การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 2) เพื่อทดลองใช้รูปแบบและศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนบัวใหญ่ จำนวน 32 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจ จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ มี 20 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Samples) ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรียกว่า ORCAR Model มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง 6) ระบบสนับสนุน ทั้งนี้ได้สังเคราะห์ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น ประกอบด้วย (1) ขั้นนำ (Orientation : O) (2) ขั้นทบทวนความรู้เดิม (Review Previous Knowledge : R) (3) ขั้นปรับเปลี่ยนแนวความคิด (Change The Concept : C) (4) ขั้นนำความคิดไปใช้ (Applying the Idea : A) และ (5) ขั้นทบทวน (Review : R) ซึ่งประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 81.95/80.21 มีค่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 75/75
2. ผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ปรากฏ ดังนี้
2.1 ทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจของผู้เรียนหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.2 ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียนหลังการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.3 ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลการขยายผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ORCAR Model) พบว่า
3.1 นักเรียนกลุ่มขยายผลที่เรียนตามรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนมีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 นักเรียนกลุ่มขยายผลที่เรียนตามรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.3 นักเรียนกลุ่มขยายผลมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก