การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างความรู้ แบบร่วมมือ วิชาสังคมศึกษา สาระการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรัทธาสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างความรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรัทธาสมุทร และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรัทธาสมุทร ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างความรู้ แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1-1/10 โรงเรียนศรัทธาสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 413 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนศรัทธาสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 35 คน การเลือกกลุ่มตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มแบบง่ายโดยการจับสลาก รูปแบบการวิจัยใช้กระบวนการวิจัย เชิงปฏิบัติการ การเก็บรวบรวมข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ตีความ สรุป และตรวจสอบความเที่ยงตรงแล้วรายงานผลในลักษณะการบรรยาย การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้ค่าสถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่า t (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างความรู้แบบร่วมมือ วิชาสังคมศึกษา สาระการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
1.1 ขั้นที่ 1 ขั้นวางแผน (Plan) ผู้วิจัยมีการเตรียมการจัดกิจกรรมทุกครั้งที่เข้าสอน มีการวางแผนอย่างเป็นระบบเริ่มตั้งแต่การศึกษาหลักสูตร จุดหมายของหลักสูตร มาตรฐาน ตัวชี้วัด คำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีสอน รวมทั้งการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่จะทำให้ทราบว่าจะสอนอะไร เพื่อจุดประสงค์ใด สอนอย่างไร ใช้สื่ออะไร และการวัดผลประเมินผลอย่างไร การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้จะเป็นแนวทางสำหรับครูที่จะช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุจุดประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 ขั้นที่ 2 ขั้นปฏิบัติการ (Act) ผู้วิจัยได้แบ่งขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิดการสร้างความรู้แบบร่วมมืออย่างชัดเจน คือ ขั้นนำ ขั้นทบทวนความรู้เดิม ขั้นปรับเปลี่ยนแนวคิด ขั้นนำความรู้ไปใช้ และขั้นสรุปและทบทวน โดยทุกขั้นตอนของการปฏิบัตินักเรียนจะมี ส่วนร่วมทุกกิจกรรม
1.3 ขั้นที่ 3 ขั้นสังเกตการณ์ (Observe) ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สังเกตพฤติกรรมนักเรียน บันทึกความคิดเห็นของนักเรียน และสัมภาษณ์นักเรียน ทำให้ผู้วิจัยเห็นพัฒนาการ การแสดงพฤติกรรมของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนจัดให้กับนักเรียนว่าชอบหรือไม่ชอบ เข้าใจบทเรียนหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ครูสอนมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะทำให้ผู้วิจัยได้วางแผนในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพต่อไป
1.4 ขั้นที่ 4 ขั้นการสะท้อนการปฏิบัติ (Reflect) การสะท้อนการปฏิบัติจะทำให้ผู้วิจัย ผู้ร่วมวิจัยได้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกิดจากการจัดการเรียนรู้ และ สามารวางแผนแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องจากการปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ มีความกระตือรือร้นในการเรียน มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง สามารถเรียนรู้และเข้าใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สามารถเรียนรู้และสรุปความรู้ได้ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น
2. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างความรู้แบบร่วมมือ วิชาสังคมศึกษา สาระการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรัทธาสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิดการสร้างความรู้แบบร่วมมือ วิชาสังคมศึกษา สาระการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด (X-bar = 4.55)