บทคัดย่อ

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ 4) เพื่อศึกษาความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และ5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนชุมชนบ้านหนองแวง จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ จำนวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คะแนนความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ คะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอน การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ค่าที (t- test dependent) และการหาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึก ผลการวิจัยพบว่า

ประสิทธิภาพของแบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ มีค่าเท่ากับ 81.67/80.63 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะโครงงานวิทยาศาสตร์ เท่ากับ 0.6964 หรือคิดเป็นร้อยละ 69.64 นักเรียนที่เรียนได้คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1 นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับสูง จำนวน 8 คน ระดับปานกลาง 9 คน และระดับต่ำ จำนวน 4 คน โดยภาพรวมนักเรียนได้คะแนนความคิดสร้างสรรค์ผ่านเกณฑ์ปกติ จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 80.95 นอกจากนั้นพบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกโครงงานวิทยาศาสตร์ ค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 3.67 อยู่ในระดับมาก

เว็บน่าสนใจ