจำแนกตามสังกัด พบว่า โรงเรียนคลองยางนุสรณ์ มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงกว่า ระดับเขตพื้นที่ ร้อยละ 14.51 ระดับจังหวัด ร้อยละ12.83 ระดับศึกษาธิการภาค ร้อยละ 15.94 ระดับสังกัด ร้อยละ 16.80 และระดับประเทศ ร้อยละ 16.98

ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองผักแว่นปีการศึกษา 2563 หลังการนำคู่มือไปทดลอง โรงเรียนบ้านหนองผักแว่นโดยภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 98.76, S.D.=3.34) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้านการอ่านรู้เรื่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 99.39, S.D.=0.80) รองลงมา คือด้านการอ่านออกเสียง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ( = 98.40, S.D.=2.98) เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยร้อยละจำแนกตามสังกัด พบว่า โรงเรียนบ้านหนองผักแว่น มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงกว่า ระดับเขตพื้นที่ ร้อยละ 23.27 ระดับจังหวัด ร้อยละ 21.59 ระดับศึกษาธิการภาค ร้อยละ 24.70 ระดับสังกัด ร้อยละ 25.56 และระดับประเทศ ร้อยละ 25.74

ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลศรีวัฒนาวิทยาปีการศึกษา 2563 หลังการนำคู่มือไปทดลอง โรงเรียนอนุบาลศรีวัฒนาวิทยาโดยภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ( = 71.80, S.D.=20.69) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการอ่านออกเสียง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ( = 72.64, S.D.=14.00) รองลงมา คือ ด้านการอ่านรู้เรื่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ( = 70.95, S.D.=8.12) เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยร้อยละจำแนกตามสังกัด พบว่า โรงเรียนบ้านหนองผักแว่น มีคะแนนค่าเฉลี่ยต่ำกว่า ระดับเขตพื้นที่ ร้อยละ 3.69 ระดับจังหวัด ร้อยละ 5.37 ระดับศึกษาธิการภาค ร้อยละ 2.26 ระดับสังกัด ร้อยละ 1.40 และระดับประเทศ ร้อยละ 1.22

6. ความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65, S.D.=0.091) เมื่อพิจารณารายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านการออกแบบรูปเล่มของคู่มือ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.69, S.D.=0.304) รองลงมา คือ ด้านเนื้อหาในคู่มือ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.68, S.D.=0.212) และข้อที่น้อยที่สุด คือ ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.58, S.D.=0.163) มีรายละเอียดดังนี้

ด้านการออกแบบรูปเล่มของคู่มือ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.69, S.D.=0.304) เมื่อพิจารณารายข้อ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ขนาดรูปเล่มมีความเหมาะสมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.83, S.D.=0.389) รองลงมา คือ ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.75, S.D.=0.452) และข้อที่น้อยที่สุด คือ รูปเล่มของคู่มือมีความน่าสนใจและความสะดวกในการใช้สื่อสาร มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.58, S.D.=0.515)

ด้านเนื้อหาในคู่มือ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.68, S.D.=0.212) เมื่อพิจารณารายข้อ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ เนื้อหาของคู่มือมีความทันสมัย ต่อเหตุการณ์ และการจัดเนื้อภายในคู่มือ เป็นหมวดหมู่ เข้าใจง่าย มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.75, S.D.=0.452) รองลงมา คือ เนื้อหามีคลอบคลุมและความเหมาะสมและการจัดเนื้อหา เป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องและเชื่อมโยงกันดี มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.67, S.D.=0.515) และข้อที่น้อยที่สุด คือ เนื้อหาของคู่มือมีความตรงต่อความต้องการการจัดเนื้อหาเป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องและเชื่อมโยงกันดี มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.58, S.D.=0.515)

ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก( = 4.58, S.D.=0.163) เมื่อพิจารณารายข้อ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ สามารถนำคู่มือไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.75, S.D.=0.452) รองลงมา คือ สามารถนำคู่มือไปใช้ศึกษาเพิ่มเติมในใช้ในกระบวนการบริหารทางการบริหารจัดการงานในสถานศึกษาและความรู้จากคู่มือสามารถนาไปใช้ประโยชน์ใน การพัฒนาพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่านให้สูงขึ้น มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด( = 4.58, S.D.=0.515) และข้อที่น้อยที่สุด คือความพึงพอใจของท่านโดยรวมต่อประโยชน์ ที่ได้รับจากคู่มือ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก( = 4.42, S.D.=0.515)

อภิปรายผล

1.ผลการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของกระบวนการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านการอ่าน (RT) ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการอ่าน (RT) ในภาพรวมมีสภาพที่พึงประสงค์ในการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ด้านความไว้วางใจ

ทั้งนี้อาจเพราะการที่ผู้บริหารติดตามความก้าวหน้าของงานที่มอบหมายเป็นระยะ พร้อมทั้งมอบหมายงานที่สำคัญ ๆ ให้แก่บุคลากรอยู่สมอ และมีการพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่างเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บังคับบัญชาที่จะมอบหมายงานในด้านต่าง ๆ แท่ผู้บุคลากร ซึ่งในบางครั้งการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานจำเป็นต้องส่งเสริมด้วยการให้อิสระการตัดสินใจในการทำกิจกรรมแก่บุคลากรยกย่องให้เกียรติ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด (อรุณ รักธรรม.2540: 269) การบริหารแบบมีส่วนร่วมมีองค์ประกอบอย่างน้อย 4 องค์ประกอบด้วยกัน คือ 1) การไว้เนื้อเชื่อใจ 2) การติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนให้ข้อมูลทั้งแนวดิ่งแล แนวขนาน 3) การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเป็นหลัก และ 4) การทำงานเป็นทีม และสอดคล้องกับแนวคิดของชูชาติ พ่วงสมจิตร์ (2546: 211) ที่กล่าวถึงการบริหารแบบมีส่วนร่วมมีหลักสำคัญ 6 ประการ คือ 1) การกระจายอำนาจและการให้อำนาจในการตัดสินใจ 2) ความไว้วางใจกัน 3) การร่วมกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และร่วมรับผิดชอบดำเนินการ 4) มีความเป็นอิสระที่จะรับผิดชอบและสามารถดูแลตนเองได้ 5) ความผูกพันต่อกันและรู้สึกเป็นเจ้าของหน่วยงานร่วมกัน และ 6) การให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนและทันสมัยต่อทุกคนที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ สอดคล้องกับงานวิจัยของบรรพชา บุญสิงห์ (2556) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในโรงเรียนประถมศึกษา อำเภอเปื่อยน้อย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2 พบว่า มีการบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ต้านความไว้วางใจกัน อยู่ในระตับมาก และสอดคล้องกับงานวิจัยของ รัชนิดา นิลมณี (2554) ที่ทำการวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับงานวิชาการของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 พบว่า มีการบริหารแบบมีส่วนร่วมในต้านต่าง ๆ อยู่ในระดับมาก เรียงลำตับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ความยึดมั่นผูกพัน ความผูกพันที่จะปฏิบัติ การตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน และความเป็นอิสระต่อการรับผิดชอบในงาน และการไว้วางใจกัน ตามลำดับ

โพสต์โดย สิงโต ขนปุย : [7 ธ.ค. 2565 เวลา 19:21 น.]
อ่าน [62265] ไอพี : 49.228.127.10
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,946 ครั้ง
"ครู" คือ "ปูชนียบุคคล" หรือ "ผู้แจวเรือจ้าง"
"ครู" คือ "ปูชนียบุคคล" หรือ "ผู้แจวเรือจ้าง"

เปิดอ่าน 8,351 ครั้ง
กว่าจะมาเป็น "ไอโฟน" จุดกำเนิดและความบังเอิญ
กว่าจะมาเป็น "ไอโฟน" จุดกำเนิดและความบังเอิญ

เปิดอ่าน 10,553 ครั้ง
ต้านเหงือกติดเชื้อด้วยการกินโฮลวีท
ต้านเหงือกติดเชื้อด้วยการกินโฮลวีท

เปิดอ่าน 17,761 ครั้ง
การตากข้าว สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 3
การตากข้าว สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 3

เปิดอ่าน 12,892 ครั้ง
ปลาชะลอสมองเสื่อม
ปลาชะลอสมองเสื่อม

เปิดอ่าน 10,841 ครั้ง
ชื่นชมลูก ช่วยพัฒนา
ชื่นชมลูก ช่วยพัฒนา

เปิดอ่าน 18,811 ครั้ง
บุหรี่มวน (Cigarette) ผลกระทบต่อสุขภาพ
บุหรี่มวน (Cigarette) ผลกระทบต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 17,143 ครั้ง
5 ตุ๊กตาสุดฮิตของโลก
5 ตุ๊กตาสุดฮิตของโลก

เปิดอ่าน 9,410 ครั้ง
บทบาทผู้นำองค์กร 2020
บทบาทผู้นำองค์กร 2020

เปิดอ่าน 10,334 ครั้ง
ไปรษณีย์ไทยเปิดศักราช งานแสตมป์เอเชีย 2010
ไปรษณีย์ไทยเปิดศักราช งานแสตมป์เอเชีย 2010

เปิดอ่าน 17,311 ครั้ง
พสกนิกรแชร์คลิปประทับใจ "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงกวักพระหัตถ์เรียกบัณฑิต กลับมารับปริญญา หลังปริ
พสกนิกรแชร์คลิปประทับใจ "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงกวักพระหัตถ์เรียกบัณฑิต กลับมารับปริญญา หลังปริ

เปิดอ่าน 56,694 ครั้ง
ไอเดียการจัดตกแต่งบ้านต้อนรับปีใหม่
ไอเดียการจัดตกแต่งบ้านต้อนรับปีใหม่

เปิดอ่าน 29,554 ครั้ง
Photosynth สังเคราะห์ภาพ3 มิติ
Photosynth สังเคราะห์ภาพ3 มิติ

เปิดอ่าน 6,087 ครั้ง
13 ตุลาคม ของทุกปี "วันนวมินทรมหาราช"
13 ตุลาคม ของทุกปี "วันนวมินทรมหาราช"

เปิดอ่าน 15,248 ครั้ง
นวดกดจุดบนใบหน้า ทางเลือกแก้นอนไม่หลับในผู้สูงอายุ
นวดกดจุดบนใบหน้า ทางเลือกแก้นอนไม่หลับในผู้สูงอายุ

เปิดอ่าน 29,303 ครั้ง
ลักษณะวลีและประโยคพื้นฐาน
ลักษณะวลีและประโยคพื้นฐาน
เปิดอ่าน 132,178 ครั้ง
เช็คให้ดี! "ฮวงจุ้ยห้องพระ" วางตรงไหนเหมาะ วางไม่ดีอาจทำเงินทองรั่วไหล
เช็คให้ดี! "ฮวงจุ้ยห้องพระ" วางตรงไหนเหมาะ วางไม่ดีอาจทำเงินทองรั่วไหล
เปิดอ่าน 20,823 ครั้ง
ชนชาติแรกที่สูบบุหรี่
ชนชาติแรกที่สูบบุหรี่
เปิดอ่าน 17,272 ครั้ง
สื่อดิจิทัล "Learning Object" ชุดใหม่ สสวท.พร้อมให้ใช้งานแล้ว
สื่อดิจิทัล "Learning Object" ชุดใหม่ สสวท.พร้อมให้ใช้งานแล้ว
เปิดอ่าน 16,043 ครั้ง
กินวิตามินอย่างไรให้ได้ประโยชน์
กินวิตามินอย่างไรให้ได้ประโยชน์

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ