ชื่อผู้วิจัย นางสาววารุณี ทิพยะ
สอนวิชา ภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รหัสวิชา อ61101 ปีการศึกษา 2561
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดให้มีการวัดผลการเรียนรู้ของผู้เรียนไว้ 3 ระดับ คือ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา และระดับชาติ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพของผู้เรียน ซึ่งในการวัดและประเมินผลระดับชั้นเรียนเป็นหน้าที่ของครูผู้สอนที่จะต้องหาคำตอบว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ เนื่องมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมากน้อยเพียงใด ส่วนการประเมินผลระดับสถานศึกษาจะทำการประเมินเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าด้านการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้นปีสุดท้ายของแต่ละช่วงชั้น คือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET (Ordinary National Educational Test) เป็นการทดสอบเพื่อวัดความรู้และความคิดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประเมินตามมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีวัตถุประสงค์ ได้แก่ 1) เพื่อทดสอบความรู้และความคิดของนักเรียน 2) เพื่อนำผลการทดสอบไปใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการจบการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 3)เพื่อนำผลการทดสอบไปใช้ในการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน 4) เพื่อนำผลการทดสอบไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนระดับชาติ และ 5) เพื่อนำผลการทดสอบไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น โดยการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET นั้นทำการทดสอบจำนวน 4 กลุ่มสาระประกอบด้วย 1) ภาษาไทย 2) คณิตศาสตร์ 3) วิทยาศาสตร์ และ 4) ภาษาอังกฤษ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศ เรื่อง การใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนที่จบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2555 ให้ใช้ผลการเรียนของผู้เรียนที่ประเมินโดยสถานศึกษาและผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน ในสัดส่วน 80 : 20 และตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การปรับสัดส่วนการใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนที่จบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2556 ให้ใช้ผลการเรียนของผู้เรียนที่ประเมินโดยสถานศึกษาและผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน ในสัดส่วน 70 : 30 ในปีการศึกษา 2557 และให้ใช้สัดส่วน 50 : 50 ในปีการศึกษา 2558 เป็นต้นไป รวมทั้งประกาศกระทรวงศึกษาธิการล่าสุด ประกาศ ณ วันที่ 29 มกราคม 2559 เรื่องการปรับสัดส่วนการใช้ผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) เป็น 70 : 30
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มีความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการวัดและประเมินคุณภาพผู้เรียนและสถานศึกษา อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนามาตรฐานและคุณภาพของผู้เรียนตลอดจนนำไปสู่ระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
โรงเรียนวัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ได้กำหนดค่าเป้าหมายในการพัฒนาและส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ในปีการศึกษา 2561 ได้แก่ 1) ผู้เรียนร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษบรรลุตามเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด และ 2) ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 3
จากสถิติผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนโรงเรียนวัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ในปีการศึกษา 2552 -2558 มีค่าเฉลี่ยคะแนนอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ตามแผนภูมิด้านล่างนี้
แผนภูมิที่ 1 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ปีการศึกษา 2552 2560
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อให้ผู้เรียนมีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โรงเรียนวัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ในปีการศึกษา 2561 สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา 2552 - 2559
วิธีดำเนินการวิจัย
1. ประชากร
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 การศึกษา 2561 โรงเรียนวัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จำนวน 68 คน
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยนวัตกรรม
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบและแบบฝึก ดังนี้
1. แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน
2. แบบฝึกชุดที่ 1 ได้แก่ ทักษะการฟัง
3. แบบฝึกชุดที่ 2 ได้แก่ ทักษะการพูด
4. แบบฝึกชุดที่ 3 ได้แก่ ทักษะการอ่าน
5. แบบฝึกชุดที่ 4 ได้แก่ ทักษะการเขียน
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยได้ดำเนินตามขั้นตอนดังนี้
ที่ รายการ วันที่ หมายเหตุ
1 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุด O-Net ปีการศึกษา 2560 29 พ.ย. 2561
การพัฒนาทักษะการฟัง
2 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดทักษะการฟัง 3,6 ธ.ค. 2561
3 จัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง 10 14 ธ.ค. 2561
4 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุดทักษะการฟัง 17 ธ.ค. 2561
การพัฒนาทักษะการพูด
5 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดทักษะการพูด 19 ธ.ค. 2561
6 จัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการพูด 20 21 ธ.ค. 2561
24 28 ธ.ค. 2561
7 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุดทักษะการพูด 2 ม.ค. 2561
การพัฒนาทักษะการอ่าน
8 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดทักษะการอ่าน 3 ม.ค. 2561
9 จัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน 7 11 ม.ค. 2561
14 15 ม.ค. 2561
10 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุดทักษะการอ่าน 16 ม.ค. 2561
การพัฒนาทักษะการเขียน
11 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดทักษะการเขียน 17 ม.ค. 2561
13 จัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน 21 23, 25 ม.ค. 2561
28 30 ม.ค. 2561
13 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุดทักษะการเขียน 31 ม.ค. 2561
14 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุด O-Net ปีการศึกษา 2560 1 ก.พ. 2561
4. การวิเคราะห์ข้อมูล / สถิติที่ใช้ในการวิจัย
4.1 ใช้สถิติค่าเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลักเรียน 4 ทักษะ ตามเกณฑ์ที่กำหนด
4.2 การเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการพัฒนา 4 ทักษะ
ผลการวิจัย
การประเมินผลทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนของนักเรียนก่อนและหลังการพัฒนา จากเกณฑ์ที่กำหนดของแต่ละชุด
จากตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าผลการประเมินผลทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนของนักเรียนหลังการพัฒนาเพิ่มขึ้นก่อนการพัฒนาทุกทักษะ โดยมีค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้ดังนี้ ทักษะการอ่าน มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.24 รวม 4 ทักษะ มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.32 ทักษะการเขียน มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.65 ทักษะการฟัง มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.82 และทักษะการพูด มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.32
อภิปรายผลการวิจัย
จากการวิจัยในครั้งนี้ พบว่า หลังจากนักเรียนได้พัฒนาทักษะภาษอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ นักเรียนมีความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน มากยิ่งขึ้น โดยผลการประเมินผลทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนของนักเรียนหลังการพัฒนาเพิ่มขึ้นก่อนการพัฒนาทุกทักษะ
ทั้งนี้ เมื่อนำผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแล้ว ปีการศึกษา 2561 มาเปรียบเทียบกับผีการศึกษา 2552 2560 ปรากฎผล ดังนี้
โดยผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าทุกปีการศึกษา (2552 2560) ทั้งในระดับโรงเรียนและระดับชาติ ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นของผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ปีการศึกษา 2552 2560 และ ปีการศึกษา 2561
ปีการศึกษา 2561 ระดับโรงเรียน ระดับประเทศ
ปีการศึกษา 2552
- 2560 ค่าเฉลี่ย เทียบกับปี 2561 ปีการศึกษา 2552 - 2560 ค่าเฉลี่ย เทียบกับปี 2561
47.38 2552 26.05 +21.33 2552 31.75 +15.63
2553 14.96 +32.42 2553 20.99 +26.39
2554 25.36 +22.02 2554 38.37 +9.01
2555 29.15 +18.23 2555 36.99 +10.39
2556 28.35 +19.03 2556 33.82 +13.56
2557 31.78 +15.6 2557 36.02 +11.36
2558 34.69 +12.69 2558 40.31 +7.07
2559 29.45 +17.93 2559 34.59 +12.79
2560 36.63 +10.75 2560 36.34 +11.04
2561 - - 2561 39.24 +8.14
ข้อเสนอแนะ
ควรมีการศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนโดยใช้แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์
การเผยแพร่/ การได้รับการยอมรับ/ รางวัลที่ได้รับ
ผู้วิจัยได้เผยแพร่ผลงานให้แก่ครูกลุ่มสาระภาษาอังกฤษและกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นนำไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทั้งนี้ได้นำเสนอหลักการพัฒนาในวิจัยเล่มนี้แก่คณะครูและผู้บริหารในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562