Plan การวางแผน
1.ศึกษาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกับคณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษา ร่วมกันอภิปราย คิด วิเคราะห์ ดูสภาพปัญหาในปัจจุบันซึ่งเป็นผลกระทบต่อสังคม และตัวนักเรียน ร่วมถึงครู ในการพัฒนาสถานศึกษา ส่งต่อระบบศึกษาบนพื้นฐานความแตกต่างของวัฒนธรรม ของนักเรียน โดยเห็นด้วยกันว่า การพัฒนาการศึกษา หรือสถานศึกษาจะไม่มองเพียงแค่ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เราจะต้องแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา นั้นคือการปรับเปลี่ยนจากการแก้ไขมาเป็นการส่งเสริมทั้งระบบ โดยเริ่มจากตัวของผู้บริหาร ในการเป็นแรงบันดาลในการทำงาน ครูที่มีคุณภาพ และจะส่งเสริมผู้เรียนได้อย่างเท่าเทียมกัน
2.สร้างความเข้าใจในการส่งเสริมคุณครูให้มีคุณภาพ และส่งผลสู่ผู้เรียน โดยที่ไม่มีการเพิ่มภาระของคุณครู แต่เป็นการสร้างคุณภาพให้เกิดขึ้นกับครูอย่างถาวร
3.วางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ และเริ่มการดำเนินกิจกรรมในลำดับต่อไป
Do ลงมือปฏิบัติ
1.การดำเนินกิจกรรมตามรูปแบบ BKM Power Model ยึดถือแบบการดำเนินงาน ลดภาระของคุณครู แต่ต้องเกิดผลจริงแก่ตัว ครูที่มีคุณภาพ และนักเรียน เก่ง ดี มีความสุข ที่สอดแทรกไปกับการพัฒนาตนเอง การพัฒนาผู้เรียน ตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น กิจกรรมสำคัญในโรงเรียน การทำโครงงานตามประเด็นที่สนใจในสถานศึกษา ฯลฯ ดังนี้
B Brainstorming = การระดมสมองการดำเนินงานของครูเปิดโอกาสในการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ในการแก้ไขปัญหา ในรูปแบบของการ PLC และยังใช้เป็นเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของครู นักเรียน ในการดำเนินงาน
K Key Performance Indicator (KPI) = การกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จหลัก ใช้เป็นเกณฑ์ประเมินผลของนโยบายหรือแผนพัฒนาทางการศึกษาที่มีความชัดเจนในการประเมินถึงเป้าประสงค์ของความสำเร็จ ในรูปแบบของการจัดทำโครงการพัฒนาผู้เรียน การผลิตสื่อการจัดการเรียนรู้ รวมถึงการวัดและประเมินตัวผู้เรียน
M Motivational Leadership = ผู้อำนวยการสร้างให้เกิดภาวะผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยใช้ทักษะนี้ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในระดับของการให้กำลังใจครู ในการดำเนินงาน หรือการทำกิจกรรมใดที่เกิดผลดีต่อระบบการศึกษา โดยการเป็นแบบอย่าง (Role Model) ประพฤติตนด้วยจริยธรรม มีความทุ่มเท ซื่อสัตย์ และมีวินัยในการทำงาน เป็นแรงบันดาลใจให้ครูและบุคลากรเห็นคุณค่าของการทำงาน การสื่อสารด้วยความเข้าใจ ใช้การสื่อสารเชิงบวก ฟังความคิดเห็น เปิดพื้นที่ให้ครูได้พูด และใช้ถ้อยคำสร้างพลัง เช่น คุณทำได้, งานนี้สำคัญมาก การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision) ไม่ใช่แค่เป้าหมายของผู้นำ แต่ร่วมสร้าง เป้าหมายของพวกเรา ที่ครูทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของและอยากร่วมขับเคลื่อน และการสร้างบรรยากาศเชิงบวก (Positive Culture) บรรยากาศที่มีความเคารพ การช่วยเหลือ และความเชื่อมั่นในกันและกัน ส่งผลต่อแรงจูงใจของครูในระยะยาว
P Professional Development = การพัฒนาวิชาชีพ ส่งเสริมการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง เช่น การเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ / หลักสูตรพัฒนาทักษะใหม่ การศึกษาต่อ ปริญญาโท-เอก หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพครู รวมถึงเพื่อเสริมความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง การมีครูพี่เลี้ยงช่วยแนะแนวให้ครูใหม่ ครูประสบการณ์น้อย การส่งเสริมการเติบโตแบบมืออาชีพ การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Professional Learning Community - PLC) ครูร่วมกันวางแผน แก้ปัญหา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ภายในโรงเรียน การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของครู การวิจัยในชั้นเรียน (Action Research) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ (Digital Professional Development) เช่น การเรียนออนไลน์, เข้าร่วม MOOC, ใช้แหล่งเรียนรู้ดิจิทัล เพิ่มความคล่องตัวและความสามารถปรับตัวในยุคดิจิทัล
O Opportunity-Based Learning = การเรียนรู้จากโอกาส ส่งเสริมการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทั้งในโรงเรียน ครอบครัว และสังคม เช่น การแก้ปัญหาขยะในโรงเรียน การวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สื่อของเพื่อนร่วมชั้น หรือการจัดกิจกรรมในวันสำคัญต่าง ๆ โดยมีครูทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ที่มีจุดเน้นจากประสบการณ์ตรงของผู้เรียนเอง
W Well-being = สุขภาวะที่ดี ครูมีสุขภาวะที่ดี นักเรียนก็จะได้รับประโยชน์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องเรียนที่อบอุ่น มีความเข้าใจ ได้รับแรงเสริมทางอารมณ์ รวมถึงเห็นแบบอย่างของครู ที่สามารถจัดการกับปัญหา ความเครียด และการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้คือการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและส่งผลยาวนานกว่าความรู้ในตำรา ดังนั้น การพัฒนาผู้เรียนให้ เก่ง ดี และมีความสุข อย่างยั่งยืน เราจำเป็นต้องเริ่มจากการสร้าง ครูที่มีความสุข ซึ่งสถานศึกษายังมีระบบในการดูแลความปลอดภัยของผู้เรียน การเตียมความพร้อมด้านต่างๆ
E Equity in Education = ความเท่าเทียมในการศึกษา ความเสมอภาคทางการศึกษา ไม่ใช่การทำให้ทุกคนเหมือนกัน แต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยความแตกต่าง การสร้าง Equity จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในโรงเรียนตั้งแต่ผู้บริหาร ครู จนถึงนักเรียน ที่ต้องร่วมมือกันสร้างระบบที่เข้าใจ เห็นคุณค่า และสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น ผู้บริหารใช้การกระจายภาระงานครูตามความถนัด ไม่ใช้มาตรฐานเดียวตัดสินทุกคน,ปลูกฝังวัฒนธรรม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้าใจ เช่น เพื่อนช่วยเพื่อน การเรียนรู้จากความแตกต่างทางวัฒนธรรม หรือสื่อการสอนที่ไม่ตอกย้ำอคติ เป็นต้น
R Recognition = การยอมรับหรือการให้รางวัล ส่งเสริมแรงจูงใจโดยการให้รางวัลแก่ความสำเร็จในด้านต่าง ๆ สำหรับคุณครู การยอมรับของครู = เติมพลังใจ = ขับเคลื่อนการศึกษา โดยใช้คำชื่นชมที่ตรงจุดและจริงใจ ผู้บริหารสามารถให้คำขอบคุณหรือชื่นชมในการประชุมประจำสัปดาห์ เช่น ขอบคุณครูน้ำ ที่สามารถใช้กิจกรรมสะเต็มพัฒนาทักษะคิดวิเคราะห์ได้ดีมาก การกล่าวยกย่องต่อหน้าคณะครูหรือบันทึกลงในข่าวสารภายในโรงเรียน การให้รางวัลเชิงสัญลักษณ์หรือรางวัลเกียรติยศ มอบเกียรติบัตร ครูดีเด่นด้านการสื่อสารกับผู้ปกครอง หรือ ครูต้นแบบแห่งปี การส่งเข้าประกวดครูดีเด่นระดับเขต/ระดับชาติ ส่งเสริมการพัฒนาต่อเนื่อง เมื่อครูแสดงศักยภาพในด้านใด ให้โอกาสในการอบรมหรือเป็นวิทยากร เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ สำหรับ นักเรียน การยอมรับของนักเรียน = แรงใจในการเรียนรู้ = พฤติกรรมดีที่ยั่งยืน คำชมรายวันจากครูในชั้นเรียน เช่น วันนี้ครูขอชื่นชมน้องบีมที่ช่วยเพื่อนเก็บอุปกรณ์โดยไม่ต้องบอกเลย ใช้ สมุดคำชม หรือ กระดานแห่งความดี รางวัลทางเลือก (ไม่ใช่แค่คะแนน) เช่น ตั๋วกิจกรรมพิเศษ รางวัลการเป็นผู้ช่วยครูในวันถัดไป หรือได้เลือกเพลงเปิดเรียน ประกาศชื่อผ่านเสียงตามสายหรือหน้าแถวตอนเช้า แสดงความสำเร็จในที่สาธารณะ ติดภาพใน บอร์ดคนเก่ง คนดี จัดเวทีให้พูดสั้น ๆ เพื่อแบ่งปันความภูมิใจของตนเอง
Check ตรวจสอบ
1.การตรวจสอบติดตามอย่างต่อเนื่องผ่านการดำเนินกิจกรรมรูปแบบ แบบสอบถาม / แบบประเมิน สำหรับครู นักเรียน หรือผู้ปกครอง การบันทึกผลการสังเกต พฤติกรรม การมีส่วนร่วม หรือการเปลี่ยนแปลง บันทึกกิจกรรม / รายงานผลการปฏิบัติ / ภาพถ่ายกิจกรรม หรือ การปรับปรุงและพัฒนา (Feedback Loop) ใช้ผลการตรวจสอบมาเป็นข้อมูลในการปรับแผน/แนวทางในรอบต่อไป และการรับฟังข้อเสนอแนะจากครู ผู้เรียน และผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอ
Act ปรับปรุง
1.ข้อมูลจริง การมีส่วนร่วม และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ความกล้าในการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ครู นักเรียน โดยการสะท้อนผลการดำเนินงานในรูปแบบการทบทวนการปฏิบัติงาน (AAR : After Action Review) หลังเสร็จสิ้นแต่ละกิจกรรม ซึ่งเป็นการทบทวนวิธีการทำงานทั้งด้านความสำเร็จ และปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการทำกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือ ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เป็นกิจกรรมที่ทำหลังจากกิจกรรม AAR เสร็จแล้ว เพื่อหาแนวทางพัฒนาหรือร่วมกันแก้ปัญหา โดยร่วมมือกันของครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ชุมชน นักวิชาการต่าง ๆ หรือผู้ที่ เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนานักเรียน
2. นิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลโครงการเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง จากนั้นสรุปและรายงานผลการดำเนินงาน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และขยายผลเพื่อสร้างเครือข่ายการดำเนินงาน
3.3 ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
การสร้างครูที่มีคุณภาพ ในการส่งเสริมนักเรียน ให้เป็นคนเก่ง ดี มีความสุข ภายใต้ชื่อผลงาน BKM Power Model เสริมพลังครูคุณภาพ สร้างเด็ก เก่ง ดี มีความสุข ตามบริบทของโรงเรียนบ้านเขามัน เกิดผลดังนี้
1.ประสิทธิภาพของการดำเนินงานด้านผู้บริหาร และคุณครู
1.1 มีอิสระในการดำเนินงานตามวิชาชีพและทำงานได้อย่างมีความสุข
1.2 มีความรัก เมตาต่อลูกในการส่งเสริมด้านที่ดีให้กับนักเรียน
1.3 มาโรงเรียนและปฏิบัติงานได้ตรงต่อเวลา เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน
1.4 สามารถจัดกิจกรรมได้อย่างสร้างสรรค์สนุกสนาน และเข้าใจผู้เรียน
1.5 มีนวัตกรรมทางการศึกษาที่มุ่งพัฒนาตนเองและนักเรียน
2.ประสิทธิภาพของการดำเนินงานด้านนักเรียน
2.1 มีทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ การคิดสร้างสรรค์ (Creativity) การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) การแก้ปัญหา (Problem Solving) การทำงานร่วมกัน (Collaboration) การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Communication)
2.2 นักเรียนมีคุณธรรมหรือพฤติกรรมเชิงบวกที่ดีขึ้น ในด้าน ความซื่อสัตย์ ความมีวินัย และความพอเพียง
2.3 นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
3.4 การใช้ทรัพยากร
ในการใช้ทรัพยากรได้มีการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในการทำกิจกรรมBKM Power Model เสริมพลังครูคุณภาพ สร้างเด็ก เก่ง ดี มีความสุข และเหมาะสมควรโดยมีการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยสามารถทำได้ดังนี้
1. วางแผนกิจกรรมให้เหมาะสมกับเป้าหมาย โดยได้กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
2.ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ทรัพยากรบุคคล : ใช้ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมถึงเทคโนโลยีในการเรียนรู้แบบใหม่
จากตัวบุคคลในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ทรัพยากรธรรมชาติ: ใช้สิ่งรอบตัว เช่น ใช้พื้นที่ธรรมชาติในโรงเรียนเพื่อทำกิจกรรม หรือ
ของที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง
ทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว : ใช้อุปกรณ์หรือสื่อที่มีอยู่ในโรงเรียนมาใช้และประยุกต์ใช้เพื่อลดการ
สิ้นเปลือง เช่น การใช้สื่อออนไลน์แทนเอกสาร ส่งเสริมการมีส่วนร่วม โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนช่วยกันคิดและออกแบบกิจกรรม เพื่อให้รู้สึกมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ ร่วมถึงคุณครูเช่นเดียวกัน และ ส่งเสริมให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญต่างๆของสถานศึกษา
3. สร้างความตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของทรัพยากร โดยสอนให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เช่น การใช้กระดาษรีไซเคิลหรือการประหยัดน้ำและไฟฟ้าในกิจกรรมและย้ำให้นักเรียนเรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงและนำมาปรับใช้
4. ประเมินผลและปรับปรุง หลังจบกิจกรรมควรประเมินผลว่าบรรลุเป้าหมายหรือไม่ โดยการรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ครู และผู้มีส่วนร่วม เพื่อปรับปรุงการใช้ทรัพยากรในกิจกรรมครั้งต่อไปการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ช่วยให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่น
ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ตั้งกระทู้คำถามใหม่
กลับหน้าที่แล้ว
