ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

ออมเป็น เห็นคุณค่า พัฒนาเด็กดีสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ด้วยกระบวนการ SAVE

รายละเอียดเอกสารการนำเสนอผลงานนวัตกรรม

1. ความสำคัญของนวัตกรรมที่นำเสนอ

1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา

ปัจจุบันสังคมไทยอยู่ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจฐานบริโภคและกระแสบริโภคนิยมที่รุนแรง เด็กและเยาวชนเข้าถึงสื่อออนไลน์ เกม และโฆษณาเชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดรูปแบบการใช้จ่ายที่เน้น “อยากได้–อยากมี” มากกว่าการวางแผนใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล วินัยทางการเงินและพฤติกรรมการออมจึงจำเป็นต่อพลเมืองในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องได้รับการปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก งานศึกษาทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการสร้างค่านิยมทางการเงินรูปแบบใหม่ (Financial Literacy : FinLit) ให้กับนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดันให้อยู่ในระบบการศึกษาไทย ซึ่งจะส่งผลให้เด็กไทยมีความรู้ ทักษะ และทัศนคติทางการเงินที่ดี สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ อันจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ทางการเงินที่ดี (financial well-being) ของคนไทยอย่างยั่งยืน โดยผลการประเมิน PISA 2022 ยังคงพบจุดอ่อนของผู้เรียนจำนวนมาก ในด้านความรู้ทางการเงิน ระบุว่ามีนักเรียนที่ยังขาดทักษะพื้นฐานด้านการเงิน และมีความเหลื่อมล้ำตามฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการจัดการเรียนรู้ด้านการเงินอย่างทั่วถึง และเป็นระบบมากขึ้นในสถานศึกษา

ในบริบทของประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ติดตามทักษะทางการเงินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง พบว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยยังมีทักษะทางการเงินอยู่ในระดับปานกลาง จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้สามารถวางแผนการเงินและการออมอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังได้กำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน โดยเน้นให้ “วินัยการออม” เป็นฐานสำคัญของการบริหารการเงินส่วนบุคคลในทุกช่วงวัย นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานทางการศึกษายังร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการผลักดันแนวทางสร้างวินัยทางการเงินในโรงเรียน สะท้อนให้เห็นว่า การปลูกฝังพฤติกรรมการออมในเด็กนักเรียนมิใช่เพียงกิจกรรมเสริม แต่เป็นภารกิจเชิงนโยบายที่มีความสำคัญในระดับประเทศ

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง) กำหนดเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็น “คนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ” โดยเน้นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ทั้งด้านการคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต และการอยู่ร่วมกันในสังคม การปลูกฝังนิสัยการออมและความรับผิดชอบต่อการใช้จ่ายจึงสอดคล้องโดยตรงกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตร เพราะเป็นการสร้างทักษะชีวิตและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เช่น ความพอเพียง ความมีวินัย ความรับผิดชอบ และการรู้จักวางแผนเพื่ออนาคต เอกสารแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางการเงินก็เห็นความสำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ด้านการเงินควรถูกบูรณาการในรายวิชาต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน

จากการพิจารณาสภาพปัญหาด้านพฤติกรรมทางการเงินของผู้เรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดยาง (เย็นประชาสรรค์) พบว่า นักเรียนยังขาดทักษะสำคัญในการบริหารจัดการเงิน ไม่สามารถวางแผนการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม และไม่เกิดวินัยการออมอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การจัดการเรียนรู้ยังขาดกระบวนการเชิงรุกที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกวางแผน ลงมือปฏิบัติ ตรวจสอบผล และการปรับปรุงพฤติกรรม ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการปลูกฝังคุณลักษณะและสมรรถนะตามตัวชี้วัดของหลักสูตร ส่งผลให้ผู้เรียนไม่สามารถพัฒนาความรู้และทักษะทางการออมให้เป็นพฤติกรรมถาวรได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวจึงมีเหตุผลความจำเป็นอย่างยิ่งในฐานะ “เครื่องมือเชิงกระบวนการ” ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยใช้กระบวนการ SAVE เชื่อมโยงกับวงจร PDCA ให้ผู้เรียนได้ฝึกตั้งเป้าหมายและแนวทางการออม (Set Goal) ลงมือปฏิบัติจริงตามแผนการออม (Apply Plan) ตรวจสอบและสะท้อนผลการออม (Verify Result) ประเมิน สรุปผล และปรับปรุงแนวทางการออม (Evaluate) จนเกิดเป็นนิสัยการออมที่ยั่งยืน สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวทางความฉลาดรู้ทางการเงิน และเป้าหมายของหลักสูตรแกนกลางในการสร้าง “คนดี มีปัญญา และมีทักษะชีวิตที่มั่นคงทางการเงินในอนาคต”

1.2 แนวคิดหลักการสำคัญ

การพัฒนานวัตกรรมด้านการออมเงินสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน เนื่องจากนักเรียนจำนวนมากยังขาดวินัยด้านการใช้เงิน ไม่เห็นคุณค่าเงิน และไม่สามารถวางแผนรายรับ-รายจ่ายได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกัน สถานศึกษาและชุมชนมีความจำเป็นในการเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านการบริหารจัดการทางการเงินให้แก่ผู้เรียน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 ดังนั้น การจัดทำและพัฒนานวัตกรรมการออมที่เป็นระบบ มีขั้นตอนชัดเจน และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (2550) ได้กำหนดแนวทางการใช้เงินให้ถูกต้อง คือ การใช้เงินอย่างประหยัด ไม่ใช้สิ่งของที่ไม่จำเป็น หรือไม่มีประโยชน์ มีการบันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกรายการ อย่างชัดเจน เพื่อให้รู้ว่าในหนึ่งวัน หรือเดือนหนึ่ง ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง และสามารถเก็บออมเงินได้หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของการวางแผนการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสม

นวัตกรรมนี้ไม่เพียงเน้นพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมผ่านการสร้างวินัยการออมให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของผู้เรียน แต่เป็นส่วนช่วยกำหนดพฤติกรรมตั้งแต่เริ่มวางแผน ลงมือทำ ตรวจสอบผล และประเมินตนเองอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้เรียนเกิดความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และเห็นคุณค่าของเงินที่ออมไว้ กิจกรรมทั้งหมดเชื่อมโยงกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความพอประมาณและความตระหนักในการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า ส่งผลให้ผู้เรียนพัฒนานิสัยที่ดีทางการเงิน มีความมีระเบียบแบบแผน และเติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรมอย่างยั่งยืน

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน ประกอบด้วยหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีเงื่อนไข 2 ประการ คือ ความรู้ และ คุณธรรม แนวคิดนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการออมเงินเป็นเห็นคุณค่า ซึ่งสะท้อนการใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ การวางแผนอย่างมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินตั้งแต่วัยเด็ก

แนวคิดหลักของนวัตกรรมนี้ตั้งอยู่บนฐานของทฤษฎีที่เชื่อถือได้ ได้แก่ ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ ที่ชี้ว่าผู้เรียนวัยประถมเหมาะกับการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงและสถานการณ์จริง, แนวคิด Learning by Doing ของจอห์น ดิวอี้ ที่เน้นการเรียนรู้จากการลงมือทำ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง และ ทฤษฎีพฤติกรรมศาสตร์ ที่สนับสนุนว่าพฤติกรรมใหม่จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการฝึกปฏิบัติซ้ำอย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีการสะท้อนผลและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นวัตกรรมยังยึดโยงกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเน้นความพอประมาณ มีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ทำให้กิจกรรมการออมไม่เพียงเป็นการเก็บเงิน แต่เป็นการสร้างความพอเพียงจากภายในผู้เรียน แนวคิดเหล่านี้ถูกนำมาประกอบเป็นฐานของการกำหนดจุดประสงค์ กิจกรรม และตัวชี้วัด ทำให้ทุกขั้นตอนมีความสอดคล้องและสมเหตุสมผลทั้งทางวิชาการและทางปฏิบัติ

ข้อมูลและแนวคิดทั้งหมดจึงเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การออกแบบนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ โดยประยุกต์ใช้กระบวนการ PDCA ของ Dr. Edwards W. Deming ซึ่งประกอบด้วย Plan–Do–Check–Act เพื่อกำหนดแผนการดำเนินงาน ปฏิบัติจริง ตรวจสอบผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อันนำไปสู่การสร้างนิสัยการออมอย่างมีระบบและยั่งยืนในตัวผู้เรียน

ดังนั้น กิจกรรม “ออมเป็น เห็นคุณค่า” พร้อมทั้งการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย จึงเป็นนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียน สถานศึกษา และชุมชนอย่างแท้จริง เนื่องจากช่วยแก้ปัญหาการขาดวินัยทางการเงิน และเสริมสร้างทักษะชีวิตพื้นฐานที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน นวัตกรรมนี้ยังสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนวัดยาง (เย็นประชาสรรค์) ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้เรียนอย่างยั่งยืน โดยเน้นสร้างนิสัยการออม ความรับผิดชอบต่อตนเอง และการเห็นคุณค่าของทรัพยากรทางการเงินตั้งแต่ระดับประถมศึกษา อันจะนำไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีวินัย มีคุณธรรม และพร้อมดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง มีคุณภาพ ทั้งต่อสังคม ครอบครัว และชุมชน

2. จุดประสงค์และเป้าหมายของผลงานนวัตกรรม

2.1 จุดประสงค์

2.1.1 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการออมเงินอย่างถูกต้อง เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการออมต่อชีวิตในอนาคต

2.1.2 เพื่อให้นักเรียนสามารถวางเป้าหมายการออม วางแผนรายรับ-รายจ่าย และจัดการเงินของตนเองตามลำดับขั้นตอน

2.1.3 เพื่อให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการออมและการใช้เงินอย่างพอประมาณ มีวินัย ประหยัด มีความรับผิดชอบ และสร้างพฤติกรรมนิสัยรักการออม

2.2 เป้าหมาย

2.2.1 เป้าหมายเชิงปริมาณ

1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดยาง (เย็นประชาสรรค์) ร้อยละ 100 เข้าร่วมกิจกรรมการออมเงินอย่างต่อเนื่อง

2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดยาง (เย็นประชาสรรค์) ร้อยละ 80 มีสมุดบันทึกรายรับ-รายจ่ายครบถ้วนถูกต้อง และสามารถสรุปผลการออมของตนเองในรอบสัปดาห์หรือรอบเดือนได้อย่างเป็นระบบ

2.2.2 เป้าหมายเชิงคุณภาพ

1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดยาง (เย็นประชาสรรค์) จำนวน 10 คน มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการออมเงิน เห็นประโยชน์ และผลลัพธ์ของการออม

2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดยาง (เย็นประชาสรรค์) จำนวน 10 คน มีทัศนคติที่ดีต่อการใช้เงินอย่างพอประมาณ มีวินัย ประหยัด มีความรับผิดชอบ เกิดความภาคภูมิใจจากผลลัพธ์การออมของตนเอง และมีการสรุปผลการออมให้แก่ครู นักเรียน และผู้ปกครองอย่างน้อย 1 ครั้งต่อภาคเรียน

โพสต์โดย ใหม่ : [24 พ.ย. 2568 (13:04 น.)]
อ่าน [41658] ไอพี : 203.172.188.77
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 52,374 ครั้ง
ลูกประคบสมุนไพร
ลูกประคบสมุนไพร

เปิดอ่าน 15,800 ครั้ง
ประเทศไทยเคยเกิด "ฮีทเวฟ" หรือไม่ ?
ประเทศไทยเคยเกิด "ฮีทเวฟ" หรือไม่ ?

เปิดอ่าน 21,784 ครั้ง
รำลึก 100 ปี พระปิยะมหาราช
รำลึก 100 ปี พระปิยะมหาราช

เปิดอ่าน 25,071 ครั้ง
"ข้าวต้มเห็ดฟาง" ลดความดัน
"ข้าวต้มเห็ดฟาง" ลดความดัน

เปิดอ่าน 13,909 ครั้ง
ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ใช้งานได้ฟรี ! คลิกที่นี่
ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ใช้งานได้ฟรี ! คลิกที่นี่

เปิดอ่าน 25,442 ครั้ง
ฟังกันหรือยัง คลิปยอดฮิต ครูฝึกสอนไฟแรง ร้องหมอลำระบบการศึกษา
ฟังกันหรือยัง คลิปยอดฮิต ครูฝึกสอนไฟแรง ร้องหมอลำระบบการศึกษา

เปิดอ่าน 1,080 ครั้ง
วิธีการลงทุนทองคำสำหรับมือใหม่: เริ่มต้นอย่างไรให้ปลอดภัย
วิธีการลงทุนทองคำสำหรับมือใหม่: เริ่มต้นอย่างไรให้ปลอดภัย

เปิดอ่าน 1,243 ครั้ง
การปรับปรุงอัตราค่าอาหารและค่าเช่าที่พักในการจัดฝึกอบรมภายในประเทศ (ว246) (ประกาศใช้วันที่ 31 ตุลาคม /2568)
การปรับปรุงอัตราค่าอาหารและค่าเช่าที่พักในการจัดฝึกอบรมภายในประเทศ (ว246) (ประกาศใช้วันที่ 31 ตุลาคม /2568)

เปิดอ่าน 3,353 ครั้ง
สุขอนามัยที่ดีในการนอนหลับ 10 ประการ
สุขอนามัยที่ดีในการนอนหลับ 10 ประการ

เปิดอ่าน 20,980 ครั้ง
รู้หรือไม่ ที่ฟินแลนด์ ยกระดับการศึกษา ต้องเริ่มที่พัฒนาครูผู้สอน
รู้หรือไม่ ที่ฟินแลนด์ ยกระดับการศึกษา ต้องเริ่มที่พัฒนาครูผู้สอน

เปิดอ่าน 10,702 ครั้ง
PISA ที่ผ่านมาบอกอะไรให้เราทราบบ้าง
PISA ที่ผ่านมาบอกอะไรให้เราทราบบ้าง

เปิดอ่าน 40,594 ครั้ง
เถียงนาน้อย
เถียงนาน้อย

เปิดอ่าน 50,686 ครั้ง
ระบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535
ระบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535

เปิดอ่าน 7,501 ครั้ง
การประเมินจากภายนอกสถานศึกษาจำเป็นหรือไม่?
การประเมินจากภายนอกสถานศึกษาจำเป็นหรือไม่?

เปิดอ่าน 21,311 ครั้ง
วิธีลดต้นแขนแบบง่าย ๆ ได้ผลชัวร์
วิธีลดต้นแขนแบบง่าย ๆ ได้ผลชัวร์

เปิดอ่าน 41,940 ครั้ง
เทควันโด : ประโยชน์ของการเล่นกีฬาเทควันโด
เทควันโด : ประโยชน์ของการเล่นกีฬาเทควันโด
เปิดอ่าน 19,555 ครั้ง
การสื่อสารของแมลง : การเต้นรำของผึ้ง
การสื่อสารของแมลง : การเต้นรำของผึ้ง
เปิดอ่าน 12,540 ครั้ง
ฟังหรือยัง เพลง "จากนี้ไปจนนิพพาน"
ฟังหรือยัง เพลง "จากนี้ไปจนนิพพาน"
เปิดอ่าน 22,159 ครั้ง
วิธีจำแบบใหม่ ใน 1 นาที
วิธีจำแบบใหม่ ใน 1 นาที
เปิดอ่าน 122,207 ครั้ง
เอกสารประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC
เอกสารประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ