บทสรุปของผู้บริหาร
ชื่อเรื่อง : การรายงานโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ
ปีการศึกษา 2558 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35
ผู้รายงาน : นางปฏิมา นรภัทรพิมล รองผู้อำนวยการโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ
การรายงานโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 และศึกษาความพึงพอใจการดำเนินการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ
ปีการศึกษา 2558 ประชากร คือ ผู้บริหาร ครู และนักเรียนโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 จำนวน 971 คน ประกอบไปด้วย ผู้บริหาร 4 คน ครู 60 คน และนักเรียน 907 คน กลุ่มตัวอย่าง
คือ นักเรียนโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ จำนวน 272 คน ได้เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบชั้น (Stratified Random Sampling) ใช้เกณฑ์คำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างของสุรศักดิ์ หลาบมาลา ประชากรมีจำนวนหลักร้อยใช้กลุ่มตัวอย่าง 15-30% ประชากร ผู้รายงานใช้กลุ่มตัวอย่าง 30 % ของประชากร
เครื่องมือที่ใช้ในการรายงานการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 คือ แบบสอบถามการดำเนินการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 ใช้สำหรับผู้บริหารและครู โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ และแบบสอบถามความพึงพอใจการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ
ปีการศึกษา 2558 ใช้สำหรับนักเรียนโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ
1. สรุปผล
สรุปผล
รายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 สรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 ประกอบด้วย 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กิจกรรมศึกษาดูงานและสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา และกิจกรรมการพัฒนาตนเอง สรุปได้ดังนี้
1.1 ได้ข้อมูลสารสนเทศ ความต้องการในการพัฒนาผู้บริหารและครูพร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาครูและผู้บริหาร
1.2 มีคณะกรรมการดำเนินงานพัฒนาบุคลากร โดยกำหนดบทบาทและหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน
1.3 กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรด้านการจัดการเรียนรู้และด้านการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
1.4 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558
1.5 มีแผนปฏิบัติการประจำปี 2558 ที่บรรจุโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียน
ประชารัฐธรรมคุณ โดยมีงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน 368,390 บาท ในการพัฒนาบุคลากร ตลอดปีการศึกษา 2558
1.6 มีปฏิทินการดำเนินการพัฒนาบุคลากร ปีการศึกษา 2558 เพื่อการนิเทศ กำกับ ติดตามผลการดำเนินงานตามปฏิทินที่วางไว้
1.7 มีหลักสูตรการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
1.8 มีแผนการศึกษาดูงาน โรงเรียนที่มีวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้านบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ และแผนการศึกษาแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม โบราณสถาน ในแหล่งเรียนรู้ที่ต้องการ
1.9 มีแผนการพัฒนาตนเอง ในรูปแบบการศึกษาด้วยตนเองและการส่งเสริมให้ได้รับการพัฒนาตนเองจากสถานศึกษา
1.10 ดำเนินกิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
1.11 ดำเนินกิจกรรมศึกษาดูงาน โรงเรียนที่มีวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การด้านบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ ในการศึกษาดูงาน และแผนการศึกษาแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม โบราณสถาน ในแหล่งเรียนรู้ที่ต้องการ
1.12 ดำเนินการพัฒนาตนเอง ในรูปแบบการศึกษาด้วยตนเองและการส่งเสริมให้ได้รับการพัฒนาตนเองจากสถานศึกษา
1.13 มีเครื่องมือตรวจสอบ กำกับ ติดตาม การพัฒนาบุคลากรตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างชัดเจน และผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ
1.14 มีข้อมูลสารสนเทศในการพัฒนาบุคลากร ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ผลการพัฒนาบุคลากรในปีการศึกษาต่อไป และนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการปรับปรุงแก้ไข พัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
1.15 รายงานผลการดำเนินงานต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา ตลอดจนเผยแพร่ไปสู่สาธารณชน ผู้ปกครอง และชุมชน
1.16 มีข้อมูลสารสนเทศในการตัดสินใจในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของประชากรในการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 ประกอบด้วย 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กิจกรรมศึกษา
ดูงาน และสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา และกิจกรรมการพัฒนาตนเอง สรุปได้ดังนี้
2.1 ประชากรที่ให้ข้อมูลในการดำเนินการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 เป็นเพศหญิง จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 57.81 และเพศชาย จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 42.19
ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นผู้บริหาร จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 6.25 และเป็นครู จำนวน 60 คน คิดเป็นร้อยละ 93.75
ผู้ตอบแบบสอบถามมีอายุราชการ 0 5 ปี จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 15.63 มีอายุราชการ 6 10 ปี จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 14.06 มีอายุราชการ 11 20 ปี จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 12.50 มีอายุราชการ 21 ปี ขึ้นไป จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 57.81
2.2 การดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 ในภาพรวมอยู่ในระดับความคิดเห็นมากที่สุด (= 4.53,  = 0.25) เรียงตามลำดับมากไปหาน้อย ได้แก่ กิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (= 4.56,  = 0.25) กิจกรรมศึกษาดูงาน และสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา (= 4.55,  = 0.22) และกิจกรรมการพัฒนาตนเอง (= 4.47,  = 0.28)
2.3 ผลการสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อกิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียน
ประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.56,  = 0.25) พบว่าความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อกิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อยู่ในระดับมากที่สุดอยู่ 8 รายการ เรียงตามลำดับมากไปหาน้อย ได้แก่ การบริหารเวลาของวิทยากร (= 4.84,  = 0.37) นำความรู้ความเข้าใจ ทักษะที่ได้รับในครั้งนี้ ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้ (= 4.83,  = 0.38) รู้และเข้าใจการปฏิบัติตนตามมาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพครู (= 4.72,  = 0.45) เข้าใจขั้นตอนกระบวนการออกแบบการจัดการเรียนรู้ และสามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนได้ (= 4.69,  = 0.47) การบริการ/อำนวยความสะดวกต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ (= 4.64,  = 0.48) ความพึงพอใจในการบริการโดยภาพรวม (= 4.61,  = 0.49) ความพึงพอใจในวิทยากรโดยภาพรวม (= 4.59,  = 0.50) และความเหมาะสมของห้องประชุม (= 4.59,  = 0.50) ตามลำดับ นอกนั้นความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกข้อ
2.4 ผลการสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อกิจกรรมศึกษาดูงาน และสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.55,  = 0.22) พบว่าความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อกิจกรรมศึกษาดูงานและสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 อยู่ในระดับมากที่สุดอยู่ 11 รายการ เรียงตามลำดับมากไปหาน้อย ได้แก่ นโยบายการพัฒนาบุคลากร จากการจัดกิจกรรมนี้ทำให้เกิดขวัญกำลังใจในการทำงาน (= 4.84,  = 0.37) การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้บริหาร คณะครู และบุคลากรของโรงเรียนที่เข้าศึกษาดูงาน (= 4.75,  = 0.44) สถานศึกษาที่ศึกษาดูงานมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณภาพของผู้เรียน (= 4.75,  = 0.44) กิจกรรมในการศึกษาดูงานสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการศึกษา (= 4.69,  = 0.47) กิจกรรมนี้ส่งเสริมให้มีความก้าวหน้าในทางวิชาชีพ (= 4.67,  = 0.47) กิจกรรมนี้เป็นสวัสดิการที่นอกเหนือจากรายได้/ค่าตอบแทนที่ดี (= 4.64,  = 0.48) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในการศึกษาดูงานของสถานศึกษามีความเหมาะสม (= 4.64,  = 0.48) มีความสุขในการทำงาน และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
(= 4.59,  = 0.50) การจัดกิจกรรมเน้นความเสมอภาคและเป็นธรรมโดยเท่าเทียมกัน (= 4.58,  = 0.50) สถานศึกษาที่ไปศึกษาดูงานมีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศและเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการศึกษา (= 4.56,  = 0.50) และความเหมาะสมของระยะเวลาในการศึกษาดูงานในสถานศึกษา (= 4.56,  = 0.50) ตามลำดับ นอกนั้นความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทุกข้อ
2.5 ผลการสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อกิจกรรมการพัฒนาตนเองโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.47,
 = 0.28) พบว่าความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อกิจกรรมการพัฒนาตนเอง อยู่ในระดับมากที่สุด อยู่ 7 รายการ เรียงตามลำดับมากไปหาน้อย ได้แก่ มีคู่มือและเอกสารประกอบการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ (= 4.81,  = 0.39) การนำทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและวิธีการพัฒนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน (= 4.80,  = 0.41) ประโยชน์ของวุฒิบัตรหรือใบรับรองความรู้ที่ได้รับสามารถนำไปใช้ในการสนับสนุนความก้าวหน้าทางวิทยฐานะหรือการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาหรือยกย่องเชิดชูเกียรติตามโครงการต่างๆ (= 4.66,  = 0.51) การนำความรู้และทักษะตามเนื้อหาสาระวิชาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน หรือการปฏิบัติงานในหน้าที่ (= 4.63,  = 0.55) การเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาตามความต้องการ (= 4.63,  = 0.52) ขั้นตอนการทดสอบก่อน-หลังการพัฒนาและขั้นตอนการขอวุฒิบัตรรับรองความรู้ (= 4.61,  = 0.49) และขั้นตอนการเข้าสู่ระบบการพัฒนาโดยผ่านระบอินเทอร์เน็ต (= 4.53,  = 0.56) ตามลำดับ นอกนั้นความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกข้อ
3. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 สรุปได้ดังนี้
ผลการสอบถามความพึงพอใจการดำเนินการพัฒนาบุคลากรโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.61, S.D. = 0.25) พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจการดำเนินการพัฒนาบุคลากร โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 อยู่ในระดับมากที่สุด อยู่ 6 รายการ เรียงตามลำดับมากไปหาน้อย ได้แก่ ผู้บริหารและครูปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน ( = 4.92, S.D. = 0.27) ครูมีบุคลิกลักษณะท่าทางสง่าผ่าเผย เหมาะสมในการเป็นครู ( = 4.87, S.D. = 0.34) ครูจัดประสบการณ์และออกแบบการเรียนการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ( = 4.73, S.D. = 0.45) ครูใช้สื่อ เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ( = 4.72, S.D. = 0.52) ครูจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่นำไปใช้ในการปฏิบัติจริง ( = 4.59, S.D. = 0.56) มีการวัดผลระหว่างเรียนได้ครอบคลุมเนื้อหาที่สอนและเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน ( = 4.56, S.D. = 0.50) และครูปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีแก่ผู้เรียน ( = 4.55, S.D. = 0.50) ตามลำดับ นอกนั้นความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกข้อ
ข้อเสนอแนะ
จากการรายงานครั้งนี้ ผู้รายงานมีข้อเสนอแนะ สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ ปีการศึกษา 2558 ดังนี้
1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการรายงานไปใช้
1.1 ด้านการศึกษาดูงาน ควรจัดโครงการศึกษาดูงานในสถานศึกษาที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) หรือแหล่งวิทยาการอื่น ๆ โดยจัดโครงการเยี่ยมชม และสังเกตการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่น โดยเพิ่มระยะเวลาให้มากขึ้น และอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการนำความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิคต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน อันจะทำให้เกิดการพัฒนา และปรับปรุงกิจกรรมการเรียนการสอนให้ก้าวไกลทันต่อสภาพสังคมปัจจุบัน
1.2 ด้านการฝึกอบรม ควรจัดโครงการพัฒนาความรู้ของบุคลากร โดยการเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถด้านการเรียนการสอนด้วยเทคนิคหรือวิธีการที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และแนวทางในการจัดการเรียนรู้
1.3 ด้านการพัฒนาตนเอง ควรจัดหาสื่ออุปกรณ์ให้เพียงพอต่อการพัฒนาตนเอง เนื่องจากเป็นการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และให้ความรู้พื้นฐานในการใช้สื่อและอุปกรณ์ ตลอดจนเพิ่มเติมแหล่งศึกษาค้นคว้า เอกสารตำราเพื่อให้ครูได้เรียนรู้ด้วยตนเองเพิ่มขึ้น
2. ข้อเสนอแนะในการรายงานครั้งต่อไป
2.1 ควรมีการรายงานโครงการพัฒนาบุคลากรในกิจกรรมที่มีการฝึกอบรม ควรมีการเปรียบเทียบความรู้ ความเข้าใจโดยใช้แบบทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรม
2.2 ควรมีการรายงานโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับขวัญและกำลังใจ ส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านคุณภาพของผู้เรียน