ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อวิจัยผลการใช้รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นดังนี้ 2.1) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาก่อนเรียนและหลังเรียนด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2.2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2.3) ศึกษาพฤติกรรมทางการเรียนของนักเรียนระหว่างเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 2.4) เพื่อศึกษาเจตคติ ต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยมี 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 พัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยการใช้วิจัยเชิง คุณภาพ อาศัยข้อมูลพื้นฐานจากแหล่งเรียนรู้ โดยการสังเกต สัมภาษณ์และสนทนากลุ่มร่วมกับครูและนักเรียน ที่มีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem –Based Learning ) นำข้อมูลมากำหนดโครงสร้าง องค์ประกอบรูปแบบการจัดการเรียนการสอน และสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ ขั้นตอนที่ 2 ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้มาทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองตาโผ่นมิตรภาพที่ 5 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 3)แบบประเมินพฤติกรรมทางการเรียน และ 4) แบบวัดเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ และส่วนที่ 2 วิเคราะห์ข้อมูลจากการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปทดลองสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test dependent Samples

ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย หลักการ จุดมุ่งหมาย เนื้อหา สาระ กระบวนการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผล เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามกรอบแนวคิดของ Joyce และ Weil ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ1) ลำดับขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ (Syntax) ซึ่งประกอบไปด้วย ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นขั้นตอนนำเข้าสู่บทเรียนเป็นขั้นกระตุ้นให้นักเรียนเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมต่อการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนคือ ขั้นกำหนดปัญหา ขั้นทำความเข้าใจกับปัญหา/ตั้งสมมติฐาน ขั้นดำเนินการค้นคว้า ขั้นสังเคราะห์ความรู้ขั้นสรุปและประเมินหาคำตอบ และขั้นนำเสนอและประเมินผลงาน 2) หลักการของปฏิสัมพันธ์ (Social System) ครูผู้สอนจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะ แนะนำกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็นเกิด กระบวนการคิดหาคำตอบ นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง 3) หลักการของการตอบสนอง (Principles of Reaction) ครูจัดกิจกรรมที่หลากหลายให้ท้าทาย มีสื่อประกอบที่เร้าใจ กระตุ้นให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันภายในกลุ่ม เพื่อการค้นหาคำตอบ 4) ระบบสนับสนุนการเรียนรู้ (Support System) ครูจัดบรรยากาศของการเรียนรู้รอบๆ ตัวนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้สึกอยากเรียนรู้ หาคำตอบ

2. รูปแบบการจัดการเรียนการรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาตามรูปแบบการจัด การเรียนรู้ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก

3. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีคะแนนเฉลี่ยทักษะกระบวนการคิด แก้ปัญหาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05

4. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีระดับความคิดเห็นต่อพฤติกรรมทาง การเรียนทั้ง 3 ด้านของตนเองหลังเรียนเป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยขึ้น ซึ่งก่อนเรียนเป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อย

5. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีพฤติกรรมทางการเรียนในระหว่างเรียนดีขึ้น สังเกตจากความสนใจ ความกระตือรือร้นในการเรียน นักเรียนได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ มีโอกาสแสดงความคิดเห็น มีอิสระในการตัดสินใจ ในการตอบคำถามและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง จากการจดบันทึกสภาพการจัดการเรียนรู้ของครู พบว่า นักเรียนสามารถค้นคว้าหาคำตอบตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ต่างๆได้ด้วยตนเอง โดยครูมีหน้าที่กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ นักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามศักยภาพ สามารถวัดและประเมินผลนักเรียนตามสภาพจริง

6. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีระดับความคิดเห็นของเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ อยู่ในระดับเห็นด้วย

โพสต์โดย สุนทร : [9 ก.ค. 2561 เวลา 18:08 น.]
อ่าน [63678] ไอพี : 223.205.245.44
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,000 ครั้ง
เคล็ดลับเร่ง "ผม" ให้ยาวเร็วขึ้น
เคล็ดลับเร่ง "ผม" ให้ยาวเร็วขึ้น

เปิดอ่าน 33,137 ครั้ง
เทคนิคการทำตลาดบน Social Media
เทคนิคการทำตลาดบน Social Media

เปิดอ่าน 9,656 ครั้ง
Google ใหญ่ขึ้น!!! คุณไม่ได้ตาฝาด...
Google ใหญ่ขึ้น!!! คุณไม่ได้ตาฝาด...

เปิดอ่าน 8,893 ครั้ง
9 เคล็ดกับการใช้เงิน สำหรับคนอายุเริ่มต้นด้วยเลข 2
9 เคล็ดกับการใช้เงิน สำหรับคนอายุเริ่มต้นด้วยเลข 2

เปิดอ่าน 18,251 ครั้ง
กลับบ้านก่อนเวลา ปีนผ้าหนีแทบไม่ทัน
กลับบ้านก่อนเวลา ปีนผ้าหนีแทบไม่ทัน

เปิดอ่าน 13,530 ครั้ง
มข.ค้นพบยีสต์สายพันธุ์ใหม่ แบ่งตัวเร็ว ผลิตเอทานอลสูง
มข.ค้นพบยีสต์สายพันธุ์ใหม่ แบ่งตัวเร็ว ผลิตเอทานอลสูง

เปิดอ่าน 14,191 ครั้ง
โรคเอ็มเอส โรคร้ายของหนุ่มสาว
โรคเอ็มเอส โรคร้ายของหนุ่มสาว

เปิดอ่าน 12,226 ครั้ง
แก้ปัญหา รักแร้ดำ
แก้ปัญหา รักแร้ดำ

เปิดอ่าน 18,185 ครั้ง
สุดยอดโปรแกรมตรวจสอบสเปคคอมพิวเตอร์ ปี 2012
สุดยอดโปรแกรมตรวจสอบสเปคคอมพิวเตอร์ ปี 2012

เปิดอ่าน 16,618 ครั้ง
น้ำผึ้ง...หวานเป็นยา
น้ำผึ้ง...หวานเป็นยา

เปิดอ่าน 14,775 ครั้ง
กินถั่วช่วยคุ้มกัน โรคมะเร็ง-หัวใจ
กินถั่วช่วยคุ้มกัน โรคมะเร็ง-หัวใจ

เปิดอ่าน 4,722 ครั้ง
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต

เปิดอ่าน 19,109 ครั้ง
กินปลาจะช่วยป้องกันรักษาชีวิต สกัดหลอดเลือดตีบตัน
กินปลาจะช่วยป้องกันรักษาชีวิต สกัดหลอดเลือดตีบตัน

เปิดอ่าน 43,352 ครั้ง
ตัวอย่างหลักสูตรปฐมวัย (ฉบับปรับปรุง2560) โดยโรงเรียนบ้านฝาผนัง ไฟล์เวิร์ด
ตัวอย่างหลักสูตรปฐมวัย (ฉบับปรับปรุง2560) โดยโรงเรียนบ้านฝาผนัง ไฟล์เวิร์ด

เปิดอ่าน 14,418 ครั้ง
ทราบหรือไม่ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง?
ทราบหรือไม่ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง?

เปิดอ่าน 13,189 ครั้ง
ระวัง นุ่งกางเกงคับรัดติ้ว แข้งขาเป็นเหน็บชาได้
ระวัง นุ่งกางเกงคับรัดติ้ว แข้งขาเป็นเหน็บชาได้
เปิดอ่าน 14,591 ครั้ง
ศัพท์จากข่าวประท้วง
ศัพท์จากข่าวประท้วง
เปิดอ่าน 42,544 ครั้ง
โนบิ โนบิตะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
โนบิ โนบิตะ : ตัวละครจากการ์ตูนโดราเอมอน
เปิดอ่าน 54,166 ครั้ง
หลักเกณฑ์สอบศึกษานิเทศก์
หลักเกณฑ์สอบศึกษานิเทศก์
เปิดอ่าน 10,270 ครั้ง
ฮิตทะลุโลก เผยยอดผู้ใช้เฟซบุ๊คมีจำนวนกว่าครึงพันล้านคน ใหญ่เท่ากับปท.อันดับสามของโลก
ฮิตทะลุโลก เผยยอดผู้ใช้เฟซบุ๊คมีจำนวนกว่าครึงพันล้านคน ใหญ่เท่ากับปท.อันดับสามของโลก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ