ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT

เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ทัศวรรณ สงวนการ

Tatsawan Sanguankarn

โรงเรียนตะโหมด สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพัทลุง

…………………………………….. School, The Secondary Educational Service Area Office Phattalung

*Corresponding Author, Email …………………………………….

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องการพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืม

ภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์1. เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังเรียนในการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนด้วยแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผลการวิจัยพบว่า การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและได้เลือกกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียน

ตะโหมด สำนักงานเขียนพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น ปีการศึกษา 2564 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤต

ในภาษาไทย จำนวน 5 แผนการเรียนรู้ รวม 7 ชั่วโมง แบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย แบบทดสอบเรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย แบบปรนัยชนิดชนิดตัวเลือก 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านบรรยากาศ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียน และด้านประโยชน์ที่ได้รับ รวม 20 ข้อผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้สามารถสรุปผลการศึกษาได้ดังนี้

1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.67/81.42 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่อง คำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องเรื่อง คำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย มีความพึงพอใจต่อการจัด

การเรียนรู้โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน

คำสำคัญ: การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT คำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย

ความเป็นมาและความสำคัญ

ภาษาเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน สังคมมนุษย์เป็นสังคมที่ไม่หยุดนิ่งเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีสมอง มีสติปัญญาสามารถที่จะคิด สร้างสรรค์ พัฒนาเปลี่ยนแปลงชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

อยู่เสมอ ภาษาซึ่งเป็นกลไกสำคัญของสังคมมนุษย์จึงอาจเปลี่ยนแปลงควบคู่กันไปกับสังคมมนุษย์ คำและประโยคในทุกภาษาอาจเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือหดหายไปพร้อม ๆ กับความเปลี่ยนแปลงความเจริญ และความเสื่อมของสังคมมนุษย์ ภาษามักเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคแต่ละสมัย เช่น ภาษาไทยสมัยสุโขทัยไม่เหมือนภาษาไทยในสมัยอยุธยาทั้งหมด ภาษาไทยในสมัยอยุธยาย่อมไม่เหมือน ภาษาไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ก็ใช่ว่าจะแตกต่างกันไปเสียทั้งหมด ความเปลี่ยนแปลงทางภาษาจะค่อย ๆ เกิดขึ้นและดำเนินไป ไม่มีใครบอกล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไป จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือจะเปลี่ยนเมื่อใด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับภาษานอกจากจะเกิดจากปัจจัยภายในตัวภาษาแล้วยังอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกภาษา คือ อิทธิพลของภาษาอื่นอีกด้วย ภาษาอาจเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในด้านการออกเสียง ระบบเสียง ความหมายของคำ และหน้าที่ของคำในบริบทต่าง ๆ (กาญจนา นาคสกุล. 2554 : 4 ) นอกจากนี้ ทุกภาษาจะมีความสมบูรณ์เพียงพอที่จะสื่อสารกันได้ในกลุ่มเมื่อมนุษย์ได้ติดต่อกับคนต่างกลุ่ม ติดต่อกับคนที่ใช้ภาษาต่างไปจากตน การหยิบยืมทางภาษาก็อาจเกิดขึ้นได้ในทุกกลุ่มชน การยืมจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความต้องการของคนในสังคมนั้น ๆ (สถาบันภาษาไทย. 2546 : 1)

การเก็บข้อมูลในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทยจากการแลกเปลี่ยนชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) และสอบถามครูผู้สอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่นให้การสัมภาษณ์ดังนี้

“การจัดการเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทยพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากการสอนที่ผ่านมา พบว่าปัญหาส่วนใหญ่คือเรื่องจับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่าน และอีกหนึ่งเรื่องคือนักเรียนยังไม่จำแนกความแตกต่างระหว่างคำยืมภาษาต่างประเทศในแต่ละภาษาได้ถูกต้องนัก”

จากการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยโรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม ทำให้ผู้วิจัยได้ผลสรุปของปัญหาในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ 2 เรื่อง คือการอ่านจับใจความสำคัญและคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ผู้วิจัยจึงสร้างแบบทดสอบทั้ง 2 เรื่อง เพื่อทดสอบนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 30 คะแนน แบ่งเนื้อหาแบบทดสอบเป็นเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญจำนวน 15 ข้อ และคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยจำนวน 15 ข้อ ผู้วิจัยพบว่า ผลคะแนนรวมของนักเรียนในการทำแบบทดสอบเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญเฉลี่ยร้อยละ 79.67 และผลคะแนนรวมของนักเรียนในการทำแบบทดสอบเรื่องคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยเฉลี่ยร้อยละ 52.50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจากปัญหาทั้งสองเรื่องพบว่า ปัญหาการใช้คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินร้อยละ 70 จากนั้นผู้วิจัยจึงสร้างแบบทดสอบอีกหนึ่งชุดเพื่อสำรวจปัญหาเรื่องคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 40 คะแนน แบ่งเนื้อหาของแบบทดสอบเป็นทั้งหมด 4 เรื่อง ได้แก่ คำยืมที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต คำยืมที่มาจากภาษาเขมร คำยืมที่มาจากภาษาอังกฤษ และคำยืมที่มาจากภาษาจีน โดยผู้วิจัยสร้างแบบทดสอบเรื่องละ 10 ข้อ รวมเป็น 40 ข้อ แล้วนำไปทดสอบกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อีกครั้ง พบว่าคะแนนรวมของนักเรียนในการทำแบบทดสอบเรื่องคำยืมที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตเฉลี่ยร้อยละ 44.75 คะแนนรวมของนักเรียนในการทำแบบทดสอบเรื่องคำยืมที่มาจากภาษาเขมรเฉลี่ยร้อยละ 61.25 คะแนนรวมของนักเรียนในการทำแบบทดสอบเรื่องคำยืมที่มาจากภาษาอังกฤษเฉลี่ยร้อยละ 77.50 และคะแนนรวมของนักเรียนในการทำแบบทดสอบเรื่องคำยืมที่มาจากภาษาจีนเฉลี่ยร้อยละ 71.75 จากผลคะแนนดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยทราบว่าปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการในการแก้ปัญหาครั้งนี้คือเรื่องคำยืมที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต ที่มีคะแนนเฉลี่ยรวมน้อยที่สุดจากทั้ง 4 เรื่อง ผู้วิจัยจึงมุ่งที่จะแก้ปัญหาเรื่องคำยืมที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการใช้คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยได้ดีขึ้น

การถ่ายทอดหยิบยืมกันไม่เป็นสิ่งเสียหายแต่ประการใด กลับจะทำให้ภาษามีคำใช้มาก สะดวกในการสื่อความหมายกัน ทั้งทำให้ภาษาเจริญงอกงามขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามธรรมชาติของมัน สาเหตุการนำคำภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทย เกิดจากธรรมชาติของภาษาของทุกภาษาย่อมมีการยืมคำภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้ในภาษาของตน เพราะภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร สื่อความคิดของมนุษย์ และภาษาเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ภาษาไทยก็เช่นกันได้ปรากฏหลักฐานในเอกสารต่าง ๆ ว่ามีการนำภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้นาน แล้ว จากสาเหตุหลายประการดังนี้ สาเหตุทางด้านภูมิศาสตร์ ที่ไทยมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ สาเหตุทางด้านประวัติศาสตร์และการสงคราม มีการอพยพโยกย้ายผู้คนไปยัง เมืองของคน สาเหตุด้านการเมืองและการทำสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ การติดต่อทางการทูต สาเหตุ ทางด้านศาสนา มีการรับศาสนาพุทธเข้ามาเป็นศาสนาประจำชาติ และเปิดโอกาสให้ศาสนาอื่น ๆ เข้ามาเผยแผ่ในประเทศไทย สาเหตุทางด้านการพาณิชย์ ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับ ต่างประเทศตลอดมาจนถึงปัจจุบัน สาเหตุด้านศิลปวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรมค้านวรรณคดี การแสดง ทั้งจากตะวันออกและตะวันตก สาเหตุ ด้านการศึกษาและ วิชาการ สาเหตุธุรกิจส่วนตัวของบุคคลระหว่างสองชาติ การวิวาห์ การอุปการะเกื้อกูลกันจากสาเหตุต่าง ๆ ข้างต้นทำให้มีวิธีการนำคำภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้ในภาษาไทยหลายวิธีด้วยกัน ทั้งนี้การทับศัพท์ คือการออกเสียงตามคำเดิม หรือใกล้เคียง และปรับให้เข้ากับลักษณะของภาษาไทย การลากเข้าความ คือพยายามเปลี่ยนเสียงและความหมายให้คุ้นหู การแปลงเสียง คือการตัดเสียงและเพิ่มเสียง การแปลงความหมาย คือความหมายแคบเข้า ความหมายกว้างออกความหมายย้ายที่ การแปลศัพท์ คือการยืมความหมายโดยการแปลความหมายของคำ แบบคำต่อคำและการสร้างคำหรือบัญญัติคำ คือการสร้างศัพท์ใหม่ขึ้นใช้ ทำให้การใช้ภาษาพูด ภาษาเขียนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากสาเหตุดังกล่าวพบว่ามีการใช้ภาษาผิดพลาดและบกพร่องอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องการใช้คำ การใช้สำนวนภาษาที่ไม่เหมาะสม การใช้คำที่ไม่ถูกกาลเทศะ ศัพท์มีจำนวนมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดความสับสนในการใช้ การเขียนสะกดการันต์ การวาง รูปวรรณยุกต์ผิดที่การใช้ประโยคไม่ถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งการลำประโยคและการนำไปใช้อื่น ๆ (จันจิรา จิตตะวิริยะพงษ์. 2546 : 159 - 162) การรับเอาภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้ในภาษาไทย จึงมีปรากฏใช้มากมายในปัจจุบัน และในกลุ่มภาษาต่างประเทศที่ไทยรับเข้ามาใช้นั้น ภาษาบาลีและสันสกฤต เป็นภาษาที่มีอิทธิพลต่อภาษาไทยมากที่สุด ดังที่จำนงค์ ทองประเสริฐ (2520) ได้กล่าวไว้ว่า หากเราจะลองเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานดูแล้วจะเห็นว่ามีคำที่เรานำมาจากภาษาบาลีสันสกฤตอยู่ตั้งครึ่งค่อนเล่มจะเห็นว่าคำบาลีสันสกฤตได้เข้ามามีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับภาษาไทยตลอดมาและคนไทยก็นำมาใช้เป็นภาษาพูดเขียนกันทุกวันเป็นปกติ การศึกษาหลักการสังเกตคำบาลีและสันสกฤตจะทำให้เราทราบความหมายเดิมของคำนั้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาวรรณคดีหรือในแง่ของการวิเคราะห์กระบวนการเปลี่ยนแปลงของคำต่อไป

จากการศึกษาปัญหาข้างต้น ผู้วิจัยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับบริบทของนักเรียนกระตุ้นให้นักเรียนสนใจบทเรียน เข้าใจหลักการใช้คำยืมภาษาบาลีสันสกฤตอย่างถูกต้องซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้หรือเทคนิคการสอนมาประยุกต์ใช้ ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาค้นคว้ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงศึกษางานวิจัยต่าง ๆ ทำให้ผู้วิจัยเลือกการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เนื่องจากชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2555 : 185 - 188) ได้กล่าวไว้ว่าการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบกลุ่มร่วมมือ TGT เป็นการจัดการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่น่าจะนำมาใช้เพื่อการพัฒนาในการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เนื่องจากการจัดการเรียนรู้รูปแบบนี้จะสนองความต้องการความแตกต่างระหว่างบุคคล สร้างความสนใจให้ผู้เรียน อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้โดยง่ายและถูกต้อง ตรงตามจุดมุ่งหมาย ประหยัดเวลาได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม เป็นวิธีการพัฒนารูปแบบมาจากการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยกำหนดให้ผู้เรียนที่มีความสามารถ แตกต่างกันทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และใช้การแข่งขัน หรือการต่อสู้ทางวิชาการ โดยผู้เรียนที่มี ความสามารถทางวิชาการเท่าเทียมกัน เข้าแข่งขันกันตามกลุ่มต่าง ๆ เพื่อนำคะแนนของแต่ละคนที่ได้ จากการแข่งขันในแต่ละกลุ่มมาเป็นคะแนนของกลุ่ม แต่ในเวลาเรียนจะต้องร่วมมือกัน

นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องของลลิตา อุ่นทอง (2550 : 66 - 67) เรื่อง

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำบาลีสันสกฤตที่ได้รับการสอน โดยใช้เกมกับการสอนแบบปกติสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบางกะปิสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการสอนโดยใช้เกมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำบาลีสันสกฤต สูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุมที่ได้รับการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ดังนั้นผู้วิจัยจึงเชื่อมั่นได้ว่าการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT จะสามารถแก้ปัญหาของนักเรียนในการใช้คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตได้ ทั้งนี้ผู้วิจัยยังนำสื่อการเรียนรู้ประกอบการจัดการเรียนรู้ ซึ่งสื่อการเรียนรู้ เป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น เสริมทักษะทบทวนความเข้าใจให้กับนักเรียน และทำให้การจัดเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสื่อการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยได้นำมาบูรณาการการเรียนการสอนร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ในการพัฒนาทักษะของนักเรียน คือ ชุดแบบฝึกทักษะ

ถวัลย์ มาศจรัส (2548 : 151) ได้ให้คำจำกัดความของแบบฝึกทักษะว่า เป็นกิจกรรมพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมมีความหลากหลายและปริมาณเพียงพอที่สามารถตรวจสอบและพัฒนาทักษะ กระบวนความคิด กระบวนการเรียนรู้ สามารถนำผู้เรียนสู่การสรุปความคิดรวบยอดและหลักการสำคัญของสาระการเรียนรู้ รวมทั้งทำให้ผู้เรียนสามารถตรวจสอบความเข้าใจบทเรียนด้วยตนเองได้ เช่นเดียวกันกับณัฐชา อักษรเดช (2554 : 19) กล่าวว่า แบบฝึกเป็นสื่อการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นอย่างมีจุดหมายที่แน่นอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการกระทำจริงเป็นประสบการณ์ตรงของผู้เรียนทำให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียน สามารถเรียนรู้และจดจำสิ่งที่เรียนได้ดีและนำการเรียนรู้และความรู้ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์อื่นที่มีลกัษณะคล้ายกันได้

จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลทำให้ผู้วิจัยได้สรุปความสำคัญได้ว่า การจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลหรือพัฒนาทักษะการใช้คำยืมที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต เป็นการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT กล่าวคือ การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เป็นวิธีการสอนที่มีขั้นตอนเป็นระบบชัดเจน เป็น

การสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ โดยให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง สนองความต้องการความแตกต่างระหว่างบุคคล สร้างความสนใจให้ผู้เรียน อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้โดยง่าย สนุกสนานและถูกต้อง ตรงตามจุดมุ่งหมาย ประหยัดเวลาได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน รวมทั้งส่งเสริม

ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม ทั้งนี้สื่อการเรียนรู้ที่จะช่วยให้นักเรียนได้มีการพัฒนาทักษะมากที่สุด คือ ชุดแบบฝึกทักษะ เป็นสื่อการเรียนรู้ที่นักเรียนต้องลงมือปฏิบัติ ฝึกฝนอยู่บ่อย ๆ สม่ำเสมอ ช่วยให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้ความเข้าใจได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและสามารถพัฒนาทักษะของนักเรียนได้จริง

ผู้วิจัยจึงตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงมีความสนใจที่จะทำการวิจัย เรื่องการพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 รวมถึงเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังเรียนในการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนด้วยแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ นอกจากนี้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูภาษาไทยในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังเรียนในการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ

3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนด้วยแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ขอบเขตของงานวิจัย

การวิจัยครั้งนี้ มีขอบเขตของการวิจัยดังนี้

กลุ่มเป้าหมายการวิจัย

1. ขอบเขตของการศึกษาในการวิจัยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขอบเขตของการศึกษาใน

การวิจัยจะช่วยให้ผู้วิจัยดำเนินการวิจัยเป็นไปอย่างเรียบร้อย ซึ่งการวิจัยการพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 3 ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตการศึกษาไว้ดังนี้

กลุ่มเป้าหมายการวิจัย

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำ

ยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ดังนี้

1. ประชากร ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม ปีการศึกษา 2567 ทั้งหมด 3 ห้อง นักเรียนจำนวน 110 คน

2. กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 โรงเรียน

ตะโหมด ปีการศึกษา 2568 จำนวน 1 ห้อง นักเรียนจำนวน 40 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random sampling)

ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีตัวแปรที่ผู้วิจัยศึกษาดังนี้

ตัวแปรต้น คือ แบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยและการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT

ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจต่อการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ

ขอบเขตด้านเนื้อหา

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง

คำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีเนื้อหาคือ คำยืมที่มาจากภาษาบาลี

สันสกฤต ที่ประกอบด้วยที่มา ความหมาย ลักษณะ หลักการและวิธีการสังเกตคำยืมที่มาจากภาษาบาลี

สันสกฤตในภาษาไทย อีกทั้งมีตัวอย่างประกอบในการสังเกตคำยืมที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต โดยผู้วิจัยได้ดำเนินเนื้อหาดังกล่าวมากำหนดเป็นแผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT จำนวน 5 แผน

การเรียนรู้ รวม 7 ชั่วโมง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องรู้จักที่มาคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤต จำนวน 1 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องหลักการใช้คำยืมภาษาบาลี จำนวน 2 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องหลักการใช้คำยืมภาษาสันสกฤต จำนวน 2 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องความแตกต่างระหว่างคำยืมภาษาบาลีสันสกฤต จำนวน 1 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่องการจำแนกคำยืมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย จำนวน 1 ชั่วโมง

สถานที่ โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม

ระยะเวลา

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง

คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนศรีกระนวนวิทยาคม ซึ่งมีระยะเวลาในการวิจัยในครั้งนี้คือ ปีการศึกษา 2564

วิธีดำเนินการวิจัย (ขั้นตอน เครื่องมือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิจัย)

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง

คำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามลำดับ ดังนี้

1. ปฐมนิเทศนักเรียน เพื่อให้นักเรียนทราบถึงจุดประสงค์ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในครั้งนี้ รวมไปถึงการกำหนดข้อปฏิบัติร่วมกันระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยเพื่อที่จะได้ทราบพัฒนาการของนักเรียน

3. ผู้วิจัยดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การใช้คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ซึ่งมีจำนวน 5 แผน

7 ชั่วโมง

4. ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากคะแนนการทำแบบทดสอบหลังเรียนรู้ด้วยแบบทดสอบ เรื่อง

คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย

5. ผู้วิจัยให้นักเรียนทำแบบวัดความพึงพอใจ โดยแบบประเมินวัดความพึงพอใจ

6. ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูล หลังจากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ข้อมูล แล้วรายงานผลการวิจัยใน ชั้นเรียนต่อไป

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้กำหนดเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้ดังนี้

1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย

2. แบบฝึกทักษะ เรื่อง คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย

3. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

4. แบบประเมินความพึงพอใจ

นิยามศัพท์เฉพาะ

1. แบบฝึกทักษะ หมายถึง สื่อการเรียนการสอนที่สร้างขึ้นเพื่อให้ นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเองจนเกิดความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้น โดยที่กิจกรรมที่ได้ปฏิบัติใน แบบฝึกนั้นจะครอบคลุมเนื้อหาที่เรียนไป ทำให้นักเรียนมีความรู้และทักษะมากขึ้น และทำให้ผู้เรียนมองเห็นความก้าวหน้าจากผลการเรียนรู้ของตนเองได้

2. การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT หมายถึง การเรียนโดยใช้กิจกรรมกลุ่มจะแบ่ง คละกันตามระดับความสามารถซึ่งผู้เรียนมีความสามารถที่แตกต่างกัน เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะมีสมาชิก

3 - 5 คน คนเก่ง 1 คน ปานกลาง 1 คน อ่อน 1 คน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการเรียนรู้ในกลุ่ม โดย

การสนับสนุนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มแสดงความสามารถในการแข่งขันด้านความรู้ระหว่างกลุ่ม ขั้นตอน

การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้รูปแบบ TGT ดังนี้

ขั้นที่ 1 การนำเสนอบทเรียนต่อนักเรียนและเตรียมความพร้อม เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อที่จะนำไปสู่เนื้อหาที่จะสอนในรายชั่วโมง

ขั้นที่ 2 การแบ่งกลุ่มย่อย ในการเรียนและทำกิจกรมร่วมกันภายในกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น

ขั้นที่ 3 การแข่งขันเกมทางวิชาการ เมื่อแบ่งกลุ่มย่อย ครูชี้แจงกติกาสำหรับการเล่นเกมครบถ้วน สามารถเริ่มการแข่งขันได้ทันที

ขั้นที่ 4 การยอมรับความสำเร็จของทีม เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันจะต้องมีผู้ที่ประสบความสำเร็จ และไม่ประสบผลสำเร็จ

3. ประสิทธิภาพ หมายถึง คะแนนที่ได้จากการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80

80 ตัวแรก หมายถึง ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการทำแบบทดสอบระหว่างเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (E1) โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 80 ขึ้นไป

80 ตัวหลัง หมายถึง ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการทำแบบทดสอบหลังเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (E2) โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 80 ขึ้นไป

4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับ

การเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทยด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ ซึ่งเกิดจากนักเรียนได้รับประสบการณ์ จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องศึกษาแนวทางในการวัดและประเมินผล

5. ความพึงพอใจ หมายถึง ความชอบใจ ความพอใจ เห็นด้วย เรียนแล้วมีความสุขต่อ

การจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ด้วยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 3 ที่เรียนเรื่องการใช้คำภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย ซึ่งวัดได้จากแบบประเมินความพึงพอใจใน

การเรียนของนักเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

6. ด้านบรรยากาศ หมายถึง สภาวะที่อยู่รอบตัวผู้สอนและผู้เรียน ซึ่งเกื้อหนุนให้ผู้เรียนและผู้สอนทำงานด้วยกันมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน สื่อสารระหว่างกันจนเกิดบรรยากาศการเรียนการสอนที่ดี

7. ด้านกิจกรรมการเรียน หมายถึง กิจกรรมการเรียนการสอนดึงดูดความสนใจของผู้เรียน เพื่อทบทวนความรู้ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ เพื่อสรุปผลการเรียนรู้ และเพื่อส่งเสริมพัฒนาและเพิ่มพูนศักยภาพทักษะภาษาไทยของผู้เรียน

8. ประโยชน์ที่ได้รับ หมายถึง สิ่งที่มีผลใช้ได้ดีสมกับที่คิดมุ่งหมายไว้ ผลที่ได้ตามต้องการ สิ่งที่เป็นผลดีหรือเป็นคุณ จากที่ได้เรียนด้วยรูปแบบการเรียนแบบกลุ่มร่วมมือ TGT (Team - Games – Tournament) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ

ผลการวิจัย

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและได้เลือกกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนตะโหมดสำนักงานเขียนพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพ ปีการศึกษา 2568 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย จำนวน 5 แผนการเรียนรู้ รวม 7 ชั่วโมง แบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย แบบทดสอบเรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย แบบปรนัยชนิดชนิดตัวเลือก 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านบรรยากาศ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียน และด้านประโยชน์ที่ได้รับ รวม 20 ข้อผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้สามารถสรุปผลการศึกษาได้ดังนี้

1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.67/81.42 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่อง คำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องเรื่อง คำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน

อภิปรายผลการวิจัย

ภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้

1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประสิทธิภาพเท่ากับ 85.67/81.42

สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งคะแนนพฤติกรรมระหว่างเรียน และคะแนนแบบฝึกทักษะหลังแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 51.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.79 คิดเป็นร้อยละ 85.67 แสดงว่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) เท่ากับ 85.67 และคะแนนจากการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 24.43 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.48 คิดเป็นร้อยละ 81.42 แสดงว่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 81.42 ดังนั้นแผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT ( Team – Games - Tournament) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เรื่องคำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประสิทธิภาพเท่ากับ 85.67/81.42 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ แสดงว่า การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 เนื่องจากแผนการจัดการเรียนรู้ได้ผ่านกระบวนการสร้างเครื่องมืออย่างเป็นระบบ โดยผ่านการศึกษาปัญหาที่กลุ่มตัวอย่างจะต้องได้รับการพัฒนา ซึ่งเป็นปัญหาที่พบจากการประเมินตามสภาพจริง แล้วจึงวิเคราะห์ปัญหาเพื่อนำไปสู่

การวางแผนแก้ไขปัญหา ด้วยการศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาและเหมาะสมกับระดับชั้นของผู้เรียน จากนั้นจึงวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อคัดเลือกเนื้อหาที่เหมาะสม รวมถึงศึกษาการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ที่ได้มีผู้ศึกษาวิจัยไว้ แล้วจึงนำมาปรับใช้กับสภาพปัญหาและเนื้อหาที่ได้วิเคราะห์ไว้ข้างต้น นอกจากนี้ผู้วิจัยยังมีการออกแบบการจัดกิจกรรมภายในแผนการจัดการเรียนรู้ การนำชุดแบบฝึกทักษะเรื่องการใช้คำภาษาบาลี-สันสกฤตมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และได้ดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนที่วางไว้อย่างเป็นระบบ จากนั้นผู้วิจัยจึงนำแผนการจัดการเรียนรู้เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำมาแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง เหมาะสม แล้วจึงนำไปทดลองใช้ตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ความเหมาะสมของเนื้อหา ความเหมาะสมของ สื่อ กิจกรรม รวมทั้งการวัดและประเมินผล การทดสอบย่อย โดยใช้ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะ ซึ่งการจัดกิจกรรมแบบ กลุ่มร่วมมือ TGT เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือและมีลักษณะของกิจกรรมที่ให้นักเรียนร่วมมือกัน มีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนในการให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดและจินตนาการของตนเอง และสมาชิกในกลุ่มสามารถระดมความคิดเพื่อร่วมกันทำผลงาน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT นี้จะสนองความต้องการความแตกต่างระหว่างบุคคล สร้างความสนใจให้ผู้เรียน อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้โดยง่ายและถูกต้อง ตรงตามจุดมุ่งหมาย ประหยัดเวลาได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม เป็นวิธีการพัฒนารูปแบบมาจากการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยกำหนดให้ผู้เรียนที่มีความสามารถ แตกต่างกันทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และใช้การแข่งขัน หรือการต่อสู้ทางวิชาการ โดยผู้เรียนที่มีความสามารถทางวิชาการเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นลักษณะที่สอดคล้องกับสภาพที่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมถึงสื่อการเรียนรู้และการวัดประเมินผลด้วยแบบวัดทักษะที่ผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนปรับปรุงให้มีความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนนำไปใช้จริง ทั้งนี้ ได้จัดการเรียนรู้ที่เน้นการฝึกฝนทักษะการใช้คำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย ควบคู่กับการฝึกทักษะ การทำกิจกรรมกลุ่มที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งยังได้ร่วมกันฝึกฝนพัฒนาตนเองเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของกลุ่ม ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการใช้คำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย และเกิดทักษะที่ดีในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยของทองเทียม ศรีสร้างคอม (2554 : 84-85) ได้วิจัยเรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือรูปแบบการแข่งขันเป็นทีม TGT เรื่องมาตราตัวสะกดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยขั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือรูปแบบการแข่งขันเป็นทีม TGT เรื่องมาตราตัวสะกดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 84.54/81.44 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ในขณะที่นิตินัย พีระวัธน์กุล (2555 : 95-96) ได้วิจัยเรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเรื่องมาตราตัวสะกดชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผลการศึกษาค้นคว้า ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกดขั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.08/81.21 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 รวมถึงดรุณี เพลิดภูเขียว (2556 : 82-86) ซึ่งได้วิจัยเรื่องผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT เรื่องการอ่านและเขียนคำสระประสมกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่าแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT เรื่องการอ่านและการเขียนคำสระประสมกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.42/81.17 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 และสอดคล้องกับผลวิจัยของศริญดา เทียมหมอก (2557 : 90-95) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยแบบฝึกการอ่านจับใจความโดยใช้สาระท้องถิ่นร่วมกับแผนที่ความคิด พบว่า แบบฝึกการอ่านจับใจความโดยใช้สาระท้องถิ่นร่วมกับแผนที่ความคิด มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.05/81.33

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ( Team – Games - Tournament) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.48 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 51.58 คะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 24.43 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.42 โดยมีร้อยละความก้าวหน้าของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 29.84 ดังนั้น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทยมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ทั้งนี้เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ มีการจัดกิจกรรมภายในแผนการจัดการเรียนรู้ การนำชุดแบบฝึกทักษะเรื่องการใช้คำภาษาบาลี-สันสกฤตมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจต่อบทเรียนมากขึ้นและได้ดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนที่วางไว้อย่างเป็นระบบ จึงทำให้ผลการพัฒนาทักษะการใช้คำภาษาบาลีสันสกฤตของนักเรียนสูงขึ้น และอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจและสาเหตุที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เพราะผู้วิจัยได้จัดการปฐมนิเทศเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียน เพื่อชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการใช้คำยืมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทย พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียดและจุดมุ่งหมายของแต่ละขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT ซึ่งทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการกลุ่มทำให้เกิดการเรียนรู้ความเข้าใจ จากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นได้ผ่านกระบวนการและขั้นตอนการสร้างและหาคุณภาพอย่างเป็นระบบ โดยได้รับคำแนะนำเพื่อปรับปรุงแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหา ความเหมาะสมของ สื่อ กิจกรรม รวมทั้งการวัดและประเมินผล และแบบทดสอบเรื่องคำยืมภาษาบาลีสันสกฤตในภาษาไทยที่ผู้วิจัยออกแบบไว้ ได้นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินดัชนีความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ซึ่งมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับหนังสือเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยใช้ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะ ซึ่งการจัดกิจกรรมแบบกลุ่มร่วมมือ TGT เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือและมีลักษณะของกิจกรรมที่ให้นักเรียนร่วมมือกัน มีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนในการให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดและจินตนาการของตนเอง และสมาชิกในกลุ่มสามารถระดมความคิดเพื่อร่วมกันทำผลงาน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT นี้จะสนองความต้องการ

ความแตกต่างระหว่างบุคคล สร้างความสนใจให้ผู้เรียน อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้โดยง่ายและถูกต้อง ตรงตามจุดมุ่งหมาย ประหยัดเวลาได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม ในกระบวนการกลุ่มมีการวางแผนเรียนรู้ร่วมกันช่วยให้ผู้เรียนมีความพยายามที่จะเรียนให้บรรลุเป้าหมายเป็นผลให้การเรียนรู้สูงขึ้น ทำให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนทักษะการใช้คำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย เพื่อตระหนักและเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ตรงความหมายและหลักการใช้ของภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ดังที่กล่าวมาข้างต้น สอดคล้องกับผลวิจัยของสารสิน เล็กเจริญ (2554 : 67-68) ได้ศึกษา การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสะกดคำ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT กับการสอนแบบปกติ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการเขียนสะกดคำ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT สูงกว่าการสอน แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 รวมถึงผลการวิจัยของอัมราภรณ์ จันทร์วิเศษ (2556 : 83-84) เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA ประกอบแบบฝึกทักษะ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญที่ .01 นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของพนมศักดิ์ มนูญปรัชญาภรณ์ (2557 : 95-101) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกการแต่งโคลงสี่สุภาพสำหรับนักเรียนชั้มัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการแต่งโคลงสี่สุภาพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกการแต่งโคลงสี่สุภาพสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับผลการวิจัยของสุพัตรา ไพบูลย์วัฒนกิจ (2561 : 85 - 86) ได้วิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน โดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับแบบฝึก มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกันโดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับแบบฝึก สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ พบว่าโดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, S.D = 2.92) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ซึ่งสามารถเรียงลำดับระดับความพึงพอใจจากมาก ไปหาน้อยตามลำดับดังนี้ ด้านกิจกรรมการเรียน ( = 4.58, S.D = 1.42) ด้านบรรยากาศ ( = 4.57, S.D = 1.05) และประโยชน์ที่ได้รับ ( = 4.56, S.D = 1.62) ตามลำดับ หากพิจารณาเป็นรายข้อ 3 อันดับแรกพบว่า ความพึงพอใจค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ข้อที่ 12 ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน ( = 4.80, S.D = 0.41) ข้อที่ 17 ทำให้นักเรียนพัฒนาทักษะการคิดที่สูงขึ้น ( = 4.78, S.D = 0.42) และข้อที่ 1 เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ( = 4.75, S.D = 0.44) เนื่องมาจากการจัดการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ ได้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในการฝึกฝนทักษะ อีกทั้งการใช้เกมการแข่งขันที่สนุกสนานสนุกสนานผ่านระบบออนไลน์ แปลกใหม่ สร้างความสนใจให้ผู้เรียนได้เป็นอย่างดี และเป็นเกมการแข่งขันที่สามารถดึงศักยภาพของผู้เรียนที่เกิดจากการฝึกฝนทักษะร่วมกันภายในกลุ่มร่วมมือ ทำให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจว่าตนเองเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของกลุ่ม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแต่ละคนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองอย่างเต็มที่ นำศักยภาพของตนเองมาสร้างความสำเร็จของกลุ่ม ทำให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออก และได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานอย่างสร้างสรรค์ รู้หน้าที่ของตน ฝึกความรับผิดชอบในการทำงานกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียน แต่ละคนกล้าแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนในกลุ่ม และมีส่วนร่วมในการทำงานกลุ่ม จึงทำให้นักเรียน มีความกระตือรือร้นในการเรียน มีความมั่นใจและภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันมากขึ้น ทำให้นักเรียนมีความคุ้นเคยกัน เข้าใจกันมากขึ้น และชอบในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนจึงเกิดเจตคติที่ดีต่อการฝึกฝนทักษะและเกิดแรงจูงใจ ที่จะพัฒนาทักษะให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ สอดคล้องกับผลการวิจัยของนิพา บุญกอง (2552 : 88-89) ได้ศึกษาการพัฒนาความสามารถด้าน

การอ่านและการเขียนคำที่ประสมด้วยสระเปลี่ยนรูปและสระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้โปรแกรม

e-book ประกอบแบบฝึกทักษะ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยรวมและรายข้อทุกข้ออยู่ในระดับมาก รวมถึงผลการวิจัยของสุนิสา เจริญยิ่ง (2553 : 78 - 79) ได้ศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT เรื่องการสะกดคำภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลปรากฏว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT เรื่อง การสะกดคำภาษาไทย โดยรวมอยู่ในระดับมาก นอกจากนี้ผลการวิจัยของรดา วัฒนะนิรันดร์ (2558 : 73 - 77) ได้วิจัยเรื่องผลการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ TGT โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อพัฒนาการอ่าน เขียน คำอักษรนำสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนภาษาไทยด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ TGT โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในภาพรวมอยู่ในระดับมากและสอดคล้องกับผลการวิจัยของสุพัตรา ไพบูลย์วัฒนกิจ (2561 : 85 - 86) ได้วิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการสร้างคำในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน โดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับแบบฝึก พบว่าความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกันโดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับแบบฝึกโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

ข้อเสนอแนะ

1. ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย

การวิจัยครั้งนี้ พบว่า การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นรูปแบบการสอนที่มีประสิทธิภาพทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้แบบร่วมมือกันมีปฏิสัมพันธ์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ซึ่งผู้วิจัยมีข้อแนะนำในการนำไปใช้ดังนี้

1.1 การนำกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะไปใช้ ผู้สอนควรศึกษาขั้นตอนในการใช้ให้เข้าใจ รวมถึงวางแผน กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการฝึกทักษะให้แน่นอน และให้นักเรียนได้ฝึกทักษะอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จึงจะทำให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักการสังเกตและการใช้คำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง

1.2 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจัดการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เป็นการจัดกิจกรรมกลุ่มที่

ให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ และกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น และมีความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ ครูต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนทำกิจกรรมด้วยตนเอง ใช้ความคิดและความสามารถของตนเองร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี โดยมีครูต้องคอยติดตาม และกระตุ้นการทำงานของนักเรียนพร้อมทั้งอำนวยความสะดวก

1.3 การนำกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะไปใช้ในกิจกรรม

การเรียนการสอนครูควรจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนก่อน และควรให้นักเรียนได้ทราบผลคะแนนจากการทำแบบฝึกทักษะและการแข่งขันในแต่ละครั้งเป็นระยะ เพื่อให้นักเรียนได้ทราบพัฒนาการของตนเองและผลจากการมีส่วนร่วมกับกลุ่มของตนเอง

1.4 ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสามารถนำแผนการจัดการเรียนการสอน เรื่องคำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทยควบคู่กับแบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ไปใช้ในในการจัดการเรียนการสอนกับนักเรียนได้ โดยสามารถพัฒนาเครื่องมือต่อไปให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หรือปรับเปลี่ยนเนื้อหา วิธีการให้เหมาสมกับวัยและบริบทการนำไปใช้

2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยในชั้นเรียนครั้งต่อไป

การวิจัยครั้งนี้ พบว่า การพัฒนาแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่องคำยืมภาษาบาลี – สันสกฤตในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยในชั้นเรียนครั้งต่อไป ดังนี้

2.1 ควรมีการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะกับการจัดการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น BBL CIPPA MODEL CIRC 4MAT STAD รวมถึงไปนำไปใช้ประกอบรูปแบบการจัดการเรียนรู้หรือเทคนิคการจัดการเรียนรู้อื่น ๆ ที่เหมาะสม

2.2 ควรมีการสร้างแบบฝึกทักษะและสื่อที่ใช้ประกอบเกมการแข่งขันไปใช้จัดการเรียนรู้

ในเรื่องอื่น ๆ และทดลองใช้กับนักเรียนในระดับชั้นอื่น ๆ

2.3 ควรมีการศึกษาตัวแปรต่าง ๆ หลังที่มีผลต่อการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีที่ 3 โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เช่น ความเครียดจากการร่วมกิจกรรม

2.4 ควรนำกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องคำยืมภาษาบาลี-สันสกฤตในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีที่ โดยจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ TGT ร่วมกับแบบฝึกทักษะไปทดลองใช้กับนักเรียนหลาย ๆ โรงเรียน เพื่อขยายผลการวิจัยให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

กาญจนา นาคสกุล และคณะ.บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 1 ระบบเสียง อักษรไทย การอ่านคำ และการเขียน

สะกดคำ.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว,2545

กาญจนา วัฒายุ. การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา.กรุงเทพฯ : ธนพร,2545.

กำชัย ทองหล่อ. (2550). หลักภาษาไทย.กรุงเทพฯ : อมรการพิมพ์.

ชัยยงค์ พรหมวงศ์และคณะ.ระบบสื่อการสอน.กรุงเทพฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2528.

ปิยวัช สีกันหา. (2557). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่อง คำยืมภาษาบาลีสันสกฤตใน

ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญา ศึกษาศาสตร์

มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร). พัฒน์ เพ็งผลา. (2518). บาลี-สันสกฤตในภาษาไทย. กรุงเทพฯ:

วรรณทิพา รอดแรงค้า.การเรียนแบบร่วมมือ.กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,2541.

ศรีภรณ์ ณะวงศ์ษา. “การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจในการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนแบบ STADแบบ TGT และการสอนตาม

คู่มือครู” ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิตวิชาเอกการมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ

โรฒ ประสานมิตร,2542.

โพสต์โดย สาว : [28 ต.ค. 2568 (19:03 น.)]
อ่าน [56993] ไอพี : 110.168.80.62
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 37,946 ครั้ง
ฝนดาวตกเจมินิดส์
ฝนดาวตกเจมินิดส์

เปิดอ่าน 33,856 ครั้ง
วิธีการเรียนรู้ค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ
วิธีการเรียนรู้ค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ

เปิดอ่าน 10,152 ครั้ง
เดนมาร์ก แชมป์โลกความสุข
เดนมาร์ก แชมป์โลกความสุข

เปิดอ่าน 18,777 ครั้ง
การจับจอภาพโดยใช้ความสามารถ Clipboard
การจับจอภาพโดยใช้ความสามารถ Clipboard

เปิดอ่าน 9,718 ครั้ง
ตำนานสงกรานต์
ตำนานสงกรานต์

เปิดอ่าน 10,605 ครั้ง
วิธีสร้างความสุขแบบสาวโสด
วิธีสร้างความสุขแบบสาวโสด

เปิดอ่าน 61,416 ครั้ง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

เปิดอ่าน 13,186 ครั้ง
คลิปถ่ายทอดสด "หนุ่มโดดดิ่งเวหา" จากขอบโลกยอดคนดูทำลายสถิติยูทูป
คลิปถ่ายทอดสด "หนุ่มโดดดิ่งเวหา" จากขอบโลกยอดคนดูทำลายสถิติยูทูป

เปิดอ่าน 10,649 ครั้ง
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย
คนไทย80% กินอาหารเกินจำเป็นร่างกาย

เปิดอ่าน 15,748 ครั้ง
ว่ากันว่าดนตรี ไม่มีกำแพงด้านภาษา คลิปนี้ใช่เลย ฟังไม่ออก แต่ดูเด็ก 3 คนนี้ร้องแล้วได้ฟิลลิ่งมาก
ว่ากันว่าดนตรี ไม่มีกำแพงด้านภาษา คลิปนี้ใช่เลย ฟังไม่ออก แต่ดูเด็ก 3 คนนี้ร้องแล้วได้ฟิลลิ่งมาก

เปิดอ่าน 16,514 ครั้ง
ชา จริงๆ แล้วดีกว่าน้ำ
ชา จริงๆ แล้วดีกว่าน้ำ

เปิดอ่าน 30,873 ครั้ง
โหมดสี
โหมดสี

เปิดอ่าน 83,461 ครั้ง
ภาพ/คำกลอน/คำคม เกี่ยวกับครู
ภาพ/คำกลอน/คำคม เกี่ยวกับครู

เปิดอ่าน 10,218 ครั้ง
กังนัมสไตล์เริ่ด ฮิตยันไฮโซอังกฤษ เด็กอีตันยังเลียนแบบ
กังนัมสไตล์เริ่ด ฮิตยันไฮโซอังกฤษ เด็กอีตันยังเลียนแบบ

เปิดอ่าน 35,310 ครั้ง
6 ประโยชน์ของการอาบน้ำที่คุณอาจยังไม่รู้
6 ประโยชน์ของการอาบน้ำที่คุณอาจยังไม่รู้

เปิดอ่าน 21,993 ครั้ง
รวมคำอวยพรวันตรุษจีน พร้อมคำแปล
รวมคำอวยพรวันตรุษจีน พร้อมคำแปล
เปิดอ่าน 15,262 ครั้ง
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
เปิดอ่าน 32,736 ครั้ง
ดูลายมือ "เส้นวาสนา"
ดูลายมือ "เส้นวาสนา"
เปิดอ่าน 16,111 ครั้ง
ประโยชน์ของ ADSL
ประโยชน์ของ ADSL
เปิดอ่าน 14,206 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไม่มีวันสำเร็จ ถ้าไม่รื้อรากความงมงาย
ปฏิรูปการศึกษาไม่มีวันสำเร็จ ถ้าไม่รื้อรากความงมงาย

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ