|
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์)
ชื่อผู้วิจัย นางภิรมย์ศรี สมทบ
ปีที่พิมพ์ 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหาด้านการจัดการเรียนรู้วิชา
คณิตศาสตร์ ที่ส่งผลต่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนและศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนและศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ดังนี้ 3.1) ศึกษาประสิทธิภาพด้านกระบวนการและผลลัพธ์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้3.2) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้นระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3.3) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่างเพื่อทดลองใช้รูปแบบ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาล๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) จำนวน 1 ห้อง จำนวน 31 คน และโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี (บ้านเก่าวิทยา1) จำนวน 1 ห้อง จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) กลุ่มตัวอย่างเพื่อนำรูปแบบไปใช้หาประสิทธิภาพ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) จำนวน 62 คน จากห้องเรียน 2 ห้อง ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ประกอบด้วย 1) นักเรียนกลุ่มทดลอง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาล๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) จำนวน 30 คน 2) นักเรียนกลุ่มควบคุม ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนเทศบาล๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) จำนวน 32 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) มีผลการประเมินโดยรวมเฉลี่ย 4.42 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.52 แสดงว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้มีคุณภาพและความเหมาะสมในระดับมาก 2) แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ เป็นแบบอัตนัยจำนวน 4 ด้านๆ 2 ข้อ รวม 8 ข้อ มีค่าความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง (CVI) เท่ากับ 1.00 มีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.25 - 0.56 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (D) ตั้งแต่ 0.44 - 0.94 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (α) เท่ากับ 0.86 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ตั้งแต่ 0.23 - 0.98 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (rcc) เท่ากับ 0.84 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานด้วยสถิติ t-test (Dependent Samples) และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการพรรณนาวิเคราะห์ผลการวิจัยพบว่า
ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหาและเงื่อนไขด้านการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน ครูผู้สอนในโรงเรียนที่เกี่ยวข้องส่วนมากยังไม่ให้ความสำคัญในการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนจนประสบผลสำเร็จและนักเรียนส่วนมากยังไม่ได้รับการสนับสนุนให้เรียนรู้ ตามกรอบแนวทางการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้ผู้เรียนต้องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งกิจกรรมที่ครูจัดให้นักเรียนยังไม่มีความลุ่มลึกพอที่จะเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาการคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ให้บรรลุผล ครูไม่ได้สนับสนุนและเปิดโอกาสให้คิดหาแนวทางหรือแบบแผนการค้นหาคำตอบที่แตกต่างหลากหลายด้วยวิธีการแบบใหม่ ระยะที่ 2 การสร้างและทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีองค์ประกอบด้วย 1) หลักการ แนวคิด ทฤษฎีพื้นฐาน 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง 6) ระบบสนับสนุน โดยประยุกต์ใช้แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องสนับสนุน ได้แก่ ทฤษฎี คอนสตรัคติวิสต์ กลวิธีเมตาคอกนิชั่น กลวิธีการแก้ปัญหา แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ และแนวคิดจิตวิทยากลุ่มเกสตัลท์ ทั้งนี้ได้สังเคราะห์ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น ประกอบด้วย 1) ขั้นสร้างความสนใจและเชื่อมโยงประสบการณ์พื้นฐาน 2) ขั้นเผชิญปัญหาและบ่มเพาะความคิด 3) ขั้นวิเคราะห์ทางเลือกและค้นหาคำตอบ 4) ขั้นประยุกต์และปรับแบบแผนการคิด และ5) ขั้นสรุปและประเมินแบบแผนการคิดสร้างสรรค์ ระยะที่ 3 การศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) พบว่า 1) ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เมื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จากคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าเท่ากับ 75.75/76.25 และเมื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพผลลัพธ์จากคะแนนความคิดสร้างสรรค์ มีค่าเท่ากับ 75.75/61.67 2) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียน สูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
|
โพสต์โดย aod : [31 พ.ค. 2561 เวลา 11:26 น.] อ่าน [3260] ไอพี : 49.229.85.113
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 8,788 ครั้ง
| เปิดอ่าน 31,094 ครั้ง
| เปิดอ่าน 3,831 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,702 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,525 ครั้ง
| เปิดอ่าน 31,151 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,958 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,812 ครั้ง
| เปิดอ่าน 3,440 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,580 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,840 ครั้ง
| เปิดอ่าน 29,911 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,065 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,180 ครั้ง
| เปิดอ่าน 49,401 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 19,214 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,153 ครั้ง
| เปิดอ่าน 36,540 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,357 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,960 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|