ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การรายงานผลการใช้กิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ชื่อเรื่อง : การรายงานผลการใช้กิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์

ผู้ศึกษา : นายศิริชัย ตรีตรานนท์ ครูชำนาญการ โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์

ปีการศึกษา : 2560

บทคัดย่อ

การรายงานผลการใช้กิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ 2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ทั้งรายด้านและโดยรวมของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ 3) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ทั้งรายด้านและโดยรวมของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างกลุ่มที่เข้าร่วมและกลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา นักเรียนหญิง ชั้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกาญจนา นุเคราะห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2560 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นแบบวัดพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ และกิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ การเก็บข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง และนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลสำเร็จรูป SPSS for Windows ประมวลผลข้อมูล สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t-test เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนหญิงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมในระยะก่อนการทดลองและหลังการทดลอง

ผลการศึกษา

ผลการศึกษาประสิทธิภาพของกิจกรรมพัฒนาตนป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สรุปได้ว่า

1. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมพัฒนาตนป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (E.I.) มีค่าเท่ากับ 0.63 หรือคิดเป็นร้อยละ 63

2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยกิจกรรมพัฒนาตนป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ มีผลการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01

ผลการศึกษาเปรียบเทียบ พฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ทั้งรายด้าน และโดยรวมของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างกลุ่มที่เข้าร่วม และกลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาตนเพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์สรุปได้ว่า

1. ก่อนการทดลองนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในกลุ่มทดลอง มีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ด้านการไม่อยู่ตามลำพัง กับเพื่อนต่างเพศในที่ลับตาสองต่อสอง ด้านการไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเสพยาเสพติด และพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.21 , = 4.31 และ = 3.75 ตามลำดับ) มีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ด้านการไม่เปิดรับสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ และด้านการหลีกเลี่ยงคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.66 และ = 3.07 ตามลำดับ) เช่นเดียวกับในกลุ่มควบคุม มีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ด้านการไม่อยู่ตามลำพังกับเพื่อนต่างเพศในที่ลับตาสองต่อสอง ด้านการไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเสพยาเสพติด และพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.18 , = 4.35 และ = 3.78 ตามลำดับ) มีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ด้านการไม่เปิดรับสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและด้านการหลีกเลี่ยงคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.60 และ = 3.20 ตามลำดับ) เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งรายด้านและพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมโดยการทดสอบ t (Independent t-test) พบว่า พฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งรายด้าน และพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมของกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม ไม่แตกต่างกัน

2. หลังการทดลองนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในกลุ่มทดลองมีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ด้านการไม่อยู่ตามลำพังกับเพื่อนต่างเพศในที่ลับตาสองต่อสอง ด้านการไม่เปิดรับสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ด้านการไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเสพยาเสพติด และด้านการหลีกเลี่ยงคบเพื่อน ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง และพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.63 , = 4.04 , = 4.71 , = 3.96 และ = 4.31 ตามลำดับ) ในกลุ่มควบคุมมีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ด้านการไม่อยู่ตามลำพังกับเพื่อนต่างเพศในที่ลับตาสองต่อสอง ด้านการไม่เปิดรับสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ด้านการไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเสพยาเสพติด และพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.15 , = 3.73 , = 4.37 และ = 3.77 ตามลำดับ) ส่วนพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ด้านการหลีกเลี่ยงคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง( =3.09) เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบ ความแตกต่างพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งรายด้านและพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวม โดยการทดสอบ t (Independent t-test) พบว่ากลุ่มทดลองมีพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งรายด้านและพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยรวมสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05

โพสต์โดย น้ำ : [16 ต.ค. 2560 เวลา 14:22 น.]
อ่าน [102527] ไอพี : 182.93.224.17
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,545 ครั้ง
ระบบการศึกษา กุญแจความสำเร็จของเกาหลี
ระบบการศึกษา กุญแจความสำเร็จของเกาหลี

เปิดอ่าน 47,586 ครั้ง
วิธีการเชิงระบบ
วิธีการเชิงระบบ

เปิดอ่าน 27,777 ครั้ง
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT

เปิดอ่าน 20,196 ครั้ง
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome)
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome)

เปิดอ่าน 14,986 ครั้ง
LCD (Liquid Crystal Display)
LCD (Liquid Crystal Display)

เปิดอ่าน 2,175 ครั้ง
ค่าสอบ TOEIC เท่าไร ? พร้อมเผยทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนไปสอบ
ค่าสอบ TOEIC เท่าไร ? พร้อมเผยทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนไปสอบ

เปิดอ่าน 152,997 ครั้ง
คริส ไรท์ โพสต์แฉ"การศึกษาไทยไม่ไปไหน"เพราะใคร
คริส ไรท์ โพสต์แฉ"การศึกษาไทยไม่ไปไหน"เพราะใคร

เปิดอ่าน 16,497 ครั้ง
ตักขี้ควายขายรายได้เดือนละ 2 หมื่น
ตักขี้ควายขายรายได้เดือนละ 2 หมื่น

เปิดอ่าน 24,884 ครั้ง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง

เปิดอ่าน 9,216 ครั้ง
ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการกำหนดราคาซื้อหรือราคาจ้างซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มฯ
ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการกำหนดราคาซื้อหรือราคาจ้างซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มฯ

เปิดอ่าน 52,531 ครั้ง
ลูกประคบสมุนไพร
ลูกประคบสมุนไพร

เปิดอ่าน 41,777 ครั้ง
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2561
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2561

เปิดอ่าน 40,263 ครั้ง
ทำไมพระเรียกผู้หญิงว่า "สีกา"
ทำไมพระเรียกผู้หญิงว่า "สีกา"

เปิดอ่าน 36,539 ครั้ง
ศิลปะการเห่เรือ
ศิลปะการเห่เรือ

เปิดอ่าน 13,501 ครั้ง
สลัดผักดีกับสุขภาพจริง แต่ต้องกินให้ถูกวิธีด้วยเช่นกัน
สลัดผักดีกับสุขภาพจริง แต่ต้องกินให้ถูกวิธีด้วยเช่นกัน

เปิดอ่าน 18,270 ครั้ง
พาราเซตามอล
พาราเซตามอล
เปิดอ่าน 4,458 ครั้ง
การใช้ AI ในการแก้โจทย์ PISA เครื่องมือ ChatGPT ผู้ช่วยสำหรับครู
การใช้ AI ในการแก้โจทย์ PISA เครื่องมือ ChatGPT ผู้ช่วยสำหรับครู
เปิดอ่าน 84,396 ครั้ง
วิธีปฐมพยาบาลคนเป็นลม
วิธีปฐมพยาบาลคนเป็นลม
เปิดอ่าน 96,538 ครั้ง
การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างพอเหมาะกับพืช
การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างพอเหมาะกับพืช
เปิดอ่าน 11,566 ครั้ง
ไม่อยากเป็นผู้หญิง กลิ่นตัวแรง
ไม่อยากเป็นผู้หญิง กลิ่นตัวแรง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ