ครูบ้านนอก

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร รายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ21102 ประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ผู้วิจัย นางสาวญาณินีทิพพ์ ฉวีวงค์
โรงเรียน เรณูนครวิทยานุกูล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ปีการศึกษา 2561


ในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ21102 ประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนกับก่อนเรียนและกับเกณฑ์ ร้อยละ 70 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ21102 ประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 4) เพื่อศึกษาทักษะ การทำงานร่วมกัน ของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร รายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ21102 ประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 5) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผล ของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ21102 ประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 ปีการศึกษา 2561 จานวน 44 คน ได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ใช้รูปแบบการทดลอง แบบ One Group Pretest – Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ21102 ประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน แบบประเมินความพึงพอใจ และแบบสังเกตทักษะการทางานร่วมกัน ค่าสถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( x̄ ) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และการทดสอบค่าที (t-test)

ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 86.53 / 86.36 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 34.55 (ร้อยละ 86.36) ซึ่งสูงกว่าก่อนเรียนและสูงกว่าร้อยละ 70 ที่กำหนดไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ =4.56)
4. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นมีทักษะการทางานร่วมกันอยู่ในระดับดี (x̄ =14.55)
5. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นมีค่าเท่ากับ 0.8227 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 82.27

---

เอกสารที่เกี่ยวข้อง
แบบคำร้องขอย้ายของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
บันทึกคำยินยอมขอย้ายสับเปลี่ยน
แบบฟอร์มอื่นๆ คลิกที่นี่

---

เว็บน่าสนใจ