ครูบ้านนอก

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบ

การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) พัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 3) ทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น

โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4) ประเมินผลการใช้และปรับปรุงแก้ไขชุดกิจกรรมการเรียนรู้

วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้

แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบัวลาย อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 33 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 25560 เป็นเวลา 20 ชั่วโมง แบบแผนการทดลอง คือ The One – Group Pretest - Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบสอบถาม 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น จำนวน 8 ชุด 4) แผนการจัดการเรียนรู้

โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก จำนวน

10 แผน 5) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลือก 40 ข้อ 6) แบบสอบถามความ

พึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence : IOC) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t – test for Dependent Sample )

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ครูผู้สอน วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เห็นสมควรให้มีการพัฒนา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

2. ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับ เทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 พบว่า สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ได้จำนวน 8 ชุด คุณภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาสุขศึกษาจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในเกณฑ์ดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.30 ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เท่ากับ 81.05/81.42 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80

3. ผลการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่ามีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6954 แสดงว่านักเรียน มีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 69.54 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินผลการใช้และปรับปรุงแก้ไขชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1/2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่น โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 4.38, S.D. = 0.87) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านการจัดการเรียนการสอน มีความ พึงพอใจอยู่ในระดับมาก 3 ด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ 1) ด้านรูปแบบของ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา 2) ด้านการวัดผลประเมินผล และ 3) ด้านเนื้อหา

เว็บน่าสนใจ